มาครื้นเครงร่วมกัน
“เกิดอะไรขึ้น?” ลู่ยาวางถ้วยชาลงถาม
“พลทหารหมีที่เฝ้าหน้าประตูบอกว่าผู้มาเยือนคือสำนักแห่งอาณาจักรจื่อจิว ก่อนหน้านี้ไม่นานสำนักของพวกเขาสูญเสียซ่านเซียนไปสองคน บอกว่าเป็นน้องสามที่สังหาร ที่จริงแล้วหนึ่งในสองคนนั้นแต่เดิมยังไม่ตาย แต่เมื่อคืนวานกลับถูกน้องสามตามไปสังหารถึงสำนัก ทั้งยังทลายจุดตันเถียนของเขาจนแหลกสลาย ตอนนี้จึงยกร่างไร้วิญญาณมายังประตูเพื่อล้างแค้น!”
มู่หรงเสวี่ยจีพูดอย่างรวดเร็ว
ฟากมู่จิ่วได้ยินว่ามีการสังหารซ่านเซียนไปสองคนก็ไม่ได้คิดอะไรนัก แต่ตอนได้ยินคำว่า ‘น้องสาม’ กลับอดที่จะอึ้งไปไม่ได้!
ตั้งแต่นางเข้าชิงชิวมาจนถึงบัดนี้ ยังไม่ได้เห็นหน้าของมู่หรงหลิวเย่เลย นางไปไหนกัน?
หลายวันก่อนตอนที่ลงไปโลกมนุษย์ นางกำลังตามล่าสังหารซ่านเซียนที่บาดเจ็บผู้หนึ่ง หรือนางจะตามจนเจอแล้ว?
“แบบนี้มีด้วยหรือ!” ราชาจิ้งจอกพูดด้วยความเดือดดาล “ข้าสูญเสียหลานไปสองตน รุ่ยเอ๋อร์ก็เกือบจะถูกสังหารตาย ข้ายังไม่ไปล้างแค้นที่วิมานหลีเฮิ่นเลย พวกมันช่างกล้าดีนัก มาร้องแรกแหกกระเชอถึงชิงชิว?!…ถ่ายทอดคำสั่งของข้าไป เหล่าพลทหารออกไปรับศัตรู! มาหนึ่งสังหารหนึ่ง! สังหารได้ผู้หนึ่งข้าให้รางวัลครั้งหนึ่ง!”
“ราชาจิ้งจอก!” มู่จิ่วตื่นตระหนก รีบขวางทางข้างหน้าเขา “ท่านเพิ่งลงนามเป็นหลักฐานว่าจะไม่ไล่ล่าสังหารผู้บริสุทธิ์ ท่านกลับคำพูดไม่ได้!”
“เฮอะ! ข้าพูดไว้ว่าจะไม่ไล่ล่าสังหารผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้บอกว่าจะไม่สังหารคนรนหาที่ตายถึงหน้าประตู!” พูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อจะเดินออกประตูไป
ลู่ยาพูด “ช้าก่อน!”
อันที่จริงในใจราชาจิ้งจอกยังคงกลัวเขา จึงจำต้องหยุดหันกลับมา ลู่ยากล่าวต่อ “แล้วบุตรีคนที่สามบ้านเจ้าเล่า?”
ราชาจิ้งจอกชะงักไป
มู่จิ่วพูด “ใช่แล้ว! ควรรู้ให้ชัดแจ้งว่าเรื่องราวเป็นอย่างไรก่อนเป็นอันดับแรก หลับหูหลับตาสังหารไม่ใช่การแก้ปัญหา!”
“มิสู้เปิดเขตพลังนำคนเข้ามาถาม แบบนี้ไม่เพียงแสดงออกถึงความเป็นกษัตริย์ ทว่ายังหลีกเลี่ยงไม่ให้ความเข้าใจผิดเพิ่มระดับลึกขึ้นด้วย รอท่านเรียกองค์หญิงหลิวเย่มาถามที่มาที่ไปให้ชัดแจ้งก่อน ค่อยจัดการเรื่องนี้ก็ไม่สายมิใช่หรือ? หากต้องการก่อเรื่องจริง แค่ศิษย์ลัทธิฉ่านไม่กี่คน พวกเขาจะหนีจากเงื้อมมือของท่านไปได้อย่างไร?”
นางไม่เอ่ยไกล่เกลี่ยไม่ได้ จิ้งจอกตนนี้ลงมือทีไรไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น!
ศึกสนามนี้หากเข้าต่อสู้กันจริง คดีนี้ของนางก็ไม่ต้องทำกันแล้ว
เลื่อนตำแหน่งเพื่อย้ายบ้านสะสมบุญกุศลอะไรคงได้กลายเป็นละอองน้ำไปแน่
ราชาจิ้งจอกลูบใบหน้าของตน สุดท้ายก็ฟังเข้าหูสักหลายส่วน อีกอย่างลู่ยาที่อยู่ด้านหลังนางทำท่าทางเหมือนหากเขากล้าพูดปฏิเสธก็จะถูกซ้อมอีกครั้งแน่ ไม่คุ้มที่เขาจะหาเรื่องใส่ตัว!
ดังนั้นจึงหมุนกายกลับมา ส่งเสียงพูด “ถ่ายทอดคำสั่งข้าไป นำตัวคนที่มาก่อเรื่องไปที่ตำหนักเก้าไสว และเรียกให้องค์หญิงสามรีบกลับวังทันที!”
ผู้อารักขาหมาป่าออกไปอย่างเร่งรีบ
ทางมู่หรงเสวี่ยจีมองลู่ยาที่ยืนชิดใกล้อยู่ข้างมู่จิ่วคราหนึ่ง ความโกรธพาดผ่านแววตา จากนั้นหมุนตัวออกจากตำหนักไป
ฟากประตูเมืองชิงชิว หัวชิงนำจีหมิ่นจวิน ผู้อาวุโสอีกสี่ท่าน และเหล่าศิษย์ยืนนิ่งอยู่นอกเขตพลัง
ชื่อเสียงของเผ่าพันธุ์เทพสงครามอย่างจิ้งจอกเก้าหางไม่ใช่ของปลอม ไม่ต้องพูดถึงว่าทำลายเขตพลังนี้เลย เพียงแค่ส่งคนเข้าไปหนึ่งคนพวกเขาก็ไม่มีหนทางทำได้
แต่พวกเขารู้ว่าคนข้างในจะต้องส่งต่อข้อความไปถึงราชาจิ้งจอกแล้ว หากราชาจิ้งจอกสามารถออกมาได้นั่นคือดีที่สุด หากส่งคนมาสังหาร เช่นนั้นพวกเขาก็จะอาศัยโอกาสนี้ไปฟ้องคดีเลือดที่หลีเฮิ่นเทียน!
“เป็นอย่างไรบ้าง? โจมตีหรือไม่?” จีหมิ่นจวินรอมาครึ่งชั่วยาม ที่จริงก็อดกลั้นไม่ไหวแล้ว
แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยถูกดูแคลนแบบนี้มาก่อน นางคือองค์หญิงแห่งอาณาจักรจื่อจิว และยังเป็นหัวเสินแห่งสำนักแรกพยับ สำนักผู้บำเพ็ญตนจะมีหัวเสินได้สักกี่คนกัน? อีกทั้งตอนนี้นางยังถูกคนสังหารสามีภายใต้จมูกของตนเองอีก!
นางกับหลินเซี่ยไม่นับว่าเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กันนัก พรสวรรค์ของหลินเซี่ยนั้นธรรมดา เขาสู่ขอนางเพราะต้องการจะได้รับการถ่ายทอดวิชาเฉพาะตน ในตอนแรกสุดนางหลงใหลในคำหวานของเขา บวกกับรูปร่างหน้าตาของเขาก็ไม่เลวนัก ดังนั้นจึงแต่งให้กับเขา แต่เวลาผ่านไปความมักมากของเขาก็ค่อยๆ เปิดเผยออกมา นางก็หมดใจไปทีละน้อย
การเป็นสามีภรรยามาสามพันปี แต่เดิมความรู้สึกควรจะบ่มเพาะ แต่พวกเขากลับทำความรักที่มีในตอนแรกแหลกสลายไปในสายลมนานแล้ว
ภายหลังนางเพียงรับผิดชอบเลี้ยงดูบุตรธิดาเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าสี่ร้อยปีก่อนภรรยาลับของเขากลับแบกท้องโตขึ้นมาหาเขาถึงประตู!
นางแต่งในฐานะขององค์หญิงแห่งอาณาจักรจื่อจิว เขากลับดื้อด้านนัก! ในที่สุดแม้แต่นางก็หมดสิ้นความอดทน สุดท้ายความรักอันน้อยนิดก็หายไป นางวางยานังสวะนั่นจนตาย แต่เดิมลูกของแม่นั่นก็ไม่สามารถอยู่ต่อได้ แต่หัวชิงเต้าเหรินบอกว่าเป็นสายเลือดของตระกูลหลินจึงเก็บเขาไว้ เก็บไว้ก็เก็บไว้เถอะ! อย่างไรนางก็รังแกเขาได้ เอาไว้เสียดแทงประสาทของหลินเซี่ย!
เวลาสี่ร้อยปีนี้ ใบหน้านางไม่แสดงสีหน้าออกไป แต่ลับหลังนั้นกลับให้หลินเซี่ยเห็นว่าลูกชายแท้ๆ ของเขาถูกนางทรมานอย่างไรบ้าง แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งผ่านไปแค่สี่ร้อยปี เขากลับตายเสียแล้ว! เพื่อให้ย้ำเตือนตัวเองทั้งชาติทั้งภพว่านางมีท่าทีต่อความเจ้าชู้มักมากของเขาอย่างไร นางจึงตั้งใจไม่สนว่าเขาจะสั่งสอนฝึกจิตลูกนอกสมรสนั่นเช่นไร และตั้งใจไม่ชำระล้างรากฐานวิญญาณของเด็กนั่นให้สะอาดด้วย!
นางยังไม่ได้ปลดปล่อยความแค้นสามพันปีนี้จนหมด จิ้งจอกแดงกลับมาชิงสังหารเขาเสียแล้ว!
ภายหลังนางจะเอาความโกรธแค้นนี้ไปลงกับใคร?
นางจะต้องชำระแค้นนี้ให้ได้!
ยังไงเบื้องหลังนางยังมีสำนักแรกพยับทั้งสำนัก ยังมีลัทธิฉ่านของไท่ซ่างเหล่าจวินทั้งลัทธิด้วย!
หากวันนี้ทำสงครามกัน ไท่ซ่างเหล่าจวินจะไม่ออกหน้าหรือไร?
“บุกเข้าไปเลยแล้วกัน!” คิดถึงตรงนี้ใจนางก็ร้อนรุ่ม
“เอ๊ะ มีคนออกมา!”
หัวชิงกำลังจะปลอบนางให้อย่ามุทะลุ ประตูเมืองชิงชิวก็เปิดออก มีพลทหารที่ดูน่าเกรงขามสองคนสะพายดาบล้ำค่าไว้ที่เอวเดินออกมา
“ราชาจิ้งจอกมีคำสั่ง เชิญเหล่าเซียนลัทธิฉ่านย้ายไปคุยกันที่ตำหนักเก้าไสว!”
พูดจบก็เดินมาหน้าเขตพลัง แหวกเป็นทางออกมาสายหนึ่ง ก่อนยืนอยู่สองข้างทาง
คนทั้งหมดต่างอึ้งไป ตามนิสัยของจิ้งจอกเก้าหางแล้วไม่ควรจะแสดงออกแบบนี้ ปกติไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เข้าสังหาร ตอนนี้พวกเขาเพียงนำคนมาหลายสิบคน ทางนั้นก็เปิดประตูต้อนรับอย่างเป็นมิตร?
“หรือว่าจะมีกลลวง?” เหลียงชิวฉานถาม
หัวชิงเต้าเหรินคิดแล้วพูดขึ้น “ไม่หรอก หากราชาจิ้งจอกต้องการทำร้ายพวกเราคงไม่จำเป็นต้องทำเรื่องซับซ้อนแบบนี้ เข้าไปกันเถอะ!”
พูดจบเขาก็เดินเข้าประตูไปก่อน
เหลียงชิวฉานเห็นแล้วรีบเดินตามหลังไป แต่นางกลับอดเพิ่มความระแวดระวังไม่ได้ เห็นเพียงหลังจากเข้าประตูเมืองมาแล้ว ภาพที่เห็นสมกับที่เรียกว่าอาณาเขตเซียนแต่โบราณกาล ทุกที่ไม่เพียงสวยงาม ชาวบ้านในเมืองแต่ละคนยังมีใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มน้อยๆ มีปีศาจที่เปลี่ยนร่างยังไม่สมบูรณ์ทำงานอยู่หน้าบ้านมากมาย แล้วพวกเขายังรู้จักพรวนดินปลูกผักกันด้วย
เดินแบบนี้เข้าไปหลายสิบลี้ ข้ามผ่านเนินเตี้ยๆ สามเนิน ก็ถึงรอบนอกของวังจิ้งจอก
วังจิ้งจอกนี้สร้างได้งดงาม แต่เทียบกับอาคารในโลกมนุษย์แล้วกลับไม่เหมือนกันอย่างมาก ส่วนใหญ่สร้างจากหิน เสริมด้วยวัสดุจากไม้ เหลียงชิวฉานอายุเพียงเก้าร้อยปี พบเจอมาไม่เยอะ เดินมาตามทางก็ยังแอบตื่นตาตื่นใจ
พลทหารสองคนเปิดประตูนำพวกเขาตรงไปยังด้านหน้าตำหนักเก้าไสวแห่งวังจิ้งจอก ครั้นเข้าไปในวัง ภาพของเสาคานที่อยู่รอบล้วนประดับตกแต่งด้วยเงินทองและหินมีค่าจนละลานตาไปหมด ทั้งยังมีหินหยกสีขาวที่ปูไว้บนพื้นทำให้เบื้องหน้าสว่าง! ยังไม่ทันได้ดูจนพอ บนยอดหินสูงราวสามจั้งตรงหน้าก็มีคนร้องขึ้นมา “สำนักแรกพยับแห่งอาณาจักรจื่อจิว หัวชิงเต้าเหรินและคณะมาถึงแล้ว…”
…………………………………………………………………..