บทที่ 71-2 เวลาที่มักจะคลาดกัน
“จะเป็นไรไหมคะ”
เจ้าของบ้านพักพิงตอบเสียงอันสั่นเครือของอึนคังอย่างแน่วแน่
“ไม่เป็นไรหรอก! อุตส่าห์อุ้มท้องมาตั้งสามตัว! แม่ไม่ยอมตายแล้วทิ้งลูกเอาไว้หรอก ใช่ไหมนาบี อดทนเอาไว้นะ หืม? คลอดตัวที่สอง ตัวที่สามออกมาเถอะนะ อย่าให้ต้องผ่าเลยนะ”
ระหว่างที่เจ้าของบ้านพักพิงลูบท้องแมวที่หายใจออย่างอิดโรยในพื้นที่ทำคลอด สายตาของยองอูก็ไม่ละจากนาฬิกา
“เหลืออีกเท่าไหร่คะ”
“คอยอีกประมาณห้านาทีครับ”
นาบีแมวที่กำลังท้องยังเหลืออีกประมาณสัปดาห์ถึงจะถึงกำหนดคลอด เกิดเจ็บท้องขึ้นมา ตอนที่เจ้าของบ้านพักพิงเข้าบ้านมาเอาโซจูก็คลอดลูกแมวตัวแรกออกมาแล้ว
ปัญหาก็คือ อีกสองตัวที่เหลือยังไม่มีวี่แววจะออกมาเลย ตามปกติของแมว หลังจากคลอดลูกตัวแรกก็จะคลอดตัวที่สองโดยมีระยะห่างกันหนึ่งถึงสองชั่วโมง แต่นาบีเพิ่งท้องแรก อายุก็ยังน้อย ตัวก็เล็กมาก
ยองอูตรวจโดยใช้หูฟังพวกลูกแมวที่อยู่ในท้อง ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว ถ้าตัวที่สองและตัวที่สามไม่ออกมา ก็เสี่ยงต่อการแท้งสูง อาจต้องทำคลอดโดยการผ่าตัด
เจ้าของบ้านพักพิง ยองอู อึนคังนั่งล้อมวงอยู่หน้าที่คลอดของนาบี รอคอยการคลอดของลูกแมวตัวที่สองด้วยความกระวนกระวายใจมาชั่วโมงครึ่งแล้ว
ยองอูจัดการรกกับสายสะดือของลูกตัวแรกแทนนาบีที่อ่อนแรงจนไม่สามารถเลียทำความสะอาดลูกได้ เขาเช็ดเมือกที่หุ้มตัวให้ แล้วเจ้าของบ้านพักพิงก็เอาไปห่อผ้าขนหนูแยกเอาไว้ชั่วคราว
“อาจจะต้องผ่าตัด ช่วยต้มน้ำร้อนให้หน่อยนะครับ”
ยองอูขยับตัวลุกขึ้น ทันใดนั้นอึนคังก็ส่งเสียงร้อง
“อ๊ะ! เหมือนจะออกมาแล้วค่ะ!”
ราวกับเข้าใจที่ยองอูบอกจะผ่าตัด นาบีที่เคยอ่อนแรงก็กลับมามีแรง ว่าจะไม่ยอมโดนผ่าเด็ดขาด
ตัวเล็กๆ ของนาบีเริ่มออกแรงและสั่นไปทั้งตัว เบ่งถุงเปียกชื้นออกมา
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว เก่งมาก! นาบีลูกแม่ ใช่แล้ว! อีกนิดเดียว!”
ภายใต้เสียงเชียร์จากเจ้าของบ้านพักพิง เสียงร้องไห้ของอึนคัง การให้กำลังใจที่ไร้คำพูดของยองอู ในที่สุดนาบีก็คลอดลูกตัวที่สองและสามได้สำเร็จ ในสภาพหมดแรงมันพยายามเลียลูกๆ ตามสัญชาตญาณ น้ำตาไหลมาจากดวงตาของอึนคังที่มองภาพนั้นไม่หยุด
กว่าจะทำคลอดเสร็จเรียบร้อยก็ปาเข้าไปห้าทุ่มแล้ว สุดท้ายยองอูก็ตกรถไฟฟ้าขบวนสุดท้ายที่จะไปโซล ยองอูที่กังวลว่าคงจะต้องเรียกแท็กซี่ หลังจากตัดสินใจไปค้างที่เพนชั่นที่อึนคังจองไว้ ก็ขึ้นแท็กซี่ที่เจ้าของบ้านพักพิงเรียกมาให้ไป
อึนคังและยองอูมาถึงเพนชั่นเกือบเที่ยงคืนในสภาพหมดแรง ยองอูได้ที่พักข้างเพนชั่นอึนคัง
“คุณนักเขียน วันนี้เหนื่อยแย่เลยนะครับ”
“คุณหมอเองก็เหนื่อยเหมือนกันแหละค่ะ ช่วยจนนาบีที่ยังไม่ถึงกำหนดคลอด คลอดออกมาได้สำเร็จ”
“มันเป็นงานที่ผมทำอยู่ตลอดอยู่แล้วครับ”
“ถึงจะทำอยู่ตลอด แต่ถ้าอยู่ๆ ต้องมาทำในวันหยุดมันก็ไม่ใช่นะคะ! แล้วก็ไม่มีโอทีวันหยุดด้วย!”
ยองอูหัวเราะคิก
“วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน พักให้เต็มที่นะครับ”
“ค่ะ คุณหมอเองก็ราตรีสวัสดิ์นะคะ!”
อึนคังที่เข้ามาในห้องอ้าปากค้างกับภาพบรรยากาศภายในห้องที่ปรากฏทันทีที่เปิดไฟ
หัวใจดวงใหญ่ที่ทำจากกลีบกุหลาบยั่วยวนอยู่บนเตียง ลูกโป่งที่ผูกกับราวระเบียงไว้นานจนห้อยลง
มองขวดแชมเปญในถังน้ำแข็งที่ละลายหมดแล้วก็ถอนหายใจออกมา อึนคังทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงเช็คโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์ของจีฮวันไม่มีโทรมาอีกเลยหลังจากสามทุ่มที่เธอพวกแต่วุ่นอยู่กับการคลอดของนาบี
เช็คสายที่ไม่ได้รับแล้วก็โทรเรื่อยๆ แต่จีฮวันไม่รับ ส่งข้อความที่อยู่เพนชั่นกับเบอร์โทรไป ก็ไม่มีการตอบรับใดๆ
อึนคังโทรหาจีฮวันอีกครั้ง โทรศัพท์ตัดไป
“โอ๊ย! อะไรกันเนี่ย! ไหนบอกว่าจะตามมา! ให้ไปก่อน! จะมาหรือไม่มา ก็ควรต้องติดต่อมาไม่ใช่เหรอ! แล้วนี่มันอะไร! รยูจีฮวัน นายยังมีสติอยู่ไหม”
แล้วตาของอึนคังที่กำลังจ้องโทรศัพท์มือถือด้วยความโมโหก็เห็นเบอร์ไม่คุ้น เธอโทรไปที่เบอร์นั้นทันที ฟังเสียงสัญญาณสักครู่ ก็มีคนรับ
[สวัสดีค่ะ]
เสียงผู้หญิงดังมาจากปลายสาย อึนคังถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ
[คุณโกอึนคัง?]
ใคร เสียงเพราะและมีเสน่ห์ที่ทำลายความเงียบสงบกลางดึก พวกมิจฉาชีพทางโทรศัพท์งั้นหรือ
[ฉันชเวราฮีเองค่ะ]
“คะ? ใครนะคะ”
[ฉันชเวราฮีที่เป็นรุ่นน้องคุณรยูจีฮวัน เราเคยพบกันสองครั้งแล้วไงคะ]
“อ๋อ ค่ะ… ชะ ใช่ค่ะ”
[ติดต่อรุ่นพี่จีฮวันไม่ได้ใช่ไหมคะ ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น พอดีมือถือรุ่นพี่เสียน่ะค่ะ]
อะไรนะ มือถือรยูจีฮวันเสีย? ทำไมไม่บอก แล้วทำไมต้องมาได้ยินจากผู้หญิงคนนี้ด้วย
“แล้วคุณ ทราบได้ยังไง…”
[ตอนนี้ฉันอยู่กับรุ่นพี่จีฮวันน่ะค่ะ]
ตึง!
บทที่ 72-1 ความบังเอิญทับซ้อนสร้างความเข้าใจผิด
หัวใจของอึนคังชาวาบ อะไรนะ ผู้หญิงคนนี้กำลังพูดอะไร…
อยู่ด้วยกันงั้นเหรอ รยูจีฮวันกับชเวราฮีที่เป็นแฟนเก่า? เที่ยงคืนเนี่ยนะ ทำไม เพราะอะไร ชเวราฮีแต่งงานแล้วไม่ใช่เหรอ
ไม่สิ ถึงจะแต่งงานแล้ว ก็ไม่มีกฎห้ามเจอใครตอนเที่ยงคืนนี่ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่เคยเป็นแฟนที่เลิกร้างกันไป มันไม่ใช่เรื่องปกติไม่ใช่เหรอ ดูอย่างไรมันก็ไม่แปลกๆ ไม่ใช่หรือไง!
“เอ่อ ขอโทษนะคะ ฉันคงพูดย่อเกินไปใช่ไหมคะ อย่าเข้าใจผิดนะคะ เราไม่ได้อยู่ด้วยกันในสถานที่ลับตาคน รุ่นพี่จีฮวันเมานิดหน่อย เมื่อกี้เพิ่งส่งขึ้นแท็กซี่ไปค่ะ”
อะไรนะ เมา? บอกไปเจอตัวแทนจัดหางานเรื่องงาน แต่ไปนัดเจอแฟนเก่าที่แต่งงานแล้ว กินเหล้าจนถึงเที่ยงคืนเนี่ยนะ อะไรกันแน่ผู้ชายคนนี้
“เราเจอกันเรื่องงานไม่ได้พบกันเป็นการส่วนตัว คงจะไม่เข้าเข้าใจผิดนะคะ คุณนักเขียนเองก็ใช้ชีวิตในสังคม คงเข้าใจใช่ไหมคะ”
ราฮีอธิบายความสงสัยราวกับเข้ามาอ่านในหัวของอึนคัง
แต่การอธิบายอย่างลื่นไหลด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลมีเมตตาไม่ได้ทำให้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาแต่อย่างใด
“อ่อ ค่ะ อย่างนั้นเอง…เหรอคะ”
“เมื่อกี้ที่โทรไป ก็กลัวว่าจะติดต่อรุ่นพี่จีฮวันไม่ได้ หวังว่าคงจะไม่โกรธนะคะ”
“โกรธอะไรกันคะ”
ฉันจะไปโกรธอะไร สามีก็ไม่ใช่ แฟนก็ไม่ใช่ เป็นแค่เพื่อนนอนเท่านั้น
“คุณโกอึนคังเป็นคนที่เข้าใจอะไรดีจังเลยนะคะ ปกติถ้าแฟนที่กำลังจะแต่งงานด้วยอยู่กับผู้หญิงจนดึก ก็คงจะโกรธมาก”
อึนคังได้แต่ขยับปาก ไม่รู้จะพูดอะไร ใช่ สำหรับชเวราฮีเราคือคนที่จะแต่งงานกัน แถมยังประกาศชวนเขามากินซุปซี่โครงในงานแต่งอีก
“อ่อ การ์ดแต่งงานยังไม่เสร็จเหรอคะ”
อึนคังเกือบตะโกนกลับไป โอ๊ย! การ์ดแต่งงานของหมอนั่น! ตายเป็นผีก็ไม่ได้รับหรอก
“ยังไม่เสร็จค่ะ คงอีกประมาณสิบปีกว่าจะเสร็จ อย่ารอเลยนะคะ ฉันง่วงมาก แค่นี้นะคะ!”
“เอ่อ คือ…”
แล้วอึนคังก็ตัดสายไป
“อะไรเนี่ย! ไหนบอกไปหาตัวแทนจัดหางาน! แล้วทำไมไปกินเหล้ากับแฟนเก่าจนเมา! ทำงานอะไรหา! ชเวราฮีหางานให้ทำหรือไง ไม่อยากจะเชื่อ!”
อึนคังโมโหปิดโทรศัพท์มือถือ สายตาเหลือบไปเห็นขวดแชมเปญที่วางอยู่บนโต๊ะ ใช่ นายยังดื่ม ฉันก็จะต้องดื่มดับร้อนบ้าง
อึนคังที่พยายามเปิดขวดแชมเปญอยู่กว่าสิบนาทีแทบปาขวดทิ้ง
“อ๊ากกก! หงุดหงิดเว้ย! โมโห!”
ตอนนี้ยังมาโดนเมินกระทั่งขวดแชมเปญ อึนคังอยากจะร้องไห้และถือออกไปทุบปากขวด ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“ใครคะ!”
อึนคังตะโกนถามพร้อมกับเปิดประตูก่อนจะได้ยินคำตอบ ยองอูที่ยืนอยู่หน้าประตูสะดุ้งตกใจ
“อ่อ คุณหมอ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ เมื่อกี้เห็นร้องเสียงดัง…”
“อ๊ะ ได้ยินด้วยเหรอคะ ขอโทษนะคะ เลยตื่นเพราะฉันสินะคะ”
“เปล่าครับ ผมยังไม่ได้นอน…”
ขณะนั้นเองที่ดวงตาของยองอูเบิกโตและอ้าปากค้าง อึนคังหันกลับไปมองตามสายตาของยองอู ทั้งลูกโป่งที่ห้อยระโยงระยางและกลีบกุหลาบที่กระจายเต็มเตียงเหมือนเลือด
โอ๊ยตาย ในสายตาคนที่ขอให้เตรียมให้ก็คงประหลาดแล้ว ยิ่งคนที่ไม่รู้เรื่องมาเห็นเข้าคงเป็นอะไรที่พิลึกมาก
“ห้อง ดูพิเศษใช่ไหมคะ แหะๆ”
“มากครับ เป็นห้องที่หรูหราดีนะครับ”
รู้สึกได้ถึงความพยายามเลือกใช้คำอย่างเต็มที่เพื่อแสดงออกมาให้ดีที่สุดของยองอู
“งะ งั้นเหรอคะ ฉันเองก็ตกใจเหมือนกันค่ะ”
“โอกาสพิเศษอะไรเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ ไม่ได้มีโอกาสพิเศษ…”
อยากจะปิด แต่อึนคังก็ยอมรับออกไป
“ค่ะ มีกระทั่งนี่ด้วย”
อึนคังชูขวดแชมเปญ
“ฉันอยากดื่มแต่เปิดไม่ออก พยายามเปิดมาสิบนาทีจนโมโห เลยโวยวายเสียงดงออกไป ขอโทษนะคะ”
ยองอูพยักหน้าพลางยิ้มอย่างเข้าใจ
“ผมช่วยไหมครับ”
“จริงเหรอคะ มันเปิดยากนะคะ ฝาแน่นมาก เฮ้ย!”
“ขอบคุณนะคะ! อ้อ คุณหมอก็ดื่มด้วยกันสักแก้วสิคะ”
อุตส่าห์เปิดขวดให้ จะไม่ชวนดื่มให้กลับไปเฉยๆ ก็ดูจะน่าเกลียด แต่คิดว่ายองอูน่าจะปฏิเสธ ไม่ได้เป็นคนชอบดื่มเหล้า แล้วพรุ่งนี้ก็ต้องกลับแต่เช้าด้วย
“เอางั้นเหรอครับ”
“อ้า ค่ะ เข้ามาเลย! รกหน่อยนะคะ”
“งั้นขอรบกวนหน่อยนะครับ”
ยองอูเข้ามาในห้องถอดรองเท้าเรียบร้อย ท่าทางและการกระทำทุกอย่างดูเรียบร้อยระมัดระวัง รู้สึกได้เลยว่ามียีนคนละขั้วกับอึนคังที่ถอดรองเท้าแต่ละครั้งกระจายกันไปคนละทิศคนละทาง
หลังจากให้ยองอูที่ดูเก้อเขินนั่งลงที่โต๊ะ อึนคังก็จัดโต๊ะ มีช็อกโกแลตกับขนม
“กับแกล้มมีไม่เยอะนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ แค่นี้ก็พอแล้ว”
ทั้งสองคนถามตอบกันอย่างแกนๆ แล้วดื่มแชมเปญโดยไม่ได้พูดอะไรกัน
“แชมเปญอร่อยดีนะครับ คุณนักเขียน”
“ค่ะ…”
ความจริงแล้วไม่อร่อยเลย ไม่รู้เลยว่ารสอะไร แค่คิดจะรีบดื่มให้หมดๆ ไป
ยองอูลอบมองอึนคัง คนที่เคยพูดจ้อ สดใส หัวเราะเก่งมานั่งซึมแบบนี้ดูไม่คุ้นเอาเสียเลย
“คนที่จะมาด้วยวันนี้ เป็นเจ้าของลูกโป่งแล้วก็ดอกกุหลาบพวกนี้สินะครับ แฟนคุณนักเขียนเหรอครับ”
อึนคังเงยหน้ากับคำถามไม่มีปี่มีขลุ่ยของยองอู ในหัวตีกันยุ่งเหยิง ความรู้สึกไม่พอใจผสมปนเปกันไปหมด ทั้งความเดือดจีฮวัน ความหึงราฮี ความผิดหวังที่ต้องปิดสวนสนุกโดยไม่ได้เปิดประตู
เป็นผู้ชายที่ชอบค่ะ เป็นคนที่รักข้างเดียว เป็นผู้ชายที่อยากทำให้หลงรัก และ…ที่คิดถึง
“เปล่าค่ะ คู่นอน”
* * *
จีฮวันตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกแสบคอ ปวดหัวตุบๆ นี่มันอาการเมาค้าง! ลุกขึ้นดูนาฬิกา แปดโมงเช้า
“อ๊ะ นี่มัน…”
จีฮวันสวมเสื้อผ้าลวกๆ เช็ดแค่ขี้ตา วิ่งขึ้นไปชั้นสิบห้า เคาะประตูห้องของอึนคัง
“ได้โปรด อยู่เถอะ”
ได้ยินเสียงฝีเท้าก็ใจชื้น แต่เสียงที่ตอบกลับมาก็ทำให้ท้อแท้
“ใครครับ”
เสียงผู้ชาย ชางซอก จะหนีแต่ประตูเปิดก่อน จีฮวันสบตากับชางซอกด้วยท่าทางละล้าละลัง
“อ้าว คุณจีฮวัน”
“เอ่อ คุณพ่อ สวัสดีครับ”
“อ่อ ครับ คุณจีฮวันไม่ได้เจอกันนานเลย”
“ครับ ขอโทษที่มารบกวนแต่เช้า พอดีพอมีเรื่องสำคัญที่จะต้องติดต่อคุณนักเขียน แต่มือถือผมเสีย ก็เลยต้องมาเสียมารยาทแบบนี้”
“อึนคังไม่อยู่หรอกครับ ไปเที่ยวคืนนึง”
“อ้า ครับ…”
สุดท้ายก็อยู่ค้างหรือเนี่ย ยังไม่กลับ
“ไปไหนนะ เห็นว่าไปนอนเพนชั่นที่ยางพยองหรือกาพยองนี่แหละ กลับวันนี้ ถ้ามีเรื่องด่วน ผมจะลองโทรหาให้เอาไหม”
“อ่อ ครับ รบกวนด้วยนะครับคุณพ่อ”
“เข้ามาก่อนสิครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะรอข้างนอก”
“แหม อากาศก็เย็น แล้วยังใส่เสื้อผ้าแค่นั้น เข้ามาเถอะครับ คิดว่าเป็นบ้านของตัวเอง”