บทที่ 35 ผู้หญิงที่ทิ้งรอยจูบสีม่วงเอาไว้
Xiaobei
“ถ้าคิดจะแถว่าโดนยุงกัด โดนหมัดกัด หรือเป็นรอยกระแทกอะไรล่ะก็ หวังว่าคงยังจำได้ว่าเพื่อนนายเป็นหมอ ถึงวันๆ จะจ้องแต่ไอ้นั่นของผู้ชาย แต่ก็แยกออกว่าอันไหนคนหรือแมลงกัด”
เหมือนตุ๊กตานัทแครกเกอร์พังๆ ปากที่อ้าค้างของจีฮวันในกระจกหุบลง สติหลุดลอยไปไกล จีฮวันได้แต่อึ้งมองรอยจูบที่ปรากฏบนต้นคอของตนเอง ขณะมองก็ไม่อยากจะเชื่อ
ซอกยองดันคางของจีฮวันให้หุบปาก ดึงเสื้อคลุมอาบน้ำที่แหวกออกปิดให้เหมือนเดิม
“ไม่เป็นไรๆ โตขนาดนี้แล้ว โดนผู้หญิงจูบฝากร่องรอยไว้ ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
จีฮวันเดินโซเซออกมาจากห้องน้ำ
“เมี้ยววว?”
จีองที่เฝ้าอยู่หน้าห้องน้ำร้องเสียงสดใสหลังคาบบราเซียร์ออกมาจนเกิดเรื่องราว
เหลือบมองจีองแวบนึง จีฮวันก็ไปทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาห้องรับแขก หน้ามืดเวียนหัว คิดอย่างไรก็ไม่อยากเชื่อ เพิ่งเคยเจอประสบการณ์แบบนี้ครั้งแรกในชีวิตสามสิบห้าปีที่ผ่านมา
ให้ตายเถอะ รอยจูบ ไม่ใช่เด็กม.ปลายวัยสิบกว่าสักหน่อย ไร้สาระชะมัด เมื่อคืนเราขนาดนั้นเลย? ไม่ใช่สิ่งที่น่าอวด แล้วนี่อะไร นี่มันอะไรกัน…
จีฮวันรู้ถึงความหุนหันพลันแล่นของตัวเอง ตัวสั่นกับความร้อนแรงของโกอึนคัง
“ใครเหรอ ทำงานอะไร สวยไหม อายุเท่าไหร่ เจอกันที่ไหน หือ?”
ซอกยองนั่งแทรกลงข้างๆ จีฮวันพลางถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ขณะที่กำลังเบื่อก็มีเรื่องสนุกๆ เกิดขึ้น
“กลับไป…”
“หืม? ผู้หญิงที่ดูดต้นคอขาวๆ ของรยูจีฮวันอย่างดุเดือดเป็นใคร ผู้ชายคนนี้เป็นของฉัน ใครก็อย่ามาแตะ! ผู้หญิงที่ฝากรอยจุ๊บนี้คือใคร หรือมีใครแนะนำให้? ว่าไง ตั้งแต่เมื่อไหร่”
ใคร ทำงานอะไรงั้นเหรอ ก็โกอึนคัง นักเขียนนิยายออนไลน์ที่นายแนะนำมาไงเล่า! สวยไหมงั้นเหรอ ก็ไม่เท่าไหร่ น่าขำชะมัด!
“บอกให้กลับไปได้แล้วไง! ไสหัวไปเลย!”
จีฮวันลุกพรวดตวาดไล่ ซอกยองจึงได้กอดอก จ้องจีฮวันด้วยสายตามีเลศนัย
“ถ้านายที่เป็นโรครักสะอาดจนโอเว่อร์พามาถึงบ้าน นี่ต้องไม่ใช่ความสัมพันธ์ธรรมดาแน่”
“ไร้สาระ อย่ามาเดาอะไรมั่วๆ มันไม่ใช่อย่างที่นายคิด”
“ฉันคิดอะไรงั้นเหรอ”
“ก็แค่วันไนต์ ชายโสดเหงา มีอะไรกับผู้หญิงที่ผ่านมาเจอคืนนึง ก็แค่นั้น”
“วันไนต์? รยูจีฮวันผู้รักความสะอาดยิ่งกว่าอะไรมีวันไนต์ที่บ้าน?”
“เมื่อคืนทั้งโรงแรม โมเต็ล กระทั่งโรงแรมจิ้งหรีดทั้งเกาหลีเต็มหมดเลยมาที่บ้าน โอเคนะ”
ซอกยองไม่เชื่อ ตั้งใจดูบราเซียร์ที่แผ่หราอยู่บนโต๊ะด้วยความสนใจ
“เห็นบรามาก็มาก แต่บราสีม่วงที่ดูลึกลับแบบนี้เพิ่งเคยเห็น มีลักษณะเฉพาะ เซ้นส์ในการเลือกสียอดเยี่ยม ลูกไม้ก็ดูดี เสื้อในทำให้เห็นถึงรสนิยมและบุคลิกลักษณะ ดูมีความสนใจในแฟชั่น เสื้อผ้าก็น่าจะดูดี น่าจะเป็นสาวสังคม มีรสนิยมด้านแฟชั่นดี ยังไงสเปกผู้หญิงนายก็แนวนี้อยู่แล้วนี่”
จีฮวันแอบหัวเราะในใจ สาวสังคมรสนิยมด้านแฟชั่นดีงั้นเหรอ วันๆ ใส่แต่ผ้าใบเก่าๆ กับแจ็คเก็ตฟิลด์ทึมๆ ล่ะไม่ว่า เป็นผู้หญิงที่ไม่มีความเป็นผู้นำเรื่องแฟชั่นเลยต่างหาก
“คัพใหญ่มาก แต่ไม่ได้เสริมฟองน้ำหนาเสียด้วย แทบไม่ได้เสริมเลยต่างหาก นี่แค่ความหนาของผ้าเฉยๆ น่าจะคัพซีได้ล่ะมั้งเนี่ย คาดดูแล้ว ต้องเป็นเจ้าของที่มีหน้าอกที่น่าดูมากแน่ๆ”
ใบหน้าของจีฮวันแดงขึ้น ขณะที่ฟังคำพูดของซอกยอง นึกขึ้นได้อย่างชัดเจน หน้าอกของอึนคังที่ไม่สามารถกอบกุมได้เต็มมือ
ครั้งแรกก็ตกใจกับไซส์ที่คาดเดาไม่ได้ตอนใส่เสื้อผ้า ครั้งที่สองตกใจกับความอ่อนนุ่มที่อวบอิ่มจนล้นมือ
“นะ นะ นาย ไม่ไปทำงานหรือไง หา? เลิกเดาบ้าๆ แล้วรีบกลับไปได้แล้ว! ถึงโรงพยาบาลจะร้างจนแมลงวันบินแค่ไหน แต่ก็ต้องไปเปิดจนกว่าจะเจ๊ง! ลุกๆ รีบไปได้แล้ว! กลับไปซะ!”
จีฮวันดึงซอกยองที่ไม่ยอมกลับให้ลุกขึ้น
“แค่กๆ เฮ้ย ดึงคอเสื้อกันเลยเหรอ แค่ก! โอ๊ย หายใจไม่ออก! จะฆ่าฉันหรือไง!”
“อย่ามัวไร้สาระ ไม่ให้จับคอเสื้อใช่ไหม”
จีฮวันจับหลังคอแจ็คเก็ตของซอกยองลากไปที่ประตู เมื่อกี้ที่โดนลากไปห้องน้ำเพราะถูกจู่โจมเอาแขนไพล่หลังโดยไม่ทันได้ตั้งตัวหรอกนะ แต่ถ้าจีฮวันตัดสินใจและพยายามทำอะไรแล้ว อย่างซอกยองนี่ไม่ครณามือ
“มายังไม่ถึงสามสิบนาทีเลย!”
“ฉันยุ่ง! เพราะนายตารางเช้านี้ฉันถึงวุ่นวายไปหมดไม่เห็นหรือไง ต้องทำความสะอาดกระบะทรายให้จีอง แล้วก็ต้องทำความสะอาดบ้าน ยุ่งจะตายอยู่แล้ว! โชคดี ไม่ออกไปส่งนะ”
จีฮวันผลักซอกยองเบาๆ ออกไปนอกประตู
“เฮ้ย! แนะนำเจ้าของเสื้อในให้รู้จักหน่อยสิ! ไม่งั้นฉันจะปล่อยข่าวลือแถวบ้านนาย! รยูจีฮวันที่ปรึกษาด้านการเงินโรคจิตชอบบราเซียร์! แถมลูกไม้สีม่วงด้วย”
ปัง!
จีฮวันส่ายหน้าหันหลังเดินมาในห้อง ระหว่างนั้นจีองกำลังเคี้ยวอาหารอย่างไม่สนใจ จีฮวันถอนหายใจ ย่อตัวลงนั่งข้างๆ จีอง
“ที่โมโหใส่เมื่อกี้ขอโทษนะ งอนเหรอ”
ฮึ! จีองหมุนตัวหนีแสดงออกว่างอนอย่างเปิดเผย
“เมื่อกี้พ่อตกใจไปหน่อย ขอโทษน้า”
จีฮวันลูบหัวจีองแล้วจ้องมองบราเซียร์ที่วางอยู่บนโต๊ะ รู้สึกขัดข้องใจ
“รู้ตัวไหมนั่น แต่ถึงเมาไม่มีสติยังไง ก็ไม่น่าถอดเสื้อในทิ้งไว้บ้านคนอื่น มีคนไม่มีสติขนาดนี้อยู่ด้วยเหรอ…”
แล้วคำพูดของอึนคังก็แวบขึ้นมา
‘ปกติฉันจะมีแค่กระเป๋าที่ใส่เครดิตการ์ดกับมือถือไม่มีกระเป๋า กระเป๋าเงินไม่คิดจะซื้อเด็ดขาดเพราะหายไปแล้ว พอมีกระเป๋าสตางค์แล้วไง ก็ต้องเสียเวลาไปทำเรื่องแจ้งบัตรประชาชนหายใช่ไหมล่ะคะ พอวางจากมือปุ๊บ กระปงกระเป๋า อะไรก็หายหมด’
“ถึงจะเป็นผู้หญิงที่ไปไหนมาไหนไม่พกกระเป๋าเงิน เที่ยวลืมสมุดเก็บข้อมูลงานวางทิ้งไว้ ก็ควรมีสติจัดการกับเสื้อในตัวเองบ้างสิ”
จีฮวันส่ายหน้านั่งลงบนโซฟา
“ทิ้งไปเลยดีไหม น่าจะไม่รู้ตัวว่าลืมทิ้งไว้แน่ๆ แต่จะเอาของของคนอื่นไปทิ้งได้ยังไง ถ้าเขามาตามหาทีหลังล่ะ โอ๊ย อยากจะบ้า!”
จีฮวันหยิบมือถือขึ้นมาเริ่มพิมพ์ข้อความ พิมพ์มาจนถึงคำว่า ‘เสื้อชั้นใน’ ก็ตกใจลบทิ้ง รู้สึกเหมือนใช้คำไม่เหมาะในการส่งข้อความถึงผู้หญิง ความรู้สึกประหนึ่งเหมือนส่งข้อความลามก
[มีของที่ลืมไว้หรือเปล่าครับ ดูเหมือนคุณนักเขียนจะลืมของไว้ที่บ้านผม]
พิมพ์ไปกังวลไป แต่ก็ยังไม่ถูกใจจีฮวัน พิมพ์กำกวมแบบนี้ ท่าทางจะจับประเด็นสำคัญไม่ได้แน่ๆ
‘ไม่แน่ใจว่า’, ‘อย่างไรก็ตาม’ หรือ ‘เหมือนว่า’ ไม่ควรเขียนลงในจดหมายเด็ดขาด ถ้าเป็นที่บริษัท เขาจะว้ากลูกน้องที่เขียนคำเหล่านี้ลงมาในรายงาน
[คุณนักเขียน ทิ้งเสื้อในไว้ที่บ้านผมนะครับ]
กังวลใจอยู่หลายนาที จีฮวันก็พิมพ์ข้อความที่ถูกใจได้ในที่สุด มีแต่เนื้อหาที่กระชับไม่เยิ่นเย้อ แต่ก็ยังเหมือนขาดอะไรไปหน่อย กลุ้มอยู่สักครู่ จีฮวันก็เพิ่มคำลงไป
[คุณนักเขียน ทิ้งเสื้อในสีม่วงไว้ที่บ้านผมนะครับ]
เพิ่ม ‘สีม่วง’ เข้าไป เพื่อให้รู้ว่าเป็นเสื้อในตัวไหน
“ดีล่ะ ประมาณนี้น่าจะโอเค”
แต่พอจะส่งเข้าจริงๆ ก็เหมือนอะไรมันยังขาดไป จีฮวันที่กุมหัวอยู่อีกสิบนาที ในที่สุดก็ร่างข้อความได้สำเร็จ
[คุณนักเขียน ทิ้งเสื้อชั้นในไว้ที่บ้านผม มาเอาคืนไปนะครับ]
“ใช่แล้ว นี่แหละประเด็นสำคัญ เหตุผลที่เอาของไปฝากที่ศูนย์ของหายคืออะไร ก็ต้องให้มาเอาของคืนไปอยู่แล้ว คนที่ลืมของทิ้งไว้ต้องมาเอาคืนแน่ๆ อืมๆ”
“เมี้ยววว”
จีองร้องโต้ตอบ การให้มาเอาเสื้อใน เป็นข้ออ้างให้ได้พบโกอึนคังอีกครั้งสินะ
“ทำความสะอาด ต้องทำความสะอาด!”
จีฮวันรีบลุกขึ้น ต้องทำความสะอาดให้เสร็จก่อนที่อึนคังจะมาเอาชุดชั้นใน
ห้องนอนได้รับการกวาดถูเป็นพิเศษ ผ้าปูที่นอนก็ถูกเปลี่ยน ปัดกระทั่งฝุ่นไรในผ้าห่มด้วยเครื่องดูดไรฝุ่นบนที่นอนด้วยความเร็วแสง
แต่ทำความสะอาดเสร็จแล้ว อึนคังก็ยังไม่ตอบ ซักผ้า กินข้าว เอาขยะไปทิ้ง ทำงานบ้านวนไปจนเวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว เย็นแล้วแต่ก็ยังไม่มีการติดต่อกลับมาจากอึนคัง
“ผู้หญิงแบบนี้ก็มีด้วย! นึกว่าคนอื่นเขาไม่มีอะไรทำ ว่างมารอตัวเองติดต่อมาทั้งวันหรือไง”
จีฮวันหมดความอดทนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ช่วงเวลาที่สัญญาณดังเพียงสั้นๆ กลับรู้สึกว่ายาวนานมาก
ทำไมปากสั่น มือเหงื่อแตกแบบนี้ ต่อหน้าลูกค้าที่ต้องดีลงานหลายพันล้านยังไม่เคยตื่นเต้นแบบนี้
[สวัสดี แค่ก ค่ะ]
จากที่คิดจะต่อว่า พอได้ยินเสียงอู้อี้ของอึนคัง ก็มลายหายไป ตึง หัวใจหล่นฮวบ
“ทำ ทำไมเสียงเป็นอย่างนั้น ไม่สบายเหรอครับ”
[ค่ะ นิดหน่อย…]
“เป็นอะไรครับ”
[เหมือนจะครั่นเนื้อครั่นตัว แค่ก]
เสียงไอแหบแห้งราวกับคราดครูดคอ ทำเอาจีฮวันรู้สึกแสบคอไปด้วย
“เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย ไปไม่สบายตอนไหน”
แล้วจีฮวันก็หุบปาก คิดได้ว่าไม่ใช่คำพูดที่ควรจะพูดกับคนป่วย
ใครจะป่วยเพราะอยากป่วย ก็ไม่เห็นมีอะไรไปทำให้ป่วย หรือว่ามี? เมื่อวานกินเหล้าเข้าไปเยอะ ไหนจะเซ็กซ์ เอ้ย กิจกรรมกลางคืนที่ดุเดือดและยาวนานมากทีเดียว แอบรู้สึกขอโทษ
“ป่วยเพราะดื่มเหล่าหรือเปล่าครับ ดื่มเข้าไปมากขนาดนั้น”
[ไม่ใช่หรอกค่ะ แค่กๆ ฉันไม่ได้อาเจียนหรือปวดหัว แค่มันหนาวไปทั้งตัว แล้วก็ปวดไปถึงกระดูก]
ก็นั่นแหละ ยัยคนนี้นี่!
“ดูท่าจะไม่ได้ไปโรงพยาบาล กินยาแล้วใช่ไหมครับ”
[ที่บ้านไม่มียา ฮัดชิ้ว! ขอโทษค่ะ ฮัดชิ้ว! ขอโทษนะคะ]
“อยู่คนเดียวเหรอครับ”
[เปล่าค่ะ อยู่กับจากู ฮัดชิ้ว!]
จีฮวันยิ้มขำ ที่เขาถามว่าอยู่คนเดียวหรือเปล่า หมายความว่ามีคนดูแล ไปซื้อยา ต้มข้าวต้ม เอามืออังหน้าผากวัดไข้ให้ไหม
ดันบอกว่าอยู่กับจากู? เจ้าจากูมันไปซื้อยา ต้มข้าวต้ม ดูแลเอาน้ำให้กินได้หรือไง
[คุณพีบี ฉันต้องวางสายก่อนนะคะ แค่กๆ ไว้คุยกัน…]
“โอเคครับ ดูแลตัวเอง”
ด้วยนะครับ สายตัดไปก่อนที่จะพูดจบ
“เฮ้อ ผู้หญิงคนนี้จริงๆ เลย…”
ขนาดไม่สบายยังเย่อหยิ่ง แล้วท่าทางข้อความที่ส่งไปคงไม่ได้ผ่านเข้าตาเลย เมื่อได้รู้ความจริงว่าไม่ใช่อึนคังไม่ได้สนใจข้อความตัวใจ จีฮวันก็ค่อยโล่งอก
“ท่าจะไม่สบายมาก ปวดเมื่อยครั่นเนื้อครั่นตัว คงจะไม่หอบร่างสภาพนั้นไปนั่งทำงานหน้าโต๊ะอย่างเอาเป็นเอาตายหรอกนะ”
“เมี้ยววว?”
“จะเรื่องงาน หรือไปโรงพยาบาล โตแล้ว น่าจะรู้ตัวเองอยู่แล้ว ใช่ไหมจีอง”
“เมี้ยว”
* * *
หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น จีฮวันก็มาอยู่หน้าห้อง 1503 สองมือถือถุงพลาสติกที่มีข้าวของเต็มไปหมด