ลู่ยาสร้างเขตพลังขึ้นรอบห้อง จากนั้นเดินช้าๆ ไปยังข้างโต๊ะ หยิบเอาแผ่นกลมขนาดเท่ากระดุมหยกออกมาจากแขนเสื้อ ส่งพลังเข้าไป แผ่นหยกนี้จึงขยายออกเท่าถาดทองแดง เขาหยดเลือดที่ได้จากหลีหังลงไปตรงกลางแผ่นหยก เห็นรูตรงกลางแผ่นหยกเหมือนน้ำ เมื่อหยดเลือดร่วงลงไป ตรงกลางก็กระเพื่อมขึ้นมา
สีแดงค่อยๆ แพร่กระจายออกไป คนและสิ่งของก็ค่อยๆ ปรากฏ
ภาพตรงหน้าเหมือนกับหมอกควันลอยผ่านตา บางเหมือนไร้ร่องรอย หลังจากหลีหังเป็นเซียนได้ไม่นาน เขาชางหลีที่เขาอยู่ปรากฏวิหคแดงสีสดขึ้นตัวหนึ่ง
วิหคตัวนี้เกิดมางดงามนัก เสียงร้องก็ไพเราะน่าฟัง ทุกวันนางจะมาที่พำนักของหลีหังเพื่อมองเขาอ่านหนังสือ ดูเขาฝึกกระบี่ ดูเขาก่อกวนต่อหน้าเหล่าศิษย์พี่
หลีหังดีต่อวิหคตัวนี้ยิ่งนัก เขาสอนฝึกพลัง สร้างร่าง เปลี่ยนร่าง ช่วยให้ขึ้นเป็นเซียน
หลังกลายเป็นเซียนวิหคนี้ยิ่งนานยิ่งงดงาม หลีหังตั้งชื่อให้นางว่าเฟยอี
“เป็นนางจริงๆ!”
มู่จิ่วประหลาดใจไปหลายครั้ง
นางหวนนึกถึงชายผู้สง่างามซึ่งปรากฏตัวที่วิมานหลีเฮิ่น หากเขากับเฟยอียืนอยู่ด้วยกัน ต้องเหมาะสมกันมากอย่างแน่นอน
ตรงกลางแผ่นหยก ดวงตาตอนที่เฟยอีมองหลีหังกระจ่างดุจดาวที่สว่างที่สุดบนฟ้า และหลีหังก็เหมือนกับน้ำในฤดูใบไม้ผลิที่อบอุ่นและสงบนิ่ง
ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ปี พวกเขากลายเป็นสามีภรรยากัน เฟยอีล้างมือทำอาหารเพื่อหลีหัง ทอเสื้อคลุมเพื่อเขา เหมือนกับยามอยู่ที่เขามรกตกับชิงผิง
แต่ยิ่งนานไปสายตาของหลีหังยิ่งหยุดอยู่ที่นางน้อยลง และไม่มีน้ำอดน้ำทนฟังเรื่องข้างกายเล็กๆ น้อยๆ ที่นางพูด เขายังต้องการเลื่อนขั้น ยังอยากเพิ่มพลังให้สูงกว่านี้
หลังจากที่หลีหังนำศิษย์กลับมาจากการรบชนะก็ก่อเรื่องใหญ่ขึ้น เขาพาหญิงคนอื่นกลับมา นางไม่สวยเหมือนเฟยอี ไม่อ่อนโยนเหมือนเฟยอี แต่นางมีพลังการรบที่แข็งแกร่ง ตอนที่หลีหังปะทะกับศัตรู นางสามารถตีวงล้อมให้เขาได้สำเร็จ ทำให้สุดท้ายเขาฝ่าทะลวงเข้าไปได้
สุดท้ายผู้หญิงคนนี้กลายมาเป็นภรรยารองของหลีงหัง และไปไหนมาไหนกับเขาตลอด ราวกับในสายตามีเพียงกันและกันเท่านั้น
“หญิงคนนี้ชื่ออะไร?” มู่จิ่วถาม
“ไม่รู้” ราชาจิ้งจอกส่ายศีรษะ “ตอนหลีหังอยู่ที่เขาชางหลี คนนอกรู้เรื่องราวของเขาน้อยมาก ไม่เคยได้ยินเรื่องของคนผู้นี้”
มู่จิ่วดูต่อไป
ต่อมาเฟยอีที่นั่งเดียวดายอยู่ข้างหน้าต่างมองดูทิวทัศน์ไกลๆ
สุดท้ายทนไม่ไหว พุ่งเข้าไปที่ห้องของหญิงผู้นั้น ทะเลาะกับนางยกใหญ่
เนื้อหาที่ทะเลาะกันไม่อาจได้ยินได้ แต่ตอนนั้นหลีหังอยู่ด้วย เขาตบเฟยอีไปหนึ่งครั้ง และพาภรรยารองออกไปอย่างรวดเร็ว
เฟยอีเหม่อลอยอยู่ที่เดิมเนิ่นนาน พอตกกลางคืนก็ลงจากเขาไป
รอจนเช้าวันถัดมา หลีหังประคองภรรยารองเข้าห้องก่อนไปหาเฟยอี ไหนเลยจะยังมีร่องรอยของนางอีก?
“ที่แท้หลีหังก็เป็นคนแบบนี้!” มู่จิ่วเอ่ยอย่างจนปัญญา
ความจริงปรากฏออกมาแล้ว
หลีหังเป็นสามีของเฟยอีจริง เขากลับหลายใจไปรักหญิงอีกคน เฟยอีเสียใจจนหนีไป แต่หลังจากเจอตัวนางแล้ว เขาที่ไม่รักนางอีกต่อไปกลับพานางมาจากข้างกายชิงผิงซึ่งรักนางอย่างลึกซึ้ง จากนั้นจึงลบความทรงจำส่วนที่เกี่ยวกับตนเองของชิงผิงออกไป สุดท้ายก็เกิดเรื่องต่างๆ ตามมา
“ยังดูเรื่องราวต่อไปได้หรือไม่?” มู่จิ่วถาม “ที่จริงหลีหังไปทำอะไรที่เขามรกต เฟยอีถึงได้ตามเขากลับไป? เขาใช้กำลังบังคับเฟยอี หรือนางตัดใจจากเขาไม่ได้เลยยินยอมตามไป?”
แต่ภาพในแผ่นหยกเปลี่ยนไปบางเบา มองอะไรไม่ออกแล้ว
หรือสำหรับหลีหังแล้ว ความทรงจำที่ฝังใจที่สุดจะเป็นตอนที่เฟยอีทำร้ายเขาด้วยการไปมีคนรักใหม่?
นี่ช่างทำให้คนผิดหวังนัก ความรู้สึกดีที่มู่จิ่วมีต่อเขาเหมือนกำแพงที่ถูกลมพัดทลายไป
“เรื่องภายหลังไม่ต้องดูแล้ว” ลู่ยาพูด “วันนี้ตอนข้าเข้าใกล้หลีหัง บนร่างเขาไม่มีกลิ่นอายของผู้หญิง และระหว่างที่พูดคุยกัน ข้าก็รู้สึกได้ว่าตั้งแต่มารับตำแหน่งบนสวรรค์ข้างกายหลีหังก็ไม่มีภรรยา ถึงแม้จะไม่รู้ว่าภายหลังเกิดอะไรขึ้น แต่คนรักใหม่ของเขาตอนนี้ก็ไม่รู้ไปไหน”
ราชาจิ้งจอกพยักหน้า “หลายพันปีมานี้ไม่ได้ยินเรื่องงานแต่งของหลีหังเลย”
มู่จิ่วขมวดคิ้ว “ข้ายังอยากจะดูว่าแท้จริงแล้วเฟยอีกลับไปได้อย่างไร”
แม้รายละเอียดเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับคดีโดยตรง แต่ในความเป็นจริงเพียงแค่สามารถยืนยันได้ว่าผิงหนานอ๋องคือหลีหัง หลีหังคือสามีของเฟยอี และก่อนหน้านี้คนที่ไปร้องเรียนว่าชิงผิงแย่งชิงภรรยาต่อหน้ากษัตริย์คือเขาก็พอแล้ว
บุญคุณความแค้นของหลีหังกับชิงผิงในสองชาติ ทำให้ชิงผิงอยากเอาคืนหลีหัง ทว่าเขาที่เป็นลูกน้องหลีหังและมีพลังไม่เทียบเท่าอีกฝ่ายคงไม่มีวันไปถึงเป้าหมาย ดังนั้นเขาจึงสร้างแผนการขึ้นโดยผลักลัทธิฉ่านให้เป็นศัตรูกับสามภพ!
แต่นางยังคงอยากรู้ เฟยอีในชีวิตของชิงผิงมีบทบาทอย่างไรบ้าง
ลู่ยามองนาง ก่อนเร่งเขตพลังให้ขยับ
ตอนหลีหังเจอเฟยอี เฟยอีกำลังลองเสื้อคลุมใหม่ให้ชิงผิง ฝีมือของนางดียิ่ง ชิงผิงที่แต่เดิมก็หล่อเหลามองไปแล้วยิ่งสง่างาม
ตอนที่เห็นหลีหังพลันปรากฏตัวออกมา ปฏิกิริยาแรกของเฟยอีคือขวางอยู่ข้างหน้าชิงผิง แต่ประโยคแรกที่หลีหังพูดคือ “หากข้าส่งซูชิวไป เจ้าจะกลับไปกับข้าหรือไม่?”
เฟยอีพูดอะไรก็ไม่มีเสียงให้ได้ยิน ภาพถูกชิงผิงที่อยู่ด้านหลังเข้ามายึดพื้นที่แทน
ชิงผิงผู้หล่อเหลาดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น เขากำเสื้อในมือแน่น ก้มหน้ามองเฟยอีที่ร้องไห้และตัวสั่นตลอดอยู่ตรงหน้าเขา พลันเอื้อมมือไปโอบนางไว้ พูดว่า “นางจะไม่กลับไป…”
หลีหังไม่พูดอะไรก็จากไป
แต่วัดถัดมาตอนเฟยอีนั่งเหม่ออยู่คนเดียวในห้อง เขาก็ปรากฏตัวต่อหน้านางอีกครั้ง
เขาส่งกระบี่ให้นาง นางเงยหน้าขึ้น ใบหน้าซีดขาวอยู่นาน ก่อนจะโซเซลุกขึ้นยืน หยิบกระบี่เล่มนั้นเดินตามหลังเขาลงเขาไป
ชิงผิงไล่ตามมาด้านหลัง นางก็ไม่ได้หันกลับไป
“กระบี่นี้หมายถึงอะไร?” มู่จิ่วเงยหน้าขึ้น
“นี่ต้องถามพวกเขาแล้ว” ลู่ยาแบมือ
มู่จิ่วก็รู้ว่ารู้มากไปใช่ว่าจะดี ไม่ว่าหลีหังจะใช้วิธีไหนพาเฟยอีไป อย่างน้อยก็แสดงชัดว่าสำหรับชิงผิงแล้วเฟยอีไม่อาจหาสิ่งใดมาทดแทนได้ มิฉะนั้นแล้วหลังจากเขาไปเกิดเป็นเจ้าเค่อ คงไม่ประคองร่างที่เต็มไปด้วยเลือดขององค์หญิงแคว้นล่มสลายอย่างเหม่อลอย แน่นอนว่าเจ้าเค่อไม่มีความทรงจำของชิงผิง การเหม่อลอยของเขาเป็นเพียงแค่ปฏิกิริยาของวิญญาณส่วนลึก
นางเงยหน้าพูด “ถ้าเช่นนั้นดูก่อนว่าอู่เต๋อเก็บของวิเศษไว้ที่ไหน ไม่ว่าจะพูดอย่างไร หากได้หลักฐานมาพวกเราก็สามารถออกประกาศจับกุมได้แล้ว”
“ดูไปก็ไม่มีประโยชน์” ลู่ยาเอ่ย “เรื่องที่สำคัญขนาดนี้แน่นอนว่าเขาไม่ลงมือทำเองหรอก หากเขาไม่ได้ทำเอง เขาย่อมไม่มีความทรงจำเหลืออยู่” เขาพูดอีก “ไม่เชื่อเจ้าดูเอง” พูดจบเขาก็ปัดแขนเสื้อกวาดโต๊ะ
ที่แท้ความทรงจำจากผมอู่เต๋อส่วนใหญ่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของเขาในห้องทำงาน ไม่ก็รับแขกอยู่ในที่พำนัก ล้วนเป็นเรื่องที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“เช่นนั้นพวกเราจะหาของวิเศษเหล่านี้ได้อย่างไร?” มู่จิ่วขมวดคิ้ว