บทที่ 73-2 ราวกับแข่งกันว่าใครเป็นคนขี้ขลาดกว่า
“ไปจ่ายตลาดอะไรกัน! ถ้าซื้อแล้วก็ต้องขนมาสิ!”
“ที่ผ่านมาใช้เท้าฟังหรือยังไงครับ ใครจะไม่อยากไป มันเป็นเหตุสุดวิสัย! แล้วคุณนักเขียนทำไมไม่รับโทรศัพท์ ส่งข้อความไปก็ไม่ตอบ! ถ้าทิ้งที่อยู่ไว้ ถึงจะดึกยังไง ผมก็ต้องไปแน่!”
“อ๊ะ นี่เป็นความผิดฉันงั้นเหรอ เป็นเพราะฉัน?”
“ไม่ใช่ แค่ให้ลองคิดถึงความเป็นจริง มีไปเข้าค่ายที่ไหนไม่บอกสถานที่บ้างครับ”
“ถ้ารู้ก่อนก็ไม่สนุกสิ กะว่ามาถึงชองพยองสักสามทุ่มครึ่งแล้วค่อยบอกตอนนั้น! เพราะตั้งใจจะเซอร์ไพรส์!”
“โกหก! สามทุ่มโทรไปก็ไม่รับสายไม่ใช่เหรอครับ! ผมร้อนใจขนาดไหน! คนที่เป็นผู้จัดการก็ทำเหมือนสนิทกันส่งวิสกี้ให้ไม่หยุด ผู้หญิงที่บอกจะล่วงหน้าไปก่อนก็ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง”
ขณะฟังจีฮวันที่เถียงเป็นเอ็น อึนคังก็คอยด้วยใจที่เต้นรัว ว่าจะมีชื่อ ‘ชเวราฮี’ ออกมาหรือไม่ ให้จีฮวันสารภาพว่าอยู่กับชเวราฮีออกมาเองก่อน
ดูแล้วการไปกินเหล้ากับชเวราฮีน่าจะเป็นความบังเอิญ ไม่ได้นัดกันก่อน
“ระหว่างนั้นมือถือก็ตกลงไปในโถส้วม แล้วก็เจ๊งไปเลย รู้ไหมว่าผมจะบ้าตาย! ในสถานการณ์แบบนั้น คุณไม่เข้าใจความรู้สึกผม แล้วยังมองเหมือนผมเป็นคนทรยศอีก!”
“แล้วไงคะ”
“แล้วไงอะไร”
“เสร็จแล้วยังไง”
“ต้องการอะไรอีกครับ อ๋อ กลับมาถึงบ้านยังไงผมก็จำไม่ได้ รู้แต่นั่งแท็กซี่มาถึงบ้าน กับแกล้มก็ไม่มี น้ำก็ไม่ได้กิน กินแต่วิสกี้เพียวๆ ยี่สิบแก้ว คิดว่าจะเป็นยังไงล่ะครับ ก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่าผมดื่มแบบไหน เบียร์น่ะกินทั้งคืนได้ แต่เหล้าแรงๆ อย่าวิสกี้หรือโซจู…”
“ใครสงสัยคะว่าคุณดื่มอะไร”
“งั้นอะไรล่ะครับ จะให้อธิบายอะไรอีก! ไม่เชื่อที่ผมบอกว่ามือถือพังหรือไง เอ้า ดูสิครับ นี่ใช่มือถือผมหรือเปล่า ผมทำตกโถส้วมจริงๆ เพิ่งได้รับเครื่องชั่วคราวมาจากศูนย์ซ่อม…”
พอพูดเรื่องมือถือ ภาพของอึนคังกับยองอูอยู่ด้วยกันก็ลอยขึ้นมาตรงหน้า ทั้งคู่ลงจากแท็กซี่มาด้วยกัน สบตากันอย่างเร่าร้อน ยืนหัวร่อต่อกระซิก เหมือนไม่อยากแยกจากกัน ประหนึ่งว่าเมื่อคืนนั้นดีและสนุกมาก
นึกถึงฉากนั้นแล้วเลือดก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอีก
“แล้วคุณนักเขียนล่ะครับ เมื่อคืนไม่ได้กินเหล้างั้นเหรอ”
“เหล้าอะไร…”
“ก็อย่างแชมเปญ ไม่ได้ดื่มหรือไงครับ”
“พูดอะไรของคุณน่ะ”
อึนคังนิ่งอึ้งมองจีฮวัน สายตาที่จ้องเขาราวกับจะฆ่าให้ตายเมื่อครู่หวั่นไหวด้วยความสับสนวุ่นวายใจ จีฮวันจึงตามติดไม่ยอมปล่อย
“ผมก็ลองถามดู คุณนักเขียนที่ชอบดื่มเหล้าไปเที่ยวถึงเพนชั่น ไม่น่าจะไม่ได้ดื่มแล้วกลับมาเฉยๆ”
จีฮวันสบตาอึนคังคอยอย่างอดทน ว่าจะมีชื่อ ‘จียองอู’ ออกมาหรือไม่ รอให้อึนคังสารภาพออกมาเองก่อนว่าเมื่อคืนอยู่ด้วยกันกับจียองอู
ดูท่าแล้วการได้ไปค้างกับจียองอูและได้ดื่มแชมเปญกันน่าจะเป็นความบังเอิญ ไม่ใช่การนัดแนะกันมาก่อน และไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคนอย่างแน่นอน
ในสัญญาข้อ 5 ข้อย่อยที่ 1 ในระยะเวลาทำสัญญา ‘เพื่อนนอน’ ‘โก’ กับ ‘รยู’ ห้ามนอนกับคนอื่นที่ไม่ใช่คู่สัญญา ซึ่งก็คือห้ามนอนกับคนอื่นตลอดระยะเวลาที่ทำสัญญากัน
“พะ พูดอะไรคะ แชมเปญทำไม อยู่ๆ พูดเรื่องแชมเปญทำไม!”
ตอนนี้สีหน้าของอึนคังที่ปกติจะนิ่งดูลนลาน เลยทำให้คิดว่าที่พูดไปอาจจะถูก
“อย่างนั้นเองสินะ”
“ไปเอาเรื่องแชมเปญมาจากไหน”
อึนคังพยายามปฏิเสธเต็มที่ แชมเปญนั่นเป็นหนึ่งในอีเวนต์ที่เธอเตรียมไว้เพื่อสารภาพรักกับเขา บอกไม่ได้ว่า ‘เตรียมแชมเปญ ห้อยลูกโป้ง และโปรยกลีบกุหลาบเอาไว้เพื่อสารภาพรักกับคุณนั่นแหละ’ แม้จะเอามีดมาจ่อคอก็ตาม
“ผมเข้าใจผิดไปมาก นึกว่าคุณนักเขียนโกอึนคังจะเป็นคนตรงไปตรงมาเสียอีก”
เสียงแผ่วเบาของจีฮวันเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา
“ใครกันแน่ที่ควรเป็นคนพูดแบบนั้น ฉันนึกว่าคุณรยูจีฮวันตั้งแต่เกิดมาจะไม่เคยโกหก นึกว่าเป็นคนที่พูดแต่ความจริงซะอีก!”
“ผมกำลังโกหกงั้นเหรอ”
“แล้วฉันไม่ตรงไปตรงมาอะไร!”
ทั้งคู่ยังคงได้แต่ทำสงครามกันทางสายตา จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจพูดเรื่องชเวราฮีและจียองอูออกมาได้
กลัวว่าจะได้ยินเขาบอกว่า ‘กลับไปดีกับแฟนเก่า’ กลัวว่าจะได้ยินเธอบอกว่า ‘ตัดสินใจจะคบกับคุณหมอจียองออู’
ฝ่ายแพ้ในสงครามทางสายตาครั้งนี้คือจีฮวัน
“ผมโกหกอะไร…”
ตอนนั้นเอง มือถือที่อยู่ในมือของจีฮวันก็ดังขึ้น ความตึงเครียดจึงถูกเบรก
“รับสิคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
จีฮวันกดตัดสายโดยไม่ละสายตาจากอึนคัง แต่โทรศัพท์ก็ยังดังอีก
อึนคังเริ่มเดินขึ้นบันได
“จะไปไหนครับคุณโกอึนคัง เรายังคุยกันไม่จบ!”
“รับสายเถอะค่ะ ฉันง่วง จะไปนอน”
เธอโกหก ประสาทยังตื่นตัวขนาดนั้นจะไปง่วงได้อย่างไรกัน แต่ถ้าอยู่อีกนิด คงได้ข้ามเส้นที่ไม่ควรข้าม เลยคิดแค่อยากจะหนีจีฮวัน
อึนคังรู้ดีว่าตัวเองมีนิสัยหุนหันพลันแล่น และพ่นสิ่งแย่ๆ ที่คิดออกมาจากปาก ก่อนที่จะได้โพล่งถามคำถามไร้สาระอย่าง ‘กลับไปกิ๊กกับชเวราฮีงั้นเหรอ’ ออกไป เธอควรจะหนีไปให้ไกลจากจีฮวัน การหนีน่าจะเป็นทางออกที่ดีสุด
จีฮวันไม่อาจไล่ตามอึนคังที่วิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสิบห้าได้ รับโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด
“สวัสดีครับ!”
“โทรศัพท์ซ่อมเสร็จแล้วเหรอครับ”
ตัวแทนจัดหางานโทรมา
“อ้า คุณตัวแทน เอาไปซ่อมแล้วได้เครื่องสำรองมาใช้ก่อนน่ะครับ”
“ดีแล้วครับ ข่าวแบบนี้ต้องได้ฟังเร็วๆ บูกยองสนใจคุณรยูจีฮวัน แถมยังให้ข้อเสนอพิเศษ! ในระยะเวลาสามเดือนตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนติดป้ายและตัดริบบิ้น จะเพิ่มเงินเพื่อเป็นแรงจูงใจให้จากที่เคยเสนออีกสิบล้าน พวกผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ก็จะไม่ซักไซ้และรับฟัง ท่าทางผู้จัดการฮวังจะถูกใจคุณจีฮวันมากนะครับ”
เป็นขอเสนอที่พิเศษมาก เป็นโอกาสที่จะได้เงินก่อนในสามเดือน จีฮวันไม่ได้สนความเป็นเจ้าใหญ่นายโต จุดที่จะได้ทำงานดูแลรับผิดชอบทั้งหมดต่างหากที่น่าสนใจมากกว่าเงิน
“ข้อเสนอ ไม่เลวเลยนะครับ”
“ไม่ใช่แค่ไม่เลวนะครับ ก็รู้นี่ครับว่าบริษัทก่อสร้างยักษ์ใหญ่ขี้เหนียวขนาดไหน แค่นี้ก็ถือว่าเป็นข้อเสนอที่ดีมากๆ แล้ว ทางนั้นอยากได้คำตอบเร็วๆ พอจะให้คำตอบภายในวันนี้ได้ไหมครับ”
“ไม่ครับ ไม่จำเป็น”
ตัวแทนจัดหางานตกใจ
“ผมจะทำครับ”
จีฮวันบอกพลางมองขึ้นไปยังประตูฉุกเฉินชั้นสิบห้า ความจริงก่อนจะเจออึนคัง เขาคิดว่าอย่างไรก็จะไม่ทำแน่ๆ
ตัวงานน่ะถูกใจ แต่ในสามเดือนนั้นเขาไม่มีความมั่นใจที่จะเผชิญหน้ากับราฮี ไม่ใช่เพราะไม่สะดวกใจหรือกังวลเรื่องข่าวลือ แต่เพราะรู้สึกผิดต่อราฮี กลัวว่าความละอายต่อความผิดที่เคยหลับใหลจะกลับมาทำให้ตัวเองเจ็บปวดอีกครั้ง
“คิดถูกแล้วครับ! งั้นผมจะได้แจ้งตัวแทนชเว…”
“ก่อนหน้านั้น ผมขอเบอร์ติดต่อตัวแทนชเวราฮีได้ไหมครับ ผมมีเรื่องที่จะถามต่างหาก”
“อ๋อ ครับ ก่อนทำสัญญา คงมีเรื่องที่อยากจะถามให้แน่ใจก่อน จะบอกเบอร์ให้นะครับ”
ตัวแทนจัดหางานบอกเบอร์โทรศัพท์ของราฮีให้ทันที
จีฮวันสูดหายใจเข้าสักครู่ก็โทรไป หลังจากเลิกกันเมื่อสี่ปีก่อน ก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรต้องโทรหาราฮีอีก
“ค่ะ ชเวราฮี บูกยองกรุ๊ปค่ะ”
“รยูจีฮวันนะครับ”
“อ้า…”
“คุยได้ไหมครับ”
“ค่ะ เชิญพูดมาได้เลยค่ะ”
“เมื่อกี้ผมได้ทราบเรื่องจากตัวแทนจัดหางานจองแล้ว ก่อนที่จะตอบรับข้อเสนอ ผมโทรมาเพราะอยากแน่ใจอย่างหนึ่ง”
“ค่ะ พูดมาได้เลย”
“ถ้าทำงานกับผม จะยังนึกถึงบาดแผลและทำให้คุณเจ็บปวดอยู่หรือเปล่าครับ”
ราฮีนิ่งเงียบไปสักครู่
“ฉันลืมไปหมดแล้วค่ะ และยกโทษให้หมดแล้ว ฉันเข้าใจว่านั่นไม่ใช่ความผิดและจิตใจที่แท้จริงของคุณจีฮวัน หลังจากเรื่องนั้น ฉันรู้ดีว่าคุณจีฮวันรู้สึกผิดจะเป็นทุกข์กับความรู้สึกผิดขนาดไหน เพราะฉะนั้นคุณจีฮวันเองก็เลิกฝังใจกับเหตุการณ์นั้นได้แล้วนะคะ นี่เป็นใจจริงของฉันค่ะ”
บทที่ 74-1 คุณจีฮวัน เรามาเริ่มต้นกันใหม่เถอะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ประธานปาร์คตอบเสียงเคาะประตูอย่างระมัดระวังของเลขา
“เข้ามา!”
เลขาค่อยๆ เปิดประตูเข้ามาแจ้งว่ามีแขก
“ตัวแทนชเวมาค่ะ”
“ฉันไม่เห็นรู้ว่าจะมาวันนี้ นัดก็ไม่ยอมนัด เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ ไม่รู้หรือไงว่าเวลาเป็นเงินเป็นทอง”
เลขาที่ได้ยินคำว่ากล่าวรีบถอยออกมาเปิดประตูห้องให้ทั้งสองคนเข้าไป
จีฮวันโค้งทักทายอย่างนอบน้อม รู้สึกถึงสายตาของประธานปาร์คและคุณนายจางที่นั่งยู่ที่โซฟาและจ้องมายังตัวเองอย่างเปิดเผย
“สวัสดีครับ เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก ผมหัวหน้าทีมรยูจีฮวัน ผู้จัดการเตรียมการจัดตั้งมูลนิธิบูกยองปันรักครับ”
ประธานปาร์คจ้องจีฮวันเขม็งราวกับจะจับกิน
“รู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร เงินที่จะเข้ากระเป๋าเสื้อนาย มาจากฉัน”
“สวัสดีครับท่านประธาน”
จีฮวันโค้งอย่างสุภาพอีกรอบ
“ฉัน อะแฮ่ม ประธานมูลนิธิจางอ๊คจา”
“ขอความกรุณาด้วยนะครับท่านประธาน”
“ฉันสิต้องขอฝากเรื่องนี้ด้วย ฉันเชื่อใจแค่หัวหน้าทีทรยูเนี่ยแหละ โฮะๆ”
แม้จะพยายามซ่อนอย่างไร แต่คุณนายจางก็ไม่สามารถซ่อนท่าทางพออกพอใจเอาไว้ได้ สีหน้าบ่งบอกว่าบนโลกนี้มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสะอาดสะอ้านแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย
ประธานปาร์คที่ไม่พอใจสีหน้าของคุณนายจางถึงกับตะโกนเสียงดังลั่น
“ทักทายแล้วก็นั่งลงสิ!”
จีฮวันและราฮีนั่งลงบนโซฟา
“นี่เป็นแผนการลงทุนเงินสะสมและแผนการจัดการมูลนิธิที่หัวหน้าทีมรยูตั้งใจทำมาค่ะ”