ใครให้เจ้าหาเรื่องส่งเดช?
สีหน้าท่าทางของนางสงบนิ่ง ใคร่ครวญอย่างระมัดระวังรอบหนึ่ง ดูว่าหางจิ้งจอกเขาจะโผล่ออกมาเมื่อไหร่
ลู่ยาถูกนางมองขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ก็ขนคอลุกชัน ไม่เข้าใจว่าพูดความจริงออกไปแล้วทำไมนางยังจ้องเขาเช่นนี้อีก?
เป็นตัวนางเองที่ไม่เชื่อ ไม่ใช่ว่าเขาจงใจหลอกนางเสียหน่อย
ทั้งสองคนกำลังมองกันอย่างระแวดระวัง ม่านด้านนอกพลันถูกเลิกขึ้น ซ่างกวนสุ่นเดินเข้ามา “จิ้งจอกเฒ่ามาขอเข้าพบอยู่ตำหนักชั้นนอก” เขาพูดพลางชี้นิ้วโป้งออกไปด้านนอก จิ้งจอกน้อยถูกเขาหนีบไว้ใต้แขนราวกับไม้ฟืน มองมู่จิ่วอย่างอึ้งๆ
ลู่ยาจึงพูดขึ้น “ข้าจะไปดูเสียหน่อย!”
มู่จิ่วรีบชิงเอาจิ้งจอกน้อยมา แล้วอุ้มออกไป
ภายในตำหนักชั้นนอกซึ่งคั่นด้วยห้องเพียงห้องเดียว ราชาจิ้งจอกนั่งอยู่ที่นี่เกือบจะหนึ่งชั่วยามแล้ว
ถึงแม้ลู่ยาจะรังแกกันเกินไปนัก มู่หรงเส่าชิงก็ยังอยากจะเข้าไปสังหารเจ้าคนเลวทรามนั่นเสียหลายครั้ง เพราะเรื่องระฆังม่วงทองถูกทำลาย และเพราะอีกฝ่ายพูดเรื่องต้องทำลายพลังฤทธิ์สามหมื่นปีของเขา แต่จิ้งจอกน้อยอยู่ในมือลู่ยา ราชาจิ้งจอกอย่างไรก็ต้องลงมืออย่างระมัดระวัง จึงห้ามเขาไม่ให้หุนหันพลันแล่นแบบนี้
ดังนั้นไม่เพียงแต่ต้องยอมให้พวกนั้นอยู่ในวังซ่าน ยังต้องส่งยาลูกกลอนเสริมพลังเข้าไปในห้องมู่จิ่วไม่หยุด
แน่นอน เขายังไม่ลืมหาทุกโอกาสเพื่อตรวจสอบที่มาที่ไปของลู่ยา
ระฆังม่วงทองไม่ใช่ของมีค่าที่ไร้จุดอ่อนอะไร ถึงแม้จะมีคนทำลายมันได้ ก็ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนเก่งกาจยอดเยี่ยม แต่ลู่ยาแสดงตัวในรูปของซ่านเซียน ทั้งพลังฤทธิ์และวิชาที่เขาช่วยจิ้งจอกน้อยกลับมา ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจเป็นเรื่องที่ซ่านเซียนจะทำได้
นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาหยุดทัพไม่ลงมือชั่วคราว
การเป็นลูกหลานของเทพสงคราม ทำให้เขารู้อย่างลึกซึ้งว่าหากยังไม่รู้แจ้งเรื่องศัตรูก็ไม่ควรเข้าปะทะอย่างดุดัน ทำได้เพียงเอาชนะด้วยสติปัญญาเท่านั้น ดังนั้นเขาทานมื้อเช้าเสร็จก็หิ้วตะกร้าองุ่นเดินมาถึงที่นี่ตัวคนเดียว
“ได้ยินมาว่าแม่นางกัวฟื้นแล้ว คนแก่อย่างข้าจึงตั้งใจนำผลไม้สดมาให้นางชิมดู” ราชาจิ้งจอกยิ้มตาหยีแต่กลับเหมือนจิ้งจอกเฒ่าชั่วร้าย เขาส่งองุ่นให้มู่จิ่วพลางเหลือบมองจิ้งจอกน้อยในอ้อมอกนาง
ลู่ยาพูดเรียบๆ “เจ้าชิงไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อข้าสามารถแย่งมันมาจากมือเจ้า แน่นอนว่าต้องขโมยจิตจิ้งจอกมาได้ด้วย”
จิ้งจอกได้ยินสีหน้าก็ดำคล้ำ ทำหน้านิ่งเดินกลับมา
“คนแก่อย่างข้าเคยกล่าวว่าพวกเซียนสูงส่งพูดแล้วเชื่อถือได้ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกลับกลอกไปมา ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คดีนี้จะคุยกันได้อย่างไร?”
“ถึงแม้ข้าจะกลับกลอก แต่ราชาจิ้งจอกกลับเป็นคนสองหน้า หากบุตรชายเจ้าไม่ได้รับโทษเสียบ้าง ข้าก็พร้อมที่จะรั้งอยู่ที่นี่!” ลู่ยายื่นมือไปรับชาที่ซ่างกวนสุ่นส่งมาให้จากด้านหลัง ราวกับเขาเป็นเจ้าของวังจิ้งจอกนี้ ส่วนราชาจิ้งจอกกลับเป็นผู้มาขอความช่วยเหลือเรื่องเงินทอง
“ถึงแม้พวกเราจะมาทำคดี เป็นเจ้าหน้าที่เซียนไม่สะดุดตา แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่จะให้คนรังแกโดยเปล่าๆ ราชาจิ้งจอกเห็นว่าอย่างไร?”
ใบหน้าชราของราชาจิ้งจอกแดงเรื่ออยู่บ้าง “เช่นนั้นเจ้าคิดจะทำอย่างไร! หรือว่าเทพเซียนตัวเล็กๆ อย่างเจ้าจะแข็งขืนต่อพวกเราชิงชิวอย่างถึงที่สุด?”
“ชิงชิวของเจ้าก็มิใช่ว่าแข็งขืนกับลัทธิฉ่านแล้วหรือไร ถึงแม้ข้าเพียงคนเดียวจะทำอะไรพวกเจ้าไม่ได้ ก็ยังไปเข้าร่วมกับพวกลัทธิฉ่านที่วิมานหลีเฮิ่นได้มิใช่หรือ? ข้าเพียงพูดกับพวกเขาว่า เราหอบเอาความจริงใจอย่างสูงสุดมาเพื่อชี้แจงแถลงไขกับชิงชิว ผลคือกลับถูกกลั่นแกล้งรังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เชื่อว่าวิมานหลีเฮิ่นคงมีหลายคนนั่งไม่ติดที่”
“ฮึๆ เจ้าคิดว่าจะกดดันข้าได้หรือ?” ราชาจิ้งจอกยืนขึ้นมา ไพล่มือเดินอยู่เบื้องหน้าเขา “พวกเราชิงชิวมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดร่วมเป็นร่วมตายกับเผ่าพันธุ์เทพโบราณ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เพียงพวกเราบริวารของหนี่ว์วาทั้งสิบเผ่ารวมตัวกัน อย่าว่าแต่หนึ่งลัทธิฉ่านเลย ลัทธิเจี๋ยของทงเทียนเจี้ยวจู่ในปีนั้นก็ทำอะไรพวกเราไม่ได้?”
“ลัทธิของทงเทียนเจี้ยวจู่อุดมการณ์เปิดกว้าง พวกลูกศิษย์ไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์ เอาตนเองเป็นที่ตั้ง พลังบำเพ็ญหมื่นปีแบบเดียวกันในร่างกลับมีอานุภาพกล้าแกร่งกว่ามาก หรือพวกเรายังต้องกลัวลัทธิฉ่านที่เป็นพวกไม่มีแก่นสารอีก?! ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริง!”
ราชาจิ้งจอกหรี่นัยน์ตาหงส์ยิ้มเยาะ ถึงแม้จะเป็นคนผอมมากคนหนึ่ง แต่ท่าทางวางก้ามใหญ่โตนั่นกลับทำให้คนยากที่จะดูแคลน
ลู่ยาวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ คิดแล้วจึงพูด “เช่นนั้นก็มาลองดูกัน?”
พอสิ้นเสียงของเขา อากาศพลันมีปุยนุ่นนับพันหมื่นพุ่งไปรอบตัวราชาจิ้งจอก ปุยนุ่นนั้นไปได้ครึ่งทางก็กลายเป็นแสง ทำให้ราชาจิ้งจอกพลันเหมือนกับเม่นที่เปล่งแสงได้ เขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่สามารถสะบัดแสงนี้ออกไปได้แม้แต่นิดเดียว! ต่อมาแสงนั้นพลันหายไป เสื้อผ้าอาภรณ์ของเขาพลันเปลี่ยนไปเหมือนลู่ยาทั้งหมด!
กระจกสำริดที่อยู่เยื้องๆ ฝั่งตรงข้ามสะท้อนภาพของคนเสื้อขาว นี่ไม่ใช่เจ้าเซียนผู้น้อยนั่นหรือ?!
เขาตกใจมองไปทางลู่ยา เบื้องหน้าสายตาไหนเลยจะมีลู่ยาอีก? เห็นได้ชัดว่าเป็นราชาจิ้งจอกที่เหมือนกับตนเองทุกกระเบียดนิ้วนั่งอยู่
ราชาจิ้งจอกร่างนี้เหมือนจนเข้าขั้น แม้แต่ท่าทางหรี่ตายิ้มเยาะยังเหมือนตนเองราวกับเป็นคนเดียวกัน!
“เจ้า…”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมาก ชี้ลู่ยาอย่างไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี!
เขามีพลังฤทธิ์หนึ่งแสนสองแสนปี สามารถขนานนามว่าเป็นรัฐบุรุษอาวุโสแห่งเผ่าพันธุ์เทพ กลับถูกเจ้าเด็กนี้บังคับสลับร่างได้?!
เขาทำได้อย่างไร!
“สมควรแล้ว! ใครให้เจ้าหาเรื่องส่งเดช!”
มู่จิ่วอยู่หลังราชาจิ้งจอกตัวปลอม หัวเราะจนเกือบจะหายใจไม่ทันแล้ว! ความคับแค้นใจตลอดหลายวันมานี้ในที่สุดก็ได้รับการปลดปล่อย ยังมีเรื่องอะไรที่สุขใจไปกว่าคนวางก้ามอวดเบ่งไม่เห็นคนอยู่ในสายตาอีกหรือ? ก่อนหน้านี้ในหกภพภูมิมีเพียงซุนหงอคงเท่านั้นที่หัวดื้อได้ขนาดนี้ ไม่คิดว่าวันนี้จะมีลู่หยาโผล่มาอีกคน!
เพียงหัวเราะจบนางก็ครุ่นคิด พ่อหนุ่มคนนี้ช่างเก็บเงียบไม่แย้มพรายแม้แต่น้อยจริงๆ…
“อาสุ่น ยังไม่ให้เซียนผู้มาจากสวรรค์ท่านนี้นั่งอีก?” ลู่ยาพูด ซ่างกวนสุ่นรีบนำเก้าอี้ไป ก่อนบังคับกดให้ราชาจิ้งจอกนั่งลง!
นั่งครั้งนี้ไม่ต้องบีบบังคับ ที่จริงเขาก็ยืนไม่ไหวแล้ว!
“เจ้าทำอะไรกับร่างของข้า?!” ราชาจิ้งจอกทั้งตกใจทั้งโกรธ ตั้งแต่เขาโตมาก็ไม่เคยประสบกับสถานการณ์ยากลำบากแบบนี้มาก่อน เจ้าชั่วช้า!
“ข้าจะไปทำอะไรกับร่างเจ้าได้?”
ลู่ยาตอบเรียบๆ มือทั้งสองปัดเสื้อคลุมกษัตริย์บนร่างเบาๆ เลียนแบบวิธีพูดของเขา “คนแก่อย่างข้าเพียงแค่ทนไม่ได้แล้ว คิดจะจัดการพวกเจ้าหน้าที่เซียนเล็กๆ อย่างเจ้า! จะให้ทำลายพลังฤทธิ์สามหมื่นปีของลูกชายข้า? เจ้านี่ช่างดีแต่พูด! ใครก็ได้! ไปพาองค์ชายรองกับองค์หญิงเสวี่ยจีเข้ามา บอกเขาว่าข้าจับเซียนผู้น้อยที่ทำลายระฆังของเขาไว้ได้แล้ว!”
หมาป่าเฝ้ายามที่หน้าประตูอยู่ห่างออกไป ไหนเลยจะรู้ความจริง? รีบออกไปทันใด
มู่จิ่วรู้สึกว่ามีงิ้วดีให้ดู จึงรีบวางจิ้งจอกน้อยบนมือลู่ยา จากนั้นรีบไปด้านหลังของราชาจิ้งจอก ยืนเรียงแถวอยู่ข้างซ่างกวนสุ่น
เกือบจะพริบตาเดียว ด้านนอกประตูมีเสียงฝีเท้าหนักๆ ดังเข้ามา ตามด้วยเงาคน มู่หรงเส่าชิงม้วนตัวเข้ามาเหมือนกับลม หลังจากเห็นจิ้งจอกน้อยในอ้อมอกลู่ยา ก็เงื้อมือขึ้นตีไปที่ราชาจิ้งจอกซึ่งแนบก้นติดอยู่กับเก้าอี้ “ข้ายังคิดว่าความสามารถเจ้าล้นฟ้า ที่แท้ก็มีวันที่ตกอยู่ในเงื้อมมือข้า!”
……………………………………………………