จิ้งจอกน้อยล้มลงไปกับพื้นโดยไม่ได้ร้องสักคำ
ต่อมาสองคนนี้ประคองเขาขึ้นนั่งขัดสมาธิ คนหนึ่งสองมือประคองแผ่นหลัง คนหนึ่งร่ายคาถาอยู่ด้านหน้า จิตจิ้งจอกระยิบระยับขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองก็ลอยออกมาจากปากจิ้งจอกน้อยที่สลบไสลอย่างช้าๆ!
เมื่อจิตจิ้งจอกถึงมือ ทั้งสองคนรีบเผาผ้ายันต์แล้วหนีไป
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!” มู่จิ่วเข้าใจขึ้นมาทันที จิตต้นกำเนิดรวมอยู่กับจิตจิ้งจอก สูญเสียจิตจิ้งจอกไปแน่นอนว่าเท่ากับตาย! และในเมื่อลู่ยาสามารถใช้ผมของจิ้งจอกน้อยดูเรื่องราวที่แท้จริงได้ เป็นธรรมดาที่พวกจิ้งจอกเฒ่าจะต้องดูได้เหมือนกัน จึงไม่แปลกที่พวกเขาไล่ล่าศิษย์ลัทธิฉ่านอย่างไม่ลดละ
“แต่ข้ายังรู้สึกว่าแปลกอยู่” นางเงียบไปครู่ก่อนพูด “เขตพลังของชิงชิวมีภาพมายาแข็งแกร่งขนาดนั้น เจ้าสองคนนี้เข้ามาในชิงชิวได้อย่างไร? ในเมื่อพวกเขาต้องการก่อคดี ทำไมถึงไม่แปลงโฉม กลับสวมเสื้อของลัทธิฉ่านวางก้ามอวดเบ่งเดินเข้าออก?”
“อีกอย่าง ถึงแม้จิตจิ้งจอกของจิ้งจอกน้อยมีประโยชน์กับผู้บำเพ็ญตนอย่างมาก แต่อย่างไรพลังของเขาก็ยังไม่ล้ำลึก ในโลกนี้มีของวิเศษที่มีประโยชน์กว่าจิตจิ้งจอกของเขาอีกมาก ทำไมพวกนั้นต้องเสี่ยงกับการโดนชิงชิวไล่ฆ่าแบบนี้ด้วย?”
ซ่างกวนสุ่นกะพริบตามองไปทางลู่ยา
ลู่ยาเก็บมือกลับมาไพล่ไว้ข้างหลัง พูดว่า “คำอธิบายที่น่าเชื่อถือที่สุดคือ มีคนก่อเรื่องสร้างความขัดแย้งให้แต่ละภพกับลัทธิฉ่านอย่างลับๆ ส่วนเรื่องเขตพลัง ชิงชิวมีเส้นทางสำหรับประชาชนเดินเข้าออก ด้านนอกยังมีเส้นทางให้เข้ามาทำการค้าข้างในได้ พวกเขาแค่หาทางจัดการให้ได้ใบผ่านทางมา เดินทางเข้าออกจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่”
มู่จิ่วขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไร
นางรู้เรื่องทางเข้าออกของชิงชิว
ที่จริงนางก็คาดเดาไว้แบบนี้ เพราะใบอนุญาตเหล่านี้ชัดแจ้งอย่างมาก ผู้มีฝีมือสูงส่งในลัทธิฉ่านที่สามารถบำเพ็ญตนจนขโมยจิตจิ้งจอกแบบนี้ ศีรษะไม่น่ามีความเป็นไปได้ที่จะโดนประตูหนีบมาก่อน พวกเขาตั้งใจแต่งตัวมาแบบนี้ และยังตั้งใจเข้าไปหาร้านขายขนมของหมีเฒ่าเพื่อถามเรื่องจิ้งจอกน้อย นี่ยังไม่ชัดเจนอีกหรือว่าเป็นการมุ่งความน่าสงสัยไปยังลัทธิฉ่าน?
แต่คนที่ก่อกวนทำให้บาดหมางจะเป็นใครไปได้ล่ะ?
“ไม่ถูก วิชาหลบหนีที่พวกมันใช้เป็นของลัทธิฉ่าน!” เสียงแหลมของซ่างกวนสุ่นดังขึ้นมา “คาถาผ้ายันต์นอกจากศิษย์ลัทธิฉ่านแล้วใครจะสร้างได้อีก? เป็นพวกมันนั่นแหละที่ทำ! ตอนนี้ลัทธิฉ่านมีอำนาจไปทั่ว แม้แต่อวี้ตี้ยังต้องไว้หน้าสามส่วน ล่วงเกินชิงชิวสำหรับพวกมันแล้วนับเป็นอะไรได้? พวกเราเขาเนินอารามก็ต้องเป็นพวกนั้นทำร้ายแน่นอน!”
ดวงตาทั้งสองของเขาเบิกกว้าง มือทั้งสองกำหมัดแน่น
มู่จิ่วไร้คำพูด
คำพูดนี้ของซ่างกวนก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลทั้งหมด
หากลัทธิฉ่านไม่ก้าวร้าวขนาดนี้ นางจะทำภูเขาของพวกเขาถล่มจนได้รับโทษทัณฑ์อสุนีบาตสามสายหรือ? หากไม่ใช่เพราะมีอำนาจจึงไม่เกรงกลัว จะรวมหัวกันไล่จับอาฝูที่น่าสงสารกลับไปรังแกได้หรือ? หากไม่ใช่ให้ศิษย์ลัทธิฉ่านใช้เส้นสายละทิ้งหน้าที่ หยางอวิ้นกับอิ่นเสวี่ยรั่วจะตีกันจนเป็นแบบนั้นหรือ? และสุดท้ายยังกลับมาแบบไร้รอยขีดข่วนด้วย?
แต่นางเพียงแค่รับลู่ยาไว้เท่านั้น จางเหยี่ยนซิงจวินกลับพูดแต่ละประโยคก็จะไล่นางออกจากสวรรค์!
นี่คือความแตกต่าง
เป็นการยืนยันว่าศิษย์ลัทธิฉ่านไม่ใส่ใจว่าจะมีใครรู้หรือไม่ว่าเป็นพวกเขาเป็นคนก่อคดี!
จิ้งจอกน้อยพื้นฐานอ่อนแอ คงยังไม่ได้ผ่านด่านเคราะห์แต่อย่างใด วันนี้เป็นเพียงสัตว์เซียนตัวน้อยที่พลังบำเพ็ญสูงหน่อยเท่านั้น พวกเขาจะต่อกรด้วยไม่ใช่เรื่องยาก และคาถาผ้ายันต์หลบหนีประเภทนี้มีชื่อเสียงมาก นอกจากพวกเขาที่ชอบใช้ยันต์หลบหนีเป็นประจำแล้วยังนึกไม่ออกว่าจะมีใครอีก
“พูดแบบนี้แปดเก้าในสิบส่วนก็เป็นพวกเขาแล้ว” มู่จิ่วขมวดคิ้วแน่นพลางพูด
ขณะกำลังจะพูดต่อ ลู่ยาที่อยู่ด้านข้างร่างกายพลันกระตุกเล็กน้อย น้ำในสระมรกตด้านหลังพลันสั่นไหว ต่อมาแท่นหินก็เริ่มสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงอันเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งดังแหวกอากาศมา “ท่านพ่อ มาถึงตอนนี้ท่านควรเชื่อคำพูดข้าได้แล้วกระมัง?”
คล้อยหลังเสียง คนนับสิบพลันเผยร่างตรงประตูหินที่พวกเขาผ่านมาเมื่อครู่ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นมู่หรงเส่าชิงกับราชาจิ้งจอกและมู่หรงเสวี่ยจี! ด้านซ้ายของพวกเขาเป็นหญิงสูงศักดิ์งามสง่าวัยกลางคน บนศีรษะประดับเครื่องประดับ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นราชินีจิ้งจอกแห่งชิงชิว!
ทุกคนมองมาทางพวกเขาทั้งสามบนแท่นหยกตรงกลางอย่างเย็นชา จะมีก็แต่เพียงสายตาของมู่หรงเสวี่ยจีที่จับจ้องอยู่บนใบหน้าลู่ยา
มู่จิ่วไม่เข้าใจสถานการณ์อยู่บ้าง คนเหล่านี้มาได้อย่างไร?
“เหอะ! พวกเจ้ามากันมากขนาดนี้ หรือว่านัดกันมาอาบน้ำ?”
นางยังไม่ทันพูด ซ่างกวนสุ่นก็โดดออกมาแล้ว
มู่จิ่วกลั้นเหงื่อบนหน้าผาก หันไปถลึงตาใส่เขา จากนั้นก็พยายามสงบใจประสานมือหันไปพูดกับราชาจิ้งจอก “ราชาจิ้งจอก ได้โปรดฟังพวกเราอธิบาย…”
“ไม่ต้องอธิบาย!” สายตาของมู่หรงเสวี่ยจีย้ายจากใบหน้าลู่ยามาอยู่ที่นาง ก่อนพูดด้วยความโกรธแค้น “พวกเจ้ากล้านัก ข้าจะปล่อยให้ออกมาพวกเจ้าไม่ออก กลับลักลอบมาเหยียดหยามกายเนื้อของน้องสี่ข้าถึงแท่นหอมหมื่นลี้ เหล้ามงคลไม่ดื่มแต่กลับดื่มสุราทัณฑ์[1]! ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าดูแล้วสามคนนี้ควรส่งให้พี่รองจัดการจึงจะดี”
“เสวี่ยจีพูดถูกแล้ว! พวกเขาฆ่านกของข้าตาย จากนั้นก็เจตนาไม่ดี บุกรุกเข้ามาถึงที่วางร่างน้องสี่ กระทำเรื่องไม่สมควร ตอนนี้ถูกพวกเราจับได้ยังมีเรื่องอื่นใดให้น่าพูดอีกกัน!”
มู่หรงเส่าชิงไม่รอมู่จิ่วเปิดปาก ก็พูดต่อจากคำพูดของมู่หรงเสวี่ยจี สายตาเย็นชาสองสายมองตรงมาราวกับจะทิ่มแทงให้พวกเขากลายเป็นตะแกรง
พูดจบเขาก็กลับไปที่เบื้องหน้าราชาจิ้งจอก สองตาเหลือบมองมา “ท่านพ่อ โฉมหน้าที่แท้จริงของพวกเขาท่านน่าจะเห็นแล้ว ก่อนหน้านี้ลูกได้พูดกับท่านแล้วว่าพวกเขาเป็นสุนัขรับใช้ของลัทธิฉ่าน คราวนี้มุ่งมายังน้องสี่ท่านยังไม่เชื่ออีก ตอนนี้พวกเขาไม่เพียงแต่เข้ามาเองโดยพลการ ยังยืนอยู่ข้างร่างของน้องสี่ หากไม่ได้มาทำร้ายน้องสี่จะมาทำอะไร?”
“และไม่เพียงเท่านี้ ท่านดูพวกเขาสิ ยังแอบนำผู้ช่วยเข้ามาอีก หลังจากตั้งใจยุให้ข้ากับท่านโกรธ ก็จะให้นกต้าเผิงปรากฏตัวช่วยพวกเขาออกไป เข้าใจไปว่าจะทำสำเร็จได้โดยไร้ร่องรอย กลับไม่รู้ว่าข้าจับทางได้ตั้งแต่ต้น รู้ว่าพวกเขามาเพราะน้องสี่ ดังนั้นจึงมาดักรออยู่ที่นี่นานแล้ว!”
“เจ้าพวกเลวที่เหยียดหยามพวกเราเผ่าพันธุ์จิ้งจอกชิงชิว ไม่ตีเข้าผาอู่เจวี๋ยจะเก็บไว้ทำไม”
มู่จิ่วมองเขาตาเบิกกว้างปากอ้าค้าง ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
ที่แท้นี่เป็นแผนหลอกงูเข้าถ้ำของเจ้าชั่วช้ามู่หรงเส่าชิง?
มิน่าล่ะ ด้านนอกคุกหินเมื่อครู่ถึงไม่มีคนอยู่เลย แม้แต่ซ่างกวนสุ่นตะโกนโหวกเหวกอยู่ตรงปากทางเข้าอยู่นานก็ไม่มีคนนอกเข้ามา อีกทั้งตลอดทางนอกจากด่านของวิหารหินแล้ว แม้แต่ผีสักตนก็ยังไม่มี และถ้ำหินของจิ้งจอกน้อยก็ไม่มีคนเฝ้าสักคน ยิ่งไม่มีสัตว์ปีศาจอะไรด้วย สุดท้ายที่แท้ก็เป็นหลุมกับดักที่มู่หรงเส่าชิงขุดไว้!
เจ้าจิ้งจอกเหม็นโฉ่!
อายุน้อยแต่กลับวางแผนร้ายทำร้ายคนแบบนี้ได้!
มิน่าล่ะ ก่อนหน้านี้ลู่ยาอยู่นอกเขตพลังถึงได้พูดว่าสงสัยนี่จะเป็นกับดัก!
แต่พูดแบบนี้ มิใช่ว่าลู่ยาสงสัยมู่หรงเส่าชิงนานแล้วหรือ?