แต่ร่างของลู่หยาที่จิตต้นกำเนิดออกจากร่างไปอ่อนแรงมากกว่าปกติ แต่เดิมเขาก็สูงกว่านางมาก ยิ่งกลิ้งไปตามรูปร่างของระฆังทองก็ยิ่งหนักเป็นพิเศษ
ซ่างกวนสุ่นเห็นสถานการณ์แล้วก็พุ่งเข้ามาช่วย ถึงแม้แบบนี้จะดีขึ้นหน่อย แต่ระฆังทองยิ่งพลิกหนักขึ้น สามคนหมุนกลิ้งอยู่ในเขตพลังเหมือนเกาลัดที่อยู่ในกระทะ!
“ลู่หยา! เจ้ารีบตื่น!”
มู่จิ่วออกแรงกอดเขาไว้พลางตะโกนใส่ข้างหู แต่เขากลับยังคงปิดตาแน่น ไม่มีการตอบสนองเลยแม้แต่น้อย นางไม่มีหนทางจะยกมือขึ้นมาใช้กระเรียนกระดาษ ซ่างกวนสุ่นก็กำลังใช้พลังต้านคลื่น ไม่อาจมาช่วยได้ ช่างทำให้คนร้อนรนยิ่งนัก!
“เจ้าปล่อยเขาไป! เขาไม่ตายหรอก!”
ซ่างกวนสุ่นร้อนใจจนตะโกนพูดกับนาง
แต่มู่จิ่วทำไม่ได้! ถึงแม้จะไม่ตาย แต่หากกระทบกระแทกเอาจะทำอย่างไร? รอบด้านต่างก็เป็นพลังของมู่หรงเส่าชิงเจ้าจิ้งจอกชั่วร้ายนั่น รู้ได้อย่างไรว่าเขาจะไม่ตาย? นางกัดฟันแน่น เคลื่อนขึ้นไปข้างบนแล้วจับลู่ยาไว้ ทำได้เพียงเก็บมือเขากอดเอาไว้ตรงกลาง จากนั้นก็เรียกพลังฤทธิ์ไว้รับแรงกระแทก กลิ้งไปตามคลื่นกระเพื่อมอยู่ในเขตพลัง
ใบหน้าของนางแนบติดอยู่กับใบหน้าเขา แขนทั้งสองเหมือนกับคีมโลหะโอบรัดแผ่นหลังเขาไว้แน่น ถึงแม้นางจะกระแทกจนหัวหมุนตาลายก็ไม่ปล่อยเลยแม้แต่น้อย
ฟากลู่ยารอจนจิ้งจอกน้อยฟื้นคืนสติ หลังจากแน่ใจแล้วว่าจิตจิ้งจอกอยู่ในร่างของเขาโดยไม่มีอะไรผิดปกติ กำลังคิดจะให้ราชาจิ้งจอกเรียกมู่หรงเส่าชิงมาเก็บระฆังไป พลันรู้สึกว่าใจมีคลื่นถาโถม ข้างหูมีลมหายใจอุ่นๆ ลอยมาไม่หยุด เขารวบรวมสมาธิ พลันพูดขึ้นว่า “แย่แล้ว” ทันใดนั้นก็เข้าไปยังระฆังทอง
ครั้นถึงในระฆังแล้ว เห็นเพียงคลื่นมรกตม้วนตัวราวกับทะเลคลั่ง เบื้องหน้าสายตาเต็มไปด้วยพลังสะท้อนแสบตาที่ขยับขึ้นลง พลังของซ่างกวนสุ่นค่อยๆ อ่อนลง และมู่จิ่วที่กอดร่างเขาไว้อย่างเอาเป็นเอาตายกลิ้งหลุนๆ ไปตามเขตพลังไม่หยุด
พลังพุ่งเข้าปะทะนางจนแนบกับขอบเขตพลังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่นางกลับไม่สนใจทั้งสิ้น เพียงใช้ร่างกายปกป้องตำแหน่งที่สำคัญของเขา ใบหน้าของนางแนบสนิทอยู่กับใบหน้าเขา หลบหลีกการโจมตีที่พุ่งมาทางเขาทั้งหมด มือสองข้างที่เคยถูกเขาล้อว่าหยาบกร้านป้องศีรษะเขาไว้ ถูกกระแทกจนรอยเลือดเต็มไปหมด กลับไม่เคลื่อนย้ายเลยแม้แต่ครึ่งชุ่น
“อาจิ่ว!”
ในใจของลู่ยาราวกับมีมีดทิ่มแทง รีบกระโดดกลับเข้าร่าง พลิกมือป้องนางไว้ในอก เปิดตาแล้วพูดขึ้น “ข้ากลับมาแล้ว”
มู่จิ่วใช้พลังทั้งหมดในการต้านทานกับมู่หรงเส่าชิง ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงโดยรอบ นางเพียงคิดอยู่อย่างเดียวคือต้องปกป้องลู่ยาจนกว่าเขาจะกลับมา
นางไม่ลืมว่าใครเป็นคนช่วยนางจากเงื้อมมือนักพรตปีศาจสำนักตะวันอำพราง ไม่ลืมว่าใครช่วยนางลงโทษหยางอวิ้นที่ให้ร้ายนางลับหลัง ยิ่งไม่อาจลืมว่าใครดึงนางกลับมาจากเส้นแบ่งความเป็นความตายในบ่อน้ำ และเป็นใครที่พานางมาชิงไหวชิงพริบกับเหล่าจิ้งจอกถึงชิงชิว นางไม่สามารถละทิ้งลู่หยาได้ เกรงว่าแม้จะตายก็ไม่อาจให้เขาบาดเจ็บ!
ตอนลู่ยากลับมานางยังไม่รู้ตัว นางจำได้ว่าเขาพูดว่าไปเพียงแค่หนึ่งชั่วยาม ถึงตอนนี้ใกล้หนึ่งชั่วยามแล้ว อีกเดี๋ยวเขาน่าจะกลับมา เพียงแค่เขากลับมานางก็ไม่กลัวแล้ว!
คิดดังนี้แล้วนางยิ่งไม่กลัว นางไม่รู้สึกว่าร่างของเขามีไออุ่นแล้ว และไม่ได้ยินประโยคที่เขาพูดอยู่ข้างหู แต่ลู่ยาที่ถูกนางปกป้องไว้แบบนี้กลับรู้สึกได้ทั้งหมด เขาเห็นเพียงในดวงตานางไม่มีความกลัว มีแต่ความดึงดันเท่านั้น นางแนบชิดกับใบหน้าของเขา อบอุ่นจนร้อน
“พลังของเจ้าปั่นป่วนแล้ว หลับเสียก่อน!”
เขาปกป้องนางไว้ในอ้อมแขน จากนั้นรวบรวมพลังกลายเป็นอสุนีบาตสีทอง พุ่งไปบนยอดของระฆังทองสุดแรง!
ยอดของระฆังถูกฟาดจนเป็นหลุมขนาดใหญ่ คลื่นยักษ์สงบลง พลังหายไปแล้ว เสียงอสูรก็ไม่มีแล้ว เพชรในถ้ำมากมายสะท้อนบนสระน้ำมรกต เกิดเป็นแสงดาวนับหมื่นพันผ่านหลุมขนาดยักษ์ เศษผงของระฆังสะท้อนแสงจนสว่างนวลอย่างสงบเงียบ
มู่จิ่วพาดอยู่บนหน้าตักเขา เมื่อครู่ราวกับได้ผ่านการเกิดใหม่อีกรอบหนึ่ง
“ไม่เป็นไรแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว” ลู่ยาลูบใบหน้า หน้าผาก และบาดแผลบนใบหน้านาง การเคลื่อนไหวนุ่มนวลและระมัดระวัง แต่ใบหน้าของเขานิ่งทะมึนเสียจนกลั่นน้ำออกมาได้ ความเยียบเย็นในแววตาช่างทำให้คนหวาดกลัว “ไม่ต้องกลัว ข้าจะช่วยเจ้าสั่งสอนเขาเอง”
พูดจบเขาก็อุ้มนางบินออกจากยอดระฆังไป หลังออกจากระฆังทองก็หยุดอยู่บนยอด มือซ้ายที่ยกขึ้นเพียงยื่นออกไป จิ้งจอกน้อยในมือราชินีจิ้งจอกราวกับโดนเชือกลาก ลอยมายังมือเขาโดยตรง
ราชาจิ้งจอกกับราชินีจิ้งจอกต่างตกใจ “เจ้าจะทำอะไร?”
ลู่ยามองพวกเขาด้วยสีหน้าราบเรียบ “มู่หรงเส่าชิง คำพูดเชื่อถือไม่ได้ จิตใจสกปรกโสมม หากต้องการจิ้งจอกน้อยคืน ทำลายพลังบำเพ็ญสามหมื่นปีของเขาก่อนค่อยมาหาข้า!”
พูดจบเขาก็พามู่จิ่วทะยานออกจากหลังคาโค้ง อาศัยความมืดมุ่งไปยังวังจิ้งจอก
ราชาจิ้งจอกกับราชินีจิ้งจอกยินอยู่ริมน้ำ ตัวแข็งราวกับกลายเป็นหิน! หลังจากได้ยิน มู่หรงเส่าชิงกับมู่หรงเสวี่ยจีก็มองดูเศษซากที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ แต่ละคนต่างก็เป็นใบ้ไร้คำพูด…
ทุกคนต่างก็ถูกราชาจิ้งจอกเรียกมาหลังจากจิ้งจอกน้อยตื่นขึ้นแล้ว ซ่านเซียนไม่รู้ที่มาที่ไปคนนี้เป็นผู้ช่วยชีวิตจิ้งจอกน้อย คู่ควรที่จะให้พวกเขาปฏิบัติตามคำมั่นและเปลี่ยนท่าทีให้มีมารยาทมากขึ้น แต่เรื่องที่พวกเขาคาดไม่ถึงอย่างยิ่งคือ แขกผู้สูงส่งของพวกเขากลับใช้อสุนีบาตทำลายระฆัง ระฆังนี้คือของมีค่าที่มู่หรงเส่าชิงรักที่สุด ลู่ยากลับทำลายระฆังของเขาลงเสียแล้ว!
มู่หรงเส่าชิงมองระฆังกลางสระน้ำ หมัดทั้งสองกำจนซีดขาว ลูกตาก็ราวกับจะถลนออกจากเบ้า…
คืนหนึ่งไม่นานก็ผ่านไป
ยามเช้ามาเยือนสำนักแรกพยับ
ไฟบนยอดเขาคุ้มมรกตสำหรับเหล่าผู้บำเพ็ญเพียรไม่นับว่าเป็นอะไร ไม่นานก็ดับลง คนแต่ละทิศก็ค่อยๆ ทยอยกลับสู่ตำแหน่งเดิม แน่นอนว่าย่อมต้องมีคนถามถึงต้นเหตุของไฟ ลมพัดของจนแห้ง ศิษย์ที่เฝ้าหอก็ไม่แน่ใจว่าลมพัดตะเกียงน้ำมันล้มหรือผ้าม่านพัดไปโดนตะเกียงกันแน่ เป็นธรรมดาที่ต้องมีคนโดนลงโทษ แต่แน่นอนว่าไม่ใช่หลินเจี้ยนหรู
เพราะเขาไม่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ และไม่มีคนเชื่อว่าสวะอย่างเขาจะมีความสามารถแบบนี้
ถึงแม้เมื่อก่อนเรื่องร้ายๆ จะมาลงที่เขาทุกครั้ง แต่เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่สุดแล้วต้องเอาคนละทิ้งหน้าที่มาลงโทษให้ได้
แต่ตอนสว่าง บรรยากาศที่เพิ่งจะสงบลงได้กลับถูกเสียงร้องตะโกนในยอดเขาคุ้มมรกตทำลายลงอีก!
หลินเซี่ยตายแล้ว!
ข่าวนี้พัดพาไปตามลมภูเขา ชั่วพริบตาก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งสำนักแรกพยับ!
เพียงไม่นาน ผู้อาวุโสทั้งหมดบนเขาและศิษย์ทั้งหลายต่างก็มาถึงห้องของหลินเซี่ย!
หลินเจี้ยนหรูเพิ่งจะเลิกกะ อยู่ในห้องยังไม่ทันเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ต้องกลับมายังลานเรือนหลักอีก
ตอนฟ้าสว่างเขาเพิ่งจะเปลี่ยนกะ หลังจากที่เหลียงชิวฉานมาดูหลินเซี่ยแล้วก็ไม่มีคนเข้ามาอีก และเขาออกจากห้องมา ก็รีบกลับมาเฝ้ายามที่ระเบียง คนที่เหลืออีกสามคนต่างก็กลับมาแล้ว พวกเขากำลังถกกันเรื่องไฟไหม้ ไม่มีคนสงสัยเขา ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีคนรู้ว่าที่จริงหลินเซี่ยตายแล้ว
คนที่พบว่าหลินเซี่ยตายแล้วคือจีเพ่ยฟาง น้องสาวของจีหย่งฟาง!
นางมาเพื่อป้อนยาหลินเซี่ย คิดไม่ถึงว่าผลักเขา เขาก็ไม่ขยับ เรียกเขา เขาก็ไม่ตอบ รอจนตรวจสอบลมหายใจเขา คิดไม่ถึงว่าชีพจรและพลังต่างก็ไม่มีเหลือแล้ว!
“เมื่อคืนใครเฝ้ายาม?!” สีหน้าของหัวชิงเคร่งจนสามารถหยดเป็นน้ำออกมา ตาทั้งคู่ราวกับไฟลามเลียไปรอบด้าน