ราชามังกรกำลังเตรียมจะพูดอะไรสักหน่อย นอกประตูมีนายพลปูวิ่งเข้ามา “องค์ราชา! ใต้เท้าหลิวแห่งหน่วยลาดตระเวนนำทหารสวรรค์มาถึงวังของพวกเราแล้วพะยะค่ะ!”
อ๋าวเชินตกใจหน้าถอดสี ยังไม่ทันยืนขึ้น ด้านนอกประตูก็มีเสียงฝีเท้ามากมายดังเข้ามา จากนั้นคนกลุ่มหนึ่งเดินตามทางเข้ามาในตำหนัก คนหน้าสุดสวมเกราะทองพู่แดง สง่างามแข็งแกร่ง แม้ไม่ได้โกรธก็มีความน่าเกรงขาม นั่นไม่ใช่หลิวจวิ้นแห่งหน่วยลาดตระเวนแล้วจะเป็นใครไปได้? ยังมีนายทหารนายพลกลุ่มใหญ่ตามหลังเขาอีก…นี่จะอาศัยโอกาสทลายวังมังกรทะเลสาบน้ำแข็งหรือ?!
“กัวมู่จิ่วอยู่ไหน?!”
หลิวจวิ้นเข้าตำหนักมา แลกสายตากับลู่ยาสักหน่อยก็พูดขึ้น
อ๋าวเชินคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะมาเร็วขนาดนี้ ถึงแม้กระเรียนกระดาษนั่นมีพลังสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถไปกลับมาจากสวรรค์ได้แล้วหรอก? ต้องเป็นพวกเขาเฝ้าอยู่ที่ประตูวังนานแล้วแน่ ในเมื่อเตรียมการกันมา เช่นนั้นเขาก็ไม่อาจมองเป็นเรื่องปกติได้ รีบกำหมัดพูด “ที่แท้เป็นใต้เท้าหลิว”
คนเราย่อมไม่ตีคนรู้ผิด หลิวจวิ้นคลายสีหน้าลง “เช้านี้ข้าได้ยินว่าท่านเชิญผู้บัญชาการกัวมู่จิ่วแห่งกลุ่มถิงเว่ยมาที่วังมังกร ไม่ทราบว่ามีเรื่องนี้หรือไม่?”
หลิวจวิ้นเหลือทางลงไว้ให้แล้ว
แต่อ๋าวเชินก็ไม่อ้อมค้อม หากเขาลงไปตามทางนี้ เขาจะยกเรื่องที่มู่จิ่วสังหารเฉินผิงขึ้นมาอย่างไร? พวกเขาต้องตั้งใจทำเป็นไม่รู้เรื่องแน่ เขาจะยอมให้เป็นแบบนั้นไม่ได้!
ในเมื่อมาแล้ว ก็ฟ้องร้องคดีเสียเลย!
เขาพูด “ข้ารั้งกัวมู่จิ่วไว้ที่นี่จริง เพราะมีเรื่องที่ต้องถามหาความยุติธรรมกับนาง ไม่คิดว่าจะทำให้ใต้เท้าตกใจเร็วขนาดนี้ ข้าไม่ได้ออกไปต้อนรับ ขอโปรดอภัย”
หลิวจวิ้นนั่งลงบนเก้าอี้ที่ทหารกุ้งย้ายมาให้ ก่อนพูด “กัวมู่จิ่วของพวกเราแต่ไหนแต่ไรมาเข้มงวดตามกฎ ไม่มีเรื่องละทิ้งหน้าที่ ทัพทหารสวรรค์มีบันทึกคดี ไม่ทราบว่าล่วงเกินราชามังกรเรื่องใดไว้?”
ก่อนหน้านี้ลู่ยาพูดถึงเรื่องมู่จิ่วกับหลินเจี้ยนหรูสังหารเฉินผิงที่เกาะเป่ยอี๋ไปส่วนใหญ่แล้ว แน่นอนว่าหากต้องการช่วยนาง ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องให้ยุ่งยากแบบนี้ แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิตคน บุญกุศลของมู่จิ่วยังขาดอีกมาก หากเขาโกรธจนทำลายวังมังกร เรื่องนี้คงจบไม่ดีเท่าไหร่นัก
ดังนั้นเขาคิดออกแต่เชิญหลิวจวิ้นมาจัดการ ไม่แน่ว่าโทษนี้ให้สวรรค์พูดก็อาจจบแล้ว?
หากหลิวจวิ้นสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ แบบนั้นมู่จิ่วก็ไม่มีอุปสรรคใหญ่
เป็นธรรมดาที่หลิวจวิ้นจะด่ามู่จิ่วในใจอย่างหนัก แต่เรื่องปกป้องพรรคพวกใครเล่าจะไม่ทำ? เจ้าอ๋าวเชินให้กำเนิดลูกนอกสมรส มังกรก็ไม่ใช่หงส์ก็ไม่เชิง ทั้งยังแบกเขาไปซ่อนถึงเกาะเป่ยอี๋ ใครจะรู้ว่านั่นเป็นเชื้อสายของราชามังกรอย่างเจ้า? ฝ่ายนั้นปกป้องลูกชายได้ เขาจะปกป้องคนใต้บังคับบัญชาไม่ได้หรือ!
อ๋าวเชินได้ยินคำพูดก็โกรธ “นางกัวมู่จิ่วสังหารลูกชายข้า นางยอมรับเองกับปาก!”
“จริงหรือ?” หลิวจวิ้นนิ่งยิ้มเยาะ “ข้ายังไม่เห็นนาง จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นนางที่ยอมรับเองหรือราชามังกรกดดันให้พูด บางทีท่านอาจสร้างเรื่องเองก็ได้? มิสู้ท่านนำนางออกมาให้ข้าถามด้วยตนเอง”
อ๋าวเชินเห็นท่าทางของพวกเขาก็พูดไม่ออก
แต่เดิมเขาเตรียมจัดการลงมือไว้นานแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่ากัวมู่จิ่วจะเป็นเจ้าหน้าที่สวรรค์ และพวกเขายังตามมาถึงที่นี่ได้รวดเร็วขนาดนี้ ราชามังกรลอบกัดฟัน รู้ว่าวันนี้คิดจะส่งพวกเขาออกไปนั้นเป็นไปไม่ได้ จึงโบกมือพูด “นำกัวมู่จิ่วมา!”
มู่จิ่วถูกขังอยู่ในคุกวารีของวังมังกรหนึ่งคืน ทั้งร่างราวกับผีตกน้ำ อารมณ์ใดๆ ล้วนไม่มีแล้ว
ช่วงนี้ไม่รู้ว่านางมีเคราะห์เรื่องคุกหรือไม่ อยู่ชิงชิวถูกจิ้งจอกเงินจับขัง ห่างไปไม่นานก็ถูกราชามังกรจับขังอีก ที่สำคัญคือทะเลสาบน้ำแข็งนี่เย็นนัก ไม่มีลูกโลหิตมังกรไฟอยู่ข้างกาย ก็เหมือนกับนางตกลงไปในหลุมน้ำแข็งอีกครั้ง อยู่ถึงพรุ่งนี้เช้าไม่รู้ว่าจะโดนแช่แข็งจนกลายเป็นแท่งน้ำแข็งหรือไม่
และราชามังกรยังทำอย่างเด็ดขาด ครอบน้ำแข็งไว้รอบตัวนาง ทำให้ไม่เพียงพลังหยั่งรู้ของนางไม่อาจออกไป แม้แต่ในรัศมีร้อยลี้ยังรู้สึกถึงตัวตนของเขาไม่ได้ คนคนนี้เพื่อลูกนอกสมรสคนเดียว กลับไม่ลังเลที่จะเสี่ยงกับการถูกถอดถอนตำแหน่งกษัตริย์ จะลากนางไปบูชายัญเฉินผิง นี่ก็กำเริบสิบสานมากพอแล้ว
นางเพิ่งรวมสมาธิเรียกพลังมาปกป้องจุดตันเถียน นอกคุกวารีมีความเคลื่อนไหว ประตูคุกเปิดออก หลายคนเดินตามกันเข้ามา
“อาจิ่ว!”
คนที่นำหน้ารีบเข้ามาตรงหน้านาง
…เป็นลู่ยา!
ดียิ่งนัก! เขาช่างเป็นดาวนำโชคของนางจริงๆ ทุกครั้งที่เจอเรื่องลำบากเขาก็มาได้รวดเร็วขนาดนั้น
“ลู่ยา เข้ามาใกล้ข้าหน่อย ข้าหนาวจะแย่แล้ว!” ถูกแช่อยู่นานทำให้ลมหายใจนางอ่อนแรง คำพูดแฝงความหมายออดอ้อนเอาใจอยู่เล็กน้อย อย่างไรลู่ยาก็เตือนนางไว้นานแล้วว่าราชามังกรกับหงส์เพลิงไม่น่าผิดใจด้วย แต่นางยังลากเขามาลำบากช่วยนางอีก ที่จริงใจรู้สึกไม่ดี ใบหน้าก็รู้สึกอับอายอยู่บ้าง
ลู่ยารีบคลายเชือกให้นาง ประคองนางไว้ในอก จากนั้นเดินออกไปพร้อมรีบให้พลังลมปราณนาง
ท้ายที่สุดเพราะพื้นฐานดี ออกจากคุกวารีนางก็ฟื้นคืนพลังขึ้นมาทันที เห็นข้างนางยังมีทหารกุ้งนายพลปูถือหอกยาวชี้มาหา นางถึงได้รู้ตัวว่าตนเองยังไม่มีอิสระ!
“เจ้าพาพวกเขามาได้อย่างไร?” นางถาม
“ออกไปก่อนค่อยพูด” ลู่ยาจูงนางขึ้นบันไดไปด้วย
ไม่นานก็มาถึงในตำหนัก มู่จิ่วเห็นพวกทหารนายพลสวรรค์แล้วอึ้งไป ครั้นเห็นหลิวจวิ้นที่จ้องมาด้วยสายตาไม่พอใจ นางก็รู้ตัวทันที จบกัน! ถึงแม้นางไม่ตายด้วยเงื้อมมือราชามังกร ทว่าก็หลีกไม่พ้นถูกหลิวจวิ้นถลกหนัง…แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร พวกเขามาแล้วย่อมเป็นญาติของนาง!
“กัวมู่จิ่ว ข้าถามเจ้า เจ้าเป็นคนสังหารเฉินผิงใช่หรือไม่!” อ๋าวเชินรอจนนางเข้ามาในตำหนัก จึงชี้ถาม “ลูกชายข้ามีความแค้นกับเจ้าหรือ!”
มู่จิ่วไม่คิดจะโกหก ไม่ว่าราชามังกรปฏิบัติต่อนางอย่างไร นางต้องเห็นแก่ความเป็นพ่อที่รักลูก ยกโทษให้เขาสักสามส่วน
นางเอ่ย “เฉินผิงเป็นข้าสังหารเอง ข้าไม่มีความแค้นต่อเขา แต่ก่อนข้าลงมือไม่มีคนบอกว่าเขาคือเผ่าพันธุ์มังกร ไม่ใช่ปีศาจ ดังนั้นถึงแม้ข้าจะสังหารเขา แต่ก็สังหารด้วยความเข้าใจผิด”
“สังหารด้วยความเข้าใจผิด!” อ๋าวเชินยิ้มเยาะ “เจ้าจะยืนยันอย่างไรว่าเจ้าสังหารเพราะเข้าใจผิด? ใครจะยืนยันให้เจ้าได้ว่าก่อนเจ้าลงมือสังหารเจ้าไม่รู้ว่าเขาคือเผ่าพันธุ์มังกร!”
นี่กลับทำไม่ได้…
ถึงแม้หลินเจี้ยนหรูจะยืนยันได้ แต่ในเมื่อเป็นสหายร่วมงานของนาง คำยืนยันของเขาก็ไม่มีประโยชน์
ลู่ยาเดินออกมาขวางอยู่หน้ามู่จิ่ว “ในเมื่อราชามังกรพูดบ่อยครั้งว่าต้องการหลักฐาน เช่นนั้นข้าขอถาม ท่านยืนยันได้อย่างไรว่าเฉินผิงเป็นลูกของท่าน? ยืนยันได้อย่างไรว่าเขาเป็นเผ่าพันธุ์มังกร? บนทะเบียนเผ่าพันธุ์มังกรมีชื่อเขาหรือไม่? เขาได้รับการยอมรับจากตระกูลอ๋าวของท่านหรือเปล่า?”
อ๋าวเชินไร้คำพูด
เฉินผิงแม้แต่แซ่อ๋าวยังไม่ได้ใช้ ไหนเลยจะขึ้นทะเบียนเผ่าพันธุ์ได้? หลังจากเขากับอวิ๋นเฉี่ยนดีกัน ราชินีก็ขัดแย้งกับอวิ๋นเฉี่ยนตลอดเพราะเหตุนี้ ไม่ต้องพูดถึงว่าเลือดของเฉินผิงไม่บริสุทธิ์เลย ถึงแม้บริสุทธิ์ ราชินีจะยินยอมให้ลูกนอกสมรสเข้าทะเบียนเผ่าพันธุ์ได้อย่างไร? แม้แต่พ่อของเขาอ๋าวก่วงก็ไม่เห็นด้วย!
ลู่ยาจับจุดอ่อนเขาได้ในครั้งเดียวจริงๆ
………………………………………………