วันนั้นนางกับหลินเจี้ยนหรูเก็บดอกบัวกลีบม่วงอยู่ที่บ่อน้ำบนเกาะเป่ยอี๋ แน่ชัดว่ามีคนกำลังสู้กันอยู่กลางอากาศ ถ้าเช่นนี้ตอนนั้นผู้ที่เริ่มทำร้ายพวกนางก่อนก็คือพวกเขา? มิน่าล่ะลู่ยาถึงบอกว่าจิ้งจอกจากชิงชิวกำลังรบกับคนอื่นอย่างดุเดือด นางเกือบจะโดนเสียงอสูรของพวกนางทำร้ายจนตายแล้ว!
โลกช่างกลมเหลือเกิน
มู่จิ่วทนไม่ไหวเหลือบตามองนาง
แต่มาเอาความตอนนี้ก็ไม่มีความหมายแล้ว
นางคิดครู่หนึ่งก่อนพูด “เจ้าสังหารคนแบบนี้ก็ไม่ใช่วิธีที่ดี ลัทธิฉ่านมากมายขนาดนี้ เจ้าจะสังหารหมดได้อย่างไร?”
อีกอย่างคือตำแหน่งของไท่ซ่างเหล่าจวินบนสวรรค์ หากพลาดท่าถูกเขาจับได้คาหนังคาเขาก็จะถูกกำจัด หากเจ้าพูดว่าเจ้าเป็นเผ่าพันธุ์เทพสงครามข้างกายหนี่ว์วา ไท่ซ่างเหล่าจวินก็เป็นศิษย์ของหงจวินจู่ซือศิษย์พี่ใหญ่หนี่ว์วา เป็นศิษย์หลานของนาง! ยิ่งไม่มีหลักฐาน หากสวรรค์ต้องการคุ้มครองฝ่ายคนผิด ต่อให้ใช้คนทั้งเผ่าพันธุ์ก็ไม่อาจทวงคืนความยุติธรรมได้
“สังหารไม่หมดแล้วกลัวอะไร?” จิ้งจอกเก้าหางหัวเราะ “ข้าอายุยืนยาวนัก ด่านเคราะห์ที่ใกล้ที่สุดคือสามหมื่นปีหลังจากนี้ เวลาสามหมื่นปียังไงข้าก็สามารถสังหารเขาได้พอสมควรมิใช่หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นชิงชิวของข้าไม่ใช่ว่าจะหยามได้ ถึงแม้ไท่ซ่างเหล่าจวินจะร้ายกาจ แต่ด้วยกำลังทั้งหมดของชิงชิวก็ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรเขาไม่ได้!”
ช่างเป็นจิ้งจอกที่ดื้อด้านนัก
มู่จิ่วไร้คำพูด
นางพูด “เจ้าพูดว่าจิตจิ้งจอกที่โดนขโมยไปมีวิญญาณต้นกำเนิดของน้องชายเจ้าอยู่ ทำไม่เจ้าไม่หาวิธีนำมันกลับมาช่วยเขาก่อนแล้วค่อยว่ากัน?”
จิ้งจอกเก้าหางส่งเสียงเยาะเย้ย “ข้าไปขอจากพวกเขา พวกเขาจะยอมรับหรือ? หากจะยอมคงไม่วางแผนเข้ามาสังหารคนเสียดิบดีหรอก!”
มู่จิ่วไร้คำพูดโต้กลับ
พูดแบบนี้ก็ไม่ผิด ในเมื่อพวกเขาลงมือสำเร็จไปแล้วย่อมเป็นธรรมดาที่จะไม่ยอมรับ อีกอย่างศิษย์ลัทธิฉ่านมีมากขนาดนี้ พวกนางจะไปหาตัวคนผิดจากไหน? มู่จิ่วขมวดคิ้ว “เจ้าก็ควรลองดู หากทำให้พวกเขาเดือดร้อนแล้วฝ่ายนั้นบังอาจกวาดล้างชิงชิวจะทำอย่างไร? คนที่เสียหายมิใช่พวกเจ้าหรอกหรือ?”
“เจ้าวางใจ รอจนข้าสังหารจนมากพอ พวกเขาก็จะนั่งไม่ติดแล้ว!” จิ้งจอกเก้าหางยิ้มเยาะ จากนั้นมองอาฝูที่หมอบอยู่ใต้เท้านางก่อนพูด “เห็นแก่เสือขาว วันนี้ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไปก่อน แต่ภายหลังดีที่สุดคือพวกเจ้าควรรู้ตัวเสียหน่อย ข้าใจอ่อน แต่ชิงชิวคนอื่นนั้นไม่จำเป็นต้องใจอ่อน! โดยเฉพาะพี่ชายคนรองของข้า เขาเอ็นดูน้องสี่มากที่สุด”
พูดจบก็เหลือบมองมู่จิ่วคราหนึ่ง จากนั้นเปลี่ยนร่างเป็นเมฆแดงลอยไป
มู่จิ่วตามนางไปสองก้าว คิดจะให้นางอยู่ต่อ แต่นางไหนเลยจะยังเหลือร่องรอยไว้?
ทางด้านหอวิหคแดง ตอนนี้ในลานบ้านเต็มไปด้วยผู้คนเพราะเรื่องที่ซ่างกวนสุ่นก่อไว้
หลังจากหยางอวิ้นพบลู่ยาก็รีบไปหน่วยจัดการเรื่องทั่วไป ทำให้เจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งตกใจจนเร่งตามมาที่นี่ จางเหยี่ยนซิงจวินก็ตกอกตกใจ พลันรู้สึกรับมือไม่ไหวอยู่บ้าง จึงเชิญหลิวจวิ้นมาด้วย ต่อมาอวี๋เสี่ยวเหลียนกับอิ่นเสวี่ยรั่วเลิกงานกลับมา เห็นเรือนของมู่จิ่วถล่ม และใต้ซากปรักหักพังยังมีเทพเซียนชายอีก แต่ละคนต่างก็ตกใจราวกับถูกสายฟ้าฟาด ยืนค้างอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ!
ลู่ยากลับสงบใจได้แล้ว ถึงยังไงก็หนีไม่พ้น เขาไม่สนใจว่าจะมีคนมากเท่าไหร่มาห้อมล้อมตน
“ไม่ทราบว่าสหายเซียนท่านนี้มีนามว่าอะไร?”
จางเหยี่ยนซิงจวินที่ยังคงตกใจจนถึงตอนนี้ ในที่สุดสติก็กลับคืนมา หาเสียงตัวเองเจอ
ไม่เฉพาะเขาเท่านั้น ทุกคนต่างตกใจจนพูดไม่ออกกันหมดแล้ว
โดยปกติถึงแม้กัวมู่จิ่วเป็นคนไม่มีไหวพริบ ทั้งประจบประแจงไม่เป็นและไม่มีเส้นสาย แต่ตัวตนกลับธรรมดาสามัญยิ่งนัก แม้ทั้งหอวิหคแดงจะมีเรื่องน้อยใหญ่เกิดขึ้นไม่หยุด ทว่าเกิดเยอะที่สุดคือที่ลานจื่อหลิงของพวกนาง หลายเดือนที่ผ่านมาพวกนางก่อเรื่องอะไรบ้าง? แต่กลับไม่มีเรื่องไหนเป็นเรื่องที่กัวมู่จิ่วเป็นผู้ก่อเลย
ดังนั้นจางเหยี่ยนซิงจวินและเหล่าเจ้าหน้าที่ต่างคิดไม่ถึงว่านางจะซ่อนผู้ชายไว้ในเรือน…
นางเป็นหญิงสาวคนหนึ่งเชียวนะ ทิ้งเรื่องกฏของค่ายทหารสวรรค์ไปก่อน พูดเพียงแค่การกระทำแบบนี้ของนางเหมาะสมหรือไม่?
และหลังจากที่ผู้ชายคนนี้ร่ายคาถาจัดแจงตัวเองให้สะอาดเรียบร้อย ดูไปแล้วช่างโดดเด่นนัก ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างสูงสง่าหรือใบหน้างดงาม บนสวรรค์หรือพื้นดินเห็นจะมีไม่กี่คนที่สามารถเทียบเทียมได้ กัวมู่จิ่วที่ดูไปแล้วแข็งกระด้างไม่เป็นกุลสตรี หรือว่าภายในใจกับภายนอกต่างกันลิบลับ เป็นปีศาจน้อยที่ภายนอกดูสงบเสงี่ยมแต่ในใจกลับร้อนแรงงั้นหรือนี่?
สวรรค์!
ใบหน้าของจางเหยี่ยนซิงจวินเริ่มร้อนเห่อ
“ลู่หยา”
ลู่ยายื่นเท้าเขี่ยเอาเก้าอี้ตัวหนึ่งจากระเบียงทางเดินออกมานั่ง ดวงตากวาดมองไปยังพวกเขา สุดท้ายหยุดอยู่ที่ร่างของซ่างกวนสุ่น
ก่อนที่เขาจะคิดวิชาลับมากำราบกระดิ่งได้เขาต้องติดตามมู่จิ่ว ดังนั้นสิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือดิ้นรนหาทางให้ได้อยู่ต่อและปกปิดตำแหน่งฐานะไว้ให้ได้ แต่เขากลับไม่กลัวคนเบื้องหน้าเหล่านี้ พวกนั้นต่างก็ไม่รู้สึกถึงแรงกดดันที่เขาซ่อนไว้ กลัวก็แต่จะเจอพวกของไท่ซ่างเหล่าจวิน ถึงพวกเขาไม่อาจเดาได้ว่าเขาคือลู่ยา แต่ในใจแน่นอนว่าต้องสงสัย
ลู่ยากวาดตามองครั้งนี้ ซ่างกวนสุ่นตัวสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว สายตานั้นของลู่ยาช่างน่ากลัวเสียจริง…เป็นนักพรตนั่นที่ถามเขาหรอก ลู่ยามองเขาทำไม? คนเหล่านี้ไม่ใช่เขาที่เรียกมาเสียหน่อย? และเขาไม่รู้ด้วยว่าลู่ยาซ่อนตัวจากทุกคนอยู่ที่นี่ สายฟ้านั่นก็ไม่ใช่เขาเป็นคนทำ แล้วนี่จะโทษเขาได้อย่างไร?
แต่ถึงแม้เขาจะคิดว่าตนเองไม่ผิด ทว่ายังเขยิบเข้าไปด้านหลังมู่เสี่ยวซิงอย่างไม่รู้ตัวเนื้อรู้ตัว
โดนลู่ยาจับไว้ในมือที่โลกมนุษย์ตอนนั้น เขายังมีเงาทะมึนติดค้างในใจอยู่เลย
ที่จริงแล้วเขาซ่อนตนเองอยู่รอบๆ มาได้สองสามวันแล้ว เพียงแค่ไม่กล้าออกมา เมื่อครู่หากไม่เป็นเพราะเจ้ากระต่ายเหยียบเท้าเขาจนเปิดเผยตัวจากที่ซ่อน ก็ไม่แน่ว่าเขาจะแสดงตัวออกมา
“ลู่หยา?”
นี่แสดงว่าเทพเซียนท่านนี้ไม่ได้เป็นที่รู้จักอย่างแน่นอน
อย่างน้อยในขั้นเทพเซียนพื้นฐานคงมีคนรู้จักไม่มาก
จางเหยี่ยนซิงจวินได้ยินก็ขมวดคิ้ว เจ้าหนุ่มตรงหน้านี้ทั้งเนื้อทั้งตัวมีท่าทางเหนือสามัญ ไม่อาจทำให้คนมองข้ามได้ ถึงแม้จะตกอยู่ในวงล้อมของศัตรูกลับไม่เห็นความตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย ท่าทางไม่ยี่หระเหมือนทั้งเก้าทวีปเป็นของเขาทั้งหมด เขากล้าหาญถึงขนาดทำเหมือนกับการปรากฏตัวที่นี่เป็นแค่การมาตรวจตราของพลทหารเท่านั้น…สรุปคือดูแล้วชาติตระกูลคงไม่แย่นัก
แต่เขาเหมือนไม่เคยได้ยินว่าเซียนตระกูลไหนมีซ่านเซียนชื่อลู่หยามาก่อน…
เขาอยู่ในวงราชการนี้มาหลายปีแล้ว ถึงแม้ว่าในใจสงสัย แต่เพื่อเหลือทางหนีทีไล่ จึงนอบน้อมไว้ก่อนสักสามส่วน “ไม่ทราบว่าสหายเซียนแซ่ลู่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? แล้วเจ้ากับกัวมู่จิ่วมีความสัมพันธ์กันอย่างไร?”
“ยังต้องพูดอีกหรือ? ย่อมต้องเป็นชู้รักน่ะสิ!” หยางอวิ้นชี้ลู่ยาพลางโวยวายขึ้นมา “คราวก่อนต้องเป็นเขาแน่ๆ ที่ลงมือวางยาข้า! กัวมู่จิ่วกับเขารวมหัวกัน ปล่อยให้เขาทำร้ายคน! พวกเจ้ารีบไล่กัวมู่จิ่วกับพวกเขาทั้งหมดออกไปจากสวรรค์เร็วเข้า…”
เพียงลู่ยามองไปอย่างเย็นชา คำพูดตอนท้ายของหยางอวิ้นก็อ่อนลง
“ชู้รัก?” ซ่างกวนสุ่นได้ยินคำนี้ อดไม่ได้โผล่ศีรษะออกมาจากหลังเสี่ยวซิง “ข้าดูแล้วเจ้าสิเหมือนเป็น***! เจ้าพวกตาไม่มีแวว กัวมู่จิ่วพูดไว้ว่านางแค่รับเขาไว้ที่นี่เท่านั้น!” อย่าโทษที่เขาพูดมาก แต่เดิมเขาต้องการหาเรื่องให้ลู่ยา ผลคือผู้หญิงคนนี้ทำให้เรื่องเสียหมด แล้วเขาจะไม่โกรธนางได้อย่างไร
หยางอวิ้นถูกนกทำให้สำลัก ใบหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว พูดไม่ออกสักคำ
ตอนนี้เองจางเหยี่ยนซิงจวินถึงหันความสนใจกลับมาที่ซ่างกวนสุ่น “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”
………………………………