บทที่ 40-1 แค่ขอให้ทำอีกไปเลย
Xiaobei
สองจิตสองใจแล้วก็กด ‘ตกลง’ จีฮวันเฝ้ามองหน้าจอด้วยสีหน้ากระวนกระวาย ข้อความเพิ่งโพสต์ไปได้ไม่เท่าไหร่ คอมเมนต์ตอบก็หลั่งไหลมาเป็นแถว
[คุณมีโชคสุดๆ แล้ว อย่าปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปเด็ดขาด]
[แล้วชอบหรือไม่ชอบที่โดนผู้หญิงทำแบบนั้น?]
[เม้นข้างบนไม่ได้อ่านเหรอครับ เขาไม่สบายใจเพราะชอบ อยากอยู่ข้างล่างบ้าง]
[โอ้ คุณ X ฟังแต่คำพูดของพวกผู้หญิงพูดมาใช่ไหม ผมเองก็อยากมีประสบการณ์แบบนั้นบ้างจัง แต่การหาคู่ยากกว่าอัตราแลกเปลี่ยนตลาด, ราคาก่อนปิดตลาดปลายปีเสียอีก]
[เดิมทีพวกผู้หญิงที่ทำงานด้านศิลปะก็กินเรียบอยู่แล้ว เอาจริงๆ คือไม่ค่อยมีเล่ห์เหลี่ยมหรอกนะ]
[ไม่ได้อคติว่าผู้ชายต้องเป็นผู้นำ ต้องเป็นฝ่ายทำให้ผู้หญิงพอใจใช่ไหม อยู่ล่างเพลินๆ ไปครับ]
[ผมเองก็เหมือนคุณ ถ้าไม่ได้อยู่ในตำแหน่งปกติจะไม่ทำ เวลาถูกผู้หญิงจับกดมันรู้สึกเสียศักดิ์ศรี แต่ชั่วแวบนึงเหมือนได้ลืมตาในโลกใหม่ ตอนนี้เลยทำตัวสบายๆ แล้ว สำหรับผมผู้หญิงที่เคยด่าฉอดๆ จนได้สติคนนั้นก็คือเมียผมในตอนนี้เนี่ยแหละ]
[รู้ว่าคุณเครียด แต่โทษที…โคตรน่าอิจฉาเลย]
[คุณชอบถึงได้ทำไม่ใช่เหรอ ท่าทางจะกังวลว่าตัวเองจะเป็นพวกมาโซคิสม์ หรือ ‘โรคจิต’ ที่เขาเรียกกันสินะ พื้นฐานความโรคจิตมันอยู่ในใจของแต่ละคน จะผู้ชายผู้หญิงก็เป็นผู้นำได้ทั้งนั้นแหละ มีทั้งคนทำ และคนถูกกระทำที่ปล่อยตัวสบายๆ ให้ฝ่ายตรงข้าม ก็เหมือนการลงทุน ไม่มีหรอกว่าคำตอบไหนถูก สิ่งสำคัญคือ ภายใต้เงื่อนไขที่ตกลงกัน ไม่มีการบังคับ ต่างคนต่างมีความสุขกับสิ่งที่ต้องการหลากหลายรูปแบบด้วยกันต่างหากไม่ใช่หรือ]
[เม้นบนนี่ซิกมันด์ ฟรอยด์ชัดๆ]
[เม้นบนผิดแล้ว ซิกมันด์ ฟรอยด์จดจำทุกสิ่งเป็นความซับซ้อนทางเพศ ถ้าตรวจรักษาเจ้าของกระทู้ อาจจะวินิจฉัยว่า สมัยเด็กไม่ได้รับความรักจากแม่ โตมาเลยถูกผู้หญิงกุมอำนาจทางเพศก็เป็นได้ ผมมองว่าเม้นบนบนดีกว่าซิกมันด์ ฟรอยด์]
[โอ้ว รุ่นพี่ของการใช้ชีวิต! คอมเมนต์เพียบ จะเอาไว้อ้างอิงตอนจีบสาว]
[ไม่มีคำตอบหรอกครับ นึกถึงผู้หญิงคนนั้นแล้วคึกคัก จะไปปิดกั้นทำไม ก็แค่ขอให้ทำอีกไปเลย]
จีฮวันนั่งอ่านคอมเมนต์หลายสิบคอมเมนต์ตาไม่กะพริบ พอเห็นข้อความว่าเขาไม่ได้ผิดปกติหรือเป็นโรคจิตก็ค่อยเบาใจ แต่ก็มีคอมเมนต์ที่ทำให้ยิ่งสับสน
ไม่มีคำตอบ ขอให้ทำอีกไปเลย ไม่มีคำตอบ ขอให้ทำอีกไปเลย ไม่มีคำตอบ ขอให้ทำอีกไปเลย ไม่มีคำตอบ ขอให้ทำอีกไปเลย
“เฮ้อ ไม่มีคำตอบจริงๆ เหรอเนี่ย”
แน่นอนว่าเขาอยากทำ อยากทำกับอึนคังอีก อยากมองสายตาที่เหมือนสัตว์ป่าของอึนคังอีกครั้ง อยากถูกกดอยู่ใต้เธอ อยากรู้สึกถึงการขบเม้มที่ไหปลาร้าอย่างแรง
“ไปขอให้ทำอีกอะไร แค่ครั้งแรกก็แทบบ้า ถ้าทำอีกคงเป็นไอ้บ้าไปเลยไม่ใช่แค่แทบ”
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น จีฮวันตกใจ เห็นเป็นโกอึนคังโทรมา หน้าของสีฮวันก็ร้อนวาบ เรื่องที่เคยจินตนาการกับเธอทั้งหมดคนเดียวแทงใจจึกๆ
ระหว่างที่กระวนกระวายว่าจะรับสายดีหรือไม่ โทรศัพท์ก็ตัดไป จีฮวันสูดหายใจก่อนจะโทรกลับไปหาอึนคัง เป็นการคุยกันหลังจากไปเยี่ยมไข้มาสามวัน
[คุณพีบี!]
เสียงสดใสที่ไม่ได้ยินมานานของอึนคังทำเอาจีฮวันใจเต้น เพราะยังเป็นหวัดเสียงเลยยังอู้อี้ ยิ่งดูน่ารัก
“โทรมาเหรอครับ”
[ค่ะ! โทรไปแต่คุณพีบีไม่ได้รับ คงยุ่งอยู่สินะคะ คุยได้ไหมคะ]
แต่คอท่าทางจะดีขึ้นแล้ว เสียงที่เคยครืดคราดผสมเสลดจึงดูสดใสขึ้น
“ไม่เป็นไรครับ คุยได้ เป็นยังไงบ้างครับ”
[หายแล้วค่ะ กินยาที่คุณพีบีซื้อมาให้สามวันไม่ได้ขาดเลย]
“ยังไงก็ยังต้องพักอีก ถ้ากินยาก็ประมาณสามวันหาย ถ้าไม่กินยาก็หนึ่งอาทิตย์”
[คุณพีบี! คือฉันจะเขียนอะไรหน่อย ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมคะ]
เป็นผู้หญิงที่ไม่ฟังคนอื่นพูดเอาเสียเลย
“ไม่ได้ครับ ยังไม่หายหวัดดี จะทำงานแล้วเหรอครับ มีสติบ้างหรือเปล่าครับเนี่ย”
จู่ๆ จีฮวันก็โกรธเสียงดัง ไม่รู้ทำไมถึงได้โกรธ
[อ้า ไม่ใช่นะคะคุณพีบี ฉันไม่ได้จะทำงานหนักอะไร กินกับนอนเฉยๆ มันเบื่อ ก็เลยทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ…]
“พอกินยาเข้าไปก็เหมือนจะหายแล้ว แต่นั่นคุณนักเขียนเข้าใจผิด ยารักษาไวรัสหวัดได้นั้นมีหลายร้อยชนิดจนบรรยายออกมาได้ไม่หมดหรอกนะครับ ทั้งยาแก้ไอ ยาแอนตี้ฮีสตามีน ยาแก้ปวด ยาแก้อักเสบ แต่ก็แค่ใช้บรรเทาไปตามอาการไอ มีน้ำมูก ปวดหัว กินยาแล้วก็อาจจะดีขึ้น แต่ถ้ายังทำนู่นนี่ไม่หยุด ฤทธิ์ยาหมดก็อาจแย่ลงกว่าเดิม คำพูดที่ว่ายาที่รักษาหวัดได้ดีที่สุดคือการนอนพักผ่อนให้เต็มที่ ไม่ใช่แค่คำพูดไร้สาระของหมอหรอกนะครับ!”
[อุ๊บ ฮ่าๆๆ]
ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ จากโทรศัพท์
“หัวเราะเหรอครับ”
[ชอบค่ะ]
“อะไรนะครับ”
[ฉันติดการเทศน์แบบนี้ของคุณพีบีเข้าแล้ว ได้ฟังแล้วรู้สึกดี จิตใจสบายเหมือนฟังเพลง นั่งสมาธิ คิกๆ]
ยัยคนนี้นี่ เทศน์งั้นเหรอ นั่งสมาธิเนี่ยนะ
[ค่า ค่า ฉันเข้าใจแล้ว ถึงได้อดใจไว้ ทั้งที่อยากออกไปวิ่งที่สวนริมทะเลสาบจะตาย ฉันจะนอนพักเฉยๆ จนถึงสุดสัปดาห์เลย เพราะงั้นฉันแค่จะส่งอะไรสั้นๆ ให้คุณพีบีช่วยดูให้หน่อย ฉันต้องการความช่วยเหลือจากคุณพีบีจริงๆ นะคะ นะคะ? นะๆๆ]
“จะให้ช่วยอะไรครับ”
[ฉันเขียนบรรยายศูนย์พีบีที่มินจุนพระเอกของเรื่องทำงาน แต่คิดไม่ออกเลยค่ะ เลยอยากได้คำแนะนำของคุณพีบี]
“เจาะจงลำบากครับ เพราะดีไซน์ศูนย์พีบีของแต่ละธนาคารก็จะแตกต่างกันไป…แต่ลองส่งมาดูก่อนก็ได้”
[ค่ะ! ฉันส่งจะข้อความไปให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ ฟิ้ว!]
หลังจากนั้นสักครู่ จีฮวันก็ได้รับข้อความ
[มินจุนกระชากประตูเข้าไปในศูนย์วีไอพี รองเท้าดำเป็นมันเงาก้าวไปตามพื้นหินอ่อนสีขาวที่ไม่มีฝุ่นเลยสักเม็ด เวลาที่ต้องตัดสินเรื่องสำคัญ เขามักจะใส่รองเท้าคู่นี้ รองเท้าหนังลูกวัวสุดหรูจากอิตาลีคืออาวุธร้ายแรงที่สุดของมินจุน เป็นเหมือนเครื่องรางแห่งความสุขที่ช่วยป้องกันลางร้าย
ศูนย์วีไอพีที่ตกแต่งให้บรรยากาศสงบเยือกเย็น ในขณะเดียวกันก็หรูหราด้วยพรมสีแดงเข้มกับวอลเปเปอร์ผ้าไหมสีฟ้า ชวนคิดไปถึงคลับชั้นสูงของยุโรปในศตวรรษที่ 18
โซฟาและเก้าอี้นำเข้าจากยุโรปนั้นดูสง่างาม บาร์ที่จัดเตรียมเอาไว้ด้านนึงของห้องเต็มไปด้วยไวน์และเหล่าฝรั่งสุดหรู สมกับเป็นศูนย์วีไอพีของธนาคารที่มีแค่เศรษฐีหนึ่งเปอร์เซ็นต์ในประเทศที่เข้ามาได้…]
“เฮ้อ นี่มันอะไรกันเนี่ย”
จีฮวันโทรกลับไปทันที
“คุณนักเขียนไม่เคยไปศูนย์พีบีเลยใช่ไหมครับ”
[ค่ะ…]
“ถึงจะเป็นนิยายในเว็บ ไม่สิ ถึงคนอ่านจะไม่เคร่งเรื่องความสมจริงของนิยาย แต่ก็จะเขียนไปมั่วๆ แบบนี้ได้เหรอครับ”
[ไม่ใช่ใช่ไหมคะ]
อึนคังถามเสียงจ๋อย
“ครับ! ไม่ใช่มากๆ นี่มันแฟนตาซีเลยละ บรรยากาศหรูหราในขณะที่สงบเยือกเย็นคืออะไร ความโมเดิร์นแล้วก็คลาสสิกนี่อีก! พระเอกเป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน แต่ไม่เคยเข้าศูนย์พีบีเลยสักครั้งได้ยังไง นี่มันเป็นการละเลยหน้าที่และคุณสมบัติในฐานะนักเขียนไม่ใช่เหรอครับ]
[ก็ฉันกลัวนี่คะ…]
“อะไรนะครับ กลัวอะไร ผมเหรอ”
[หน่วยราชการ ธนาคาร สถานีตำรวจ ฉันกลัวสถานที่แบบนั้นค่ะ]
“กลัวอะไรครับ พนักงานธนาคารจะจับคุณนักเขียนกินเหรอ หรือตำรวจกับพวกข้าราชการจะทำอะไรคุณนักเขียน”
[ยังไงฉันก็ไม่ชอบนี่คะ แค่เห็นคนใส่เครื่องแบบมีอำนาจ เหงื่อก็แตก ปากก็สั่นไปหมดแล้ว]
“ตกลงกลัว หรือไม่ชอบกันแน่ครับ”
[ทั้งสองอย่างนั่นแหละค่ะ กลัวเลยไม่ชอบ]
เฮ้อ ถือเป็นเรื่องแปลก โกอึนคังที่ไม่เห็นกลัวอะไรในโลกนี้ก็มีมุมแบบนี้กับเขาด้วย
[ดังนั้นถึงได้มาให้คุณพีบีแนะนำยังไงคะ ไม่งั้นฉัน…]
“การฟังอ้อมๆ จากที่ปรึกษา จะไปเทียบกับที่นักเขียนเดินเข้าไปเก็บข้อมูลเองได้ยังไงครับ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นเคยได้ยินไหมครับ”
[เข้าใจแล้วค่ะ…]
เสียงจ๋อยๆ ทำเอาใจของจีฮวันอ่อนยวบ
“ไปด้วยกันไหมล่ะครับ แบบนั้นจะไม่กลัวใช่ไหมครับ”
[กรี๊ด!]
* * *
ราฮีในชุดคลุมอาบน้ำมีผ้าขนหนูพันรอบศีรษะกำลังเลือกชุด กระเป๋า และรองเท้าอย่างพิถีพิถันอยู่ในห้องแต่งตัว
ห้องแต่งตัวเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในบ้าน ตรงกลางเป็นตู้โชว์แบ่งห้องออกเป็นสองส่วน ฝั่งนึงของราฮี อีกฝั่งของซองบอม
ราฮีมีกระเป๋ากับรองเท้ามากกว่าเสื้อผ้า ส่วนสมบัติของซองบอมหลักๆ คือนาฬิกา ภายในตู้กระจกที่ถูกติดตั้งสัญญาณเตือนภัยเก็บกล่องนาฬิกามูลค่าหลายสิบล้านวอนไว้หลายสิบเรือน
ขณะที่ราฮีกำลังกลุ้มใจหยิบรองเท้ากับกระเป๋าหลายใบมาวางเทียบกับเสื้อโค้ตและชุดวันพีช ก็ได้ยินเสียงกดรหัสลับนอกห้องแต่งตัว ราฮีหยิบเสื้อผ้าเสื้อผ้าและรองเท้าออกมาอย่างละคู่ แล้วรีบเก็บที่เหลือเข้าที่เดิม
ราฮีถือเสื้อผ้าและรองเท้าจะออกไป แต่ซองบอมเดินเข้ามาด้วยหน้าตาชอบอกชอบใจ หมู่นี้ทำไมดูอารมณ์ดีทุกวัน
“เสาร์นี้เธอเตรียมฟังข่าวดีจากพ่อได้เลย”