มู่จิ่วมองหลีหัง
ลงคำตัดสินไปแล้ว ทำไมนางถึงรู้สึกว่าหลีหังชายชั่วคนนี้สมควรได้รับบทลงโทษอะไรบ้างจึงจะถูกต้อง?
แต่นางเป็นเพียงพลทหารเล็กๆ ไม่กล้าให้คำแนะนำอวี้ตี้ จึงกระแอมกระไอพลางส่งสายตาหาราชาจิ้งจอก ราชาจิ้งจอกก็ไม่ถูกกับลัทธิฉ่านนัก นางจำแทนเขาได้อย่างชัดเจนว่าพวกจีหมิ่นจวินมาล่วงเกินที่ชิงชิวอย่างไร เขากับแรกพยับมีสัญญาสามเดือนกันอยู่ ยามนี้ก็มีเหตุผลที่จะปล่อยลัทธิฉ่านไปเปล่าๆ แล้วน่ะสิ?
ราชาจิ้งจอกเป็นใครกัน? ในใจได้คำนวณไว้นานแล้ว
ตอนนี้ผู้กระทำผิดตัวจริงถูกจับ แต่เรื่องที่เขาสังหารศิษย์ลัทธิฉ่านยังเป็นหนี้ค้างอยู่ที่วังโตวลวี่ ต่อไปไท่ซ่างเหล่าจวินสืบสวนขึ้นมา เขาก็ต้องเสียงอ่อนยอมรับอยู่ดีมิใช่หรือ?
ตอนนี้สายตานี้ของมู่จิ่วส่งไป ใจเขาพลันตื่นตัวขึ้นเล็กน้อย
ความหมายของเด็กสาวคนนี้ชัดเจนว่าไม่อยากปล่อยหลีหังไป พูดไปก็ใช่ ถ้าไม่ใช่เพราะหลายปีมานี้ลัทธิฉ่านอวดเบ่งขนาดนั้น และหลีหังไม่ว่าร้ายอู่เต๋อในตอนแรก อู่เต๋อจะเอาความกล้าจากไหนไปยุแหย่พวกตน? แต่ถึงเขาไม่สร้างความบาดหมางก่อน ไท่ซ่างเหล่าจวินก็สามารถอาศัยโอกาสนี้ก่อเรื่องได้ มิสู้ไว้หน้าพวกเขาก่อนสักเล็กน้อย ให้เรื่องนี้ผ่านไปก่อนค่อยว่ากัน!
อีกอย่างเบื้องหลังเด็กสาวคนนี้มิใช่มีขุนเขาอันยิ่งใหญ่หนุนหลังอยู่หรือ? มีเทพที่น่าเคารพคนนั้นอยู่ เขาจะกลัวอะไร!
เมื่อตัดสินใจได้แล้วจึงเดินไปอยู่ตรงหน้าบัลลงก์ของอวี้ตี้ พูดว่า “ฝ่าบาทโปรดช้าก่อน ตัวข้ายังมีเรื่องพูด”
อวี้ตี้ทำได้เพียงนั่งหลังตรง แล้วเอ่ย “ไม่ทราบว่าราชาจิ้งจอกมีเรื่องอะไร?”
ทั้งคู่ล้วนเคยอยู่ที่สวรรค์ชั้นสามสิบเก้า ตอนที่จิ้งจอกตนนี้ติดตามหนี่ว์วาเข้ามาในวังจิตกระจ่าง เขายังเคยเปิดประตูให้มาก่อน จึงต้องไว้หน้าอีกฝ่ายหลายส่วน
ราชาจิ้งจอกพูด “ข้าเห็นว่าเรื่องนี้ถึงแม้ความผิดเป็นของอู่เต๋อ แต่เมื่อสอบสวนข้อเท็จจริงก็เกี่ยวข้องกับที่หลายปีมานี้ลัทธิฉ่านก่อเรื่องจองหองเกินไป ปีนั้นอู่เต๋อไม่รู้ว่าเฟยอีมีสามีแล้วอย่างชัดเจน หลีหังคนนี้ทำไมถึงสามารถป้ายสีเขาสร้างเรื่องเท็จขึ้นมาได้? หากไม่มีการปรักปรำของหลีหัง บางทีอาจจะไม่มีเรื่องราวมากมายขนาดนี้ตามมา”
“ดังนั้นข้าคิดว่าอู่เต๋อมีความผิดควรลงโทษหนัก แต่ภายหลังหากสวรรค์ต้องการหลีกเลี่ยงเรื่องหายนะแบบนี้ ยังต้องจัดการวิมานหลีเฮิ่นให้เคร่งครัดต่อศิษย์ของตนจึงจะถูก อย่างน้อยหลีหังต้องได้รับโทษบ้างถึงจะยุติธรรม”
ไท่ซ่างเหล่าจวินได้ยินก็โกรธจัด
เจ้าจิ้งจอกตนนี้สังหารศิษย์ของเขามากมายขนาดนี้เขายังไม่คิดบัญชีด้วย แต่กลับทำเป็นพูดมีเหตุผลสร้างเรื่องให้เขา!
มีแบบนี้ที่ไหนกัน!
เขาเอ่ย “ถึงหลีหังจะมีความผิด แต่ก็ไม่หนักหนาเท่าชิงชิว ชิงชิวสังหารศิษย์ลัทธิฉ่านจำนวนมาก ฝ่าบาทโปรดให้ความยุติธรรมด้วย!”
ราชาจิ้งจอกพูดอย่างไม่เร็วไม่ช้า “ถึงแม้ชิงชิวของเราสังหารศิษย์ลัทธิฉ่านไปมาก ทว่าก็เป็นเพราะถูกคนหลอก แบบนี้จะโทษพวกเราได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นบุญคุณความแค้นระหว่างพวกเจ้ากันเอง แต่กลับทำให้จิ้งจอกเก้าหางของเราตายสองตัว พวกเราเป็นผู้บริสุทธิ์ตั้งเท่าไหร่? วันนี้ข้าไม่ร้องขอพวกเจ้าว่าต้องการคนคืน เพียงขอให้จัดการเรื่องภายในให้เรียบร้อย เป็นเหล่าจวินแต่กลับวางก้ามใหญ่โตเช่นนี้ ช่างทำให้คนยากจะยอมรับได้จริงๆ”
ไท่ซ่างเหล่าจวินจดจ่อกับการฝึกฝน ไหนเลยจะสู้ฝีปากของราชาจิ้งจอกได้?
ถึงแม้ในใจรู้ว่าระยะนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาก่อเรื่องอย่างหนัก แต่ก็อดทำหน้านิ่งไม่ได้ จากนั้นสะบัดแขนเสื้อหมุนตัวจากไป
มู่จิ่วแอบยกนิ้วโป้งให้ราชาจิ้งจอก เขาก็ขยิบตาให้นาง
อวี้ตี้รู้สึกลำบากใจอย่างมาก จะว่าไปแล้วทุกคนล้วนเป็นสหายใกล้ชิดกัน แต่ตอนนี้กลับมาคะคานกันเอง เขาควรช่วยใครดีเล่า?
ยังเป็นหวังหมู่ที่มีไหวพริบ เห็นสถานการณ์แล้วก็หันไปพูดกับหลีหัง “เจ้าลองพูดซิว่าเรื่องนี้ควรทำอย่างไร?”
หลีหังมองอู่เต๋อคราหนึ่ง คุกเข่าลงพูด “ข้าน้อยยินดีรับโทษ”
หวังหมู่พยักหน้า ก่อนกล่าว “ในเมื่อหลีหังยินดีรับโทษ อย่างนั้นข้าให้เจ้ากลับไปวิมานหลีเฮิ่น พิจารณาความผิดตนเองสามร้อยปี เรื่องภาระหน้าที่ฝ่ายทหารช่วงนี้พักไว้ก่อน ไม่ว่าลัทธิฉ่านกำเริบเสิบสานอย่างที่ราชาจิ้งจอกพูดหรือไม่ ให้เหล่าจวินกลับไปตักเตือนเหล่าศิษย์ หากผิดให้แก้ไข หากไม่ให้เข้มงวด แต่ทางชิงชิว ราชาจิ้งจอกก็ควรสำนึกผิดเช่นกัน เพราะไม่แยกแยะถูกผิดจึงไล่สังหารคนมิใช่หรือ?”
นางต้องการให้ทั้งสองรับโทษเหมือนกัน เหล่าจวินก็ไม่เหมาะจะพูดอะไร ด้วยรู้ว่าความจริงอวี้ตี้เป็นผู้เชื่อฟังภรรยา อีกอย่างไม่ว่าเขาไท่ซ่างเหล่าจวินฐานะสูงส่งขนาดไหน อย่างไรอวี้ตี้คนนี้หงจวินเหล่าจู่ก็เป็นผู้ผลักดันให้เป็นกษัตริย์ เขาจะกล้าหาญชาญชัยหักหน้าของอาจารย์ตนได้หรือ ดังนั้นจึงลงเอยแบบนี้ “เหนียงเหนียงปรีชาสามารถ หลีหังควรพิจารณาตนเอง”
ส่วนราชาจิ้งจอกเมื่อเห็นว่าเป้าหมายในการตบหน้าลัทธิฉ่านสำเร็จแล้ว จึงละเว้นเรื่องที่วิมานหลีเฮิ่นมาก่อเรื่องยังชิงชิวเพราะเหตุนี้ หวังหมู่ให้เขาสำนึกผิดอย่างไร เขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจแต่แรก
อวี้ตี้เห็นว่าเรื่องราวจบแล้ว จึงผ่อนคลายลงได้ ชี้พวกเขาพลางพูด “หากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว หน่วยลาดตระเวนหลิวจวิ้น เจ้าพากลุ่มคนเหล่านี้ไปที่เขาราชาเพลิงเพื่อยืนยันสิ่งของที่หายไป”
ทั้งวังคุกเข่าลงร้องทรงพระเจริญ
อู่เต๋อรู้สึกสิ้นหวัง เขาทำความเคารพไปทางบัลลังก์ แล้วพูด “ข้าผู้กระทำผิดขอฝ่าบาทช่วยอนุเคราะห์ หากภายภาคหน้ามีร่องรอยของเฟยอี ได้โปรดให้นางกับข้าได้พบหน้ากันสักครั้ง”
อวี้ตี้เอ่ยหน้านิ่ง “เจ้าพบแล้วจะมีประโยชน์อะไร…”
พูดยังไม่ทันจบก็โดนเสียงกระแอมไอของหวังหมู่เหนียงเหนียงขัด หวังหมู่พูด “อู่เต๋อแม้จะมีความผิด แต่เรื่องรักลุ่มหลงนี้ก็ทำให้คนตื้นตัน คนที่เหมือนเจ้ามีไม่มากนัก ข้าอนุญาต ถือว่าเป็นต้นแบบให้บุรุษทั้งบนสวรรค์และพื้นพิภพเอาแบบอย่าง แต่ที่เจ้าแก้แค้นคืนกลับไม่ถูกต้อง หวังว่าหลังจากเจ้าเกิดเป็นคนแล้วจะกลับตัวกลับใจทำตัวดี”
หลังพูดจบนางเหลือบมองอวี้ตี้ ไม่รู้ทำไมใบหน้าขาวของอวี้ตี้จึงพลันแดงเรื่อขึ้นมา
คดีจึงปิดลงแบบนี้
หลังจากอวี้ตี้หวังหมู่กลับวัง เหล่าเซียนก็แยกย้ายกันไป
เหล่าเทพเซียนส่วนใหญ่ยังคงจมอยู่ท่ามกลางบุญคุณความแค้นของอู่เต๋อกับหลีหัง สวรรค์ไม่มีนิยายและละคร บางทีเรื่องซุบซิบนี้อาจจะทำให้พวกเขาพูดนานสักหน่อย
อู่เต๋อตัดรากฐานเซียนกลับไปเวียนว่ายตายเกิด ทุกชาติภพไม่มีความหวังจะขึ้นมาเป็นเซียน แต่มู่จิ่วคิดว่า บางทีสำหรับเขาแล้วเป็นเซียนหรือเป็นคนล้วนไม่ต่างกัน สิ่งที่เขาใส่ใจมาแต่ต้นคือเฟยอี ความรักลุ่มหลงของเขามีค่าอย่างแน่นอน แต่นิสัยใจคอคับแคบและหยิ่งยโสของอู่เต๋อกลับทำให้คนยากจะคาดหวังกับอนาคตของพวกเขา
แต่เดิมนี่ควรเป็นเรื่องที่สมบูรณ์พูนสุข รักกันแล้ววุ่นวายเหนื่อยยากขนาดนี้ แบบนั้นมิสู้ไม่รักจะดีกว่า
มู่จิ่วมองอู่เต๋อถูกมัดออกไปจึงค่อยก้าวเท้าออกจากวัง ไม่ทันระวังเงยหน้าขึ้นเห็นหลีหังยืนเงียบๆ อยู่ที่ริมธรณีประตู
สายตาของหลีหังมองอยู่บนแผ่นหลังของอู่เต๋อตลอด ท่าทางดูแคลนไม่เห็นอยู่ในสายตาเมื่อครู่ กลับกลายเป็นอ้างว้าง
นี่ทำให้มู่จิ่วคิดถึงสีหน้าของเขาตอนอู่เต๋อพูดว่าวิญญาณของเฟยอีถูกปล่อยไปแล้ว ตอนนั้นเขาประหลาดใจ ทั้งยังมีความรู้สึกอ้างว้างเหมือนกับตอนนี้ หรือเขาจะไม่รู้จริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น? แต่อู่เต๋อพูดถูก หากไม่ใช่เขาปล่อยไป จะเป็นใครได้อีก?
ตอนนางกำลังกลัดกลุ้มเพราะสงสัย หลิวจวิ้นเดินเข้ามา “เจ้ายืนอึ้งทำอะไรอยู่?”
“ข้ากำลังคิดว่าเฟยอีไปไหน” นางเอ่ยแล้วทอดถอนใจ
…………………………………………………