หลายคนค่อยๆ คุกเข่าลงไป
สายตาของหวังหมู่ที่เหมือนกระแสไฟมองไปทางมู่จิ่ว จากนั้นเคลื่อนไปมองอ๋าวเชิน “อ๋าวเชิน ถึงแม้กัวมู่จิ่วสังหารลูกชายของเจ้าจริง แต่ก็มีบทลงโทษของสวรรค์ ไม่ต้องให้ถึงมือเจ้าลงโทษเอง เรื่องนี้ข้าจัดการแล้ว ตอนนี้ลงโทษมู่จิ่วให้ย้ายไปเป็นคนคุมคุกสวรรค์ ส่วนเรื่องลูกชายของเจ้าภายหลังไม่ต้องเอ่ยขึ้นมาอีก”
“เหนียงเหนียง!”
มู่จิ่วอึ้ง พลันรู้สึกอยากเป็นลม!
นางรู้ว่าหวังหมู่ละเว้นนางแล้ว เป็นผู้คุมก็ยังเป็นทหารสวรรค์ ไม่ว่าอย่างไรชีวิตของนางก็รักษาไว้ได้แล้ว และยังรักษาหน้าที่การงานไว้ได้ด้วย! แต่ให้ไปคุกสวรรค์เป็นผู้คุม สำหรับนางแล้วมิใช่เท่ากับติดคุกหรือ? อยู่ที่คุกสวรรค์ที่น่ารังเกียจนั่นนางจะสั่งสมบุญได้อย่างไร? ต้องอยู่หน่วยงานที่มีตำแหน่งหน้าที่อย่างหน่วยลาดตระเวนสิถึงจะได้แสดงความสามารถ!
อ๋าวเชินร้อนรนจนเหงื่อออกจากหน้าผาก “เหนียงเหนียง! ข้าไม่ยอมรับ!”
“ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมรับ?” หวังหมู่ยืดตัวขึ้นเล็กน้อยพลางมองเขา “หากเจ้าไม่ยอมรับ เรียกพ่อเจ้ามา ข้าจะถามเขาว่าเรื่องนี้ควรทำอย่างไร? จะปรึกษาเขาให้เสียหน่อย?”
อ๋าวเชินไร้คำพูดไปทันที ตั้งแต่แรกเฉินผิงไม่ได้เข้าทะเบียนเผ่าพันธุ์ อ๋าวก่วงมาจะมีคำพูดดีๆ หรือ! เขาครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนกำหมัดทันที “ไม่ชดใช้ด้วยชีวิตก็ได้ แต่นางต้องมีการชดใช้บ้าง! ข้ายินดีให้เหนียงเหนียงตัดสินส่งนางมาเป็นข้ารับใช้ที่วังมังกรห้าร้อยปี!”
เพียงให้ตัดสินส่งนางมาวังมังกรได้ ถึงแม้จะลงมือสังหารไม่ได้ แต่ห้าร้อยปีก็เพียงพอจะทรมานนาง!
หลิวจวิ้นมีหรือจะมองความตั้งใจของเขาไม่ออก? แน่นอนว่าไม่ยินยอมให้มู่จิ่วออกจากหน่วยลาดตระเวน ดังนั้นจึงรีบพูด “กัวมู่จิ่วเป็นเจ้าหน้าที่สวรรค์ ราชามังกรกลับพูดว่าจะให้นางไปเป็นข้ารับใช้ที่วังมังกร หรือต้องการจะบอกว่าฐานะของทะเลสาบน้ำแข็งของท่านเทียบกับสวรรค์แล้วยังสูงกว่า เจ้าหน้าที่สวรรค์สามารถไปเป็นข้ารับใช้ได้ง่ายๆ”
อ๋าวเชินชี้เขาแล้วพูด “เจ้าตั้งใจอธิบายผิดๆ!”
หลิวจวิ้นแค่นเสียงเยาะเย้ยสองครา เงยหน้ามองเพดาน
หวังหมู่สายตาเย็นชามองพวกเขา ชี้หลิวจวิ้น “อ๋าวเชินยินยอมลงให้บ้างแล้ว เจ้าเป็นผู้บังคับบัญชาของกัวมู่จิ่ว เจ้าพูดสิว่าเจ้ามีความเห็นอะไร?”
หลิวจวิ้นก้มหน้าลง ครุ่นคิดก่อนพูด “ตอบเหนียงเหนียง ไปวังมังกรมิใช่ว่าไม่ได้ ยกเว้นแต่ราชามังกรจะเปลี่ยนจากห้าร้อยปีเป็นห้าเดือน เปลี่ยนจากข้ารับใช้เป็นขอความเมตตาเหนียงเหนียง ให้กัวมู่จิ่วไปทำหน้าที่ทหารอารักขาวังมังกรที่ทะเลสาบน้ำแข็งแทนเฉินผิง ดังนี้แล้วกัวมู่จิ่วยังคงเป็นเจ้าหน้าที่สวรรค์ในหน่วยลาดตระเวนของข้า ราชามังกรยังสำเร็จเป้าหมายที่จะสงบความโกรธของเขาลงด้วย ความเห็นนี้ข้ายังยอมรับได้”
พูดจบเขาไม่รออ๋าวเชินตอบ ประสานมือพูดกับด้านบนทันที “ฝ่าบาท เหนียงเหนียง กัวมู่จิ่วเป็นเจ้าหน้าที่ที่สวรรค์คัดเลือกมา ควรได้รับโทษจากสวรรค์ แต่อ๋าวเชินรักเอ็นดูลูกชายก็เป็นเรื่องมีที่มาที่ไป ข้ายินยอมรับปากแทนกัวมู่จิ่วว่านางจะไปทะเลสาบน้ำแข็ง เฝ้าอารักขาวังห้าเดือนเพื่อรับการลงโทษ ขอฝ่าบาทกับเหนียงเหนียงเมตตาอนุญาตด้วย!”
“ไม่ได้! ห้าเดือนจะพอได้อย่างไร? อย่างน้อยก็ห้าสิบปี!” อ๋าวเชินดิ้นรนไปตามเหตุผล
หวังหมู่มองเขม็งไป “เจ้าไม่ต้องได้คืบเอาศอกได้หรือไม่? ทหารสวรรค์ของข้าไปรับใช้เจ้าห้าสิบปี ตำแหน่งกษัตริย์นี้มิสู้ให้เจ้ามานั่งแทนเสีย?”
อ๋าวเชินเงียบไปทันใด
หลิวจวิ้นอาศัยโอกาสพูด “ลูกนอกสมรสที่เผ่าพันธุ์มังกรไม่ยอมรับว่าเป็นสายเลือดถูกสังหาร หากตัดสินห้าสิบปี มิเท่ากับสวรรค์ยอมรับฐานะของเขาหรือ? ห้าสิบปีไม่ได้ ฝ่าบาทเหนียงเหนียงย่อมไม่อาจรับปาก! นานที่สุดคือห้าเดือน”
“ฝ่าบาท…”
“พอแล้ว!” ตอนนี้อวี้ตี้ลากเสียงยาวออกมา สีหน้าไม่น่าดูนัก “สิ่งที่หลิวจวิ้นพูดมามีเหตุผล ถ้าไม่มีกฎเกณฑ์จะทำสิ่งใดเรียบร้อยได้อย่างไร? ทำตามที่เหนียงเหนียงบอก หากเจ้ารับปาก ตั้งแต่พรุ่งนี้กัวมู่จิ่วไปวังมังกรเป็นผู้อารักขา หากเจ้าไม่เห็นด้วยก็จบกัน! ไม่เห็นคนหน่วยลาดตระเวนจะขาดนางตรงไหน!”
พูดมาถึงตรงนี้ อ๋าวเชินยังจะพูดอะไรได้อีก?
ครั้นหันหน้าไปมองมู่จิ่ว เขาก็พูด “เช่นนั้นใต้เท้าหลิวต้องรับปากข้า กัวมู่จิ่วไปคราวนี้หากมีการผิดกฎ ข้ามีอำนาจลงโทษอย่างหนัก! หากสั่งสอนหลายครั้งแล้วยังไม่เปลี่ยน ข้าก็มีอำนาจยืดกำหนดเวลาไป! หากไม่แล้วละก็ นางก่อเรื่องที่วังมังกรจะมิแย่เอาหรือ?!”
หลิวจวิ้นต้องการโต้แย้ง อวี้ตี้กลับจ้องมา “เจ้าเห็นดีด้วยก็รับไปเถอะ!”
แค่ห้าเดือน พริบตาเดียวก็ผ่านไป คนของหน่วยลาดตระเวนของเขากลายเป็นของมีค่าที่แตะต้องไม่ได้แล้ว!
หลิวจวิ้นทำได้เพียงยอมรับ ฟากอ๋าวเชินก็ขอบคุณ
มู่จิ่วคุกเข่าอยู่นาน ในที่สุดก็นับว่าได้บทสรุปที่ทำให้ยอมรับกันได้ จึงรีบถอนหายใจลุกขึ้นมา
ถึงแม้ต้องไปเป็นผู้อารักขาที่ทะเลสาบจะชัดเจนว่าแย่อย่างมาก แต่ไม่ว่าจะถกเถียงอย่างไร เรื่องที่เฉินผิงเป็นลูกของอ๋าวเชินก็เป็นเรื่องจริง นางสังหารเขาเป็นเรื่องจริง แค่เปลี่ยนที่ปฏิบัติงานชั่วคราวเท่านั้น ไปก็ไป!
หลายคนออกไปยังนอกตำหนัก อ๋าวเชินสบสายตากับหลิวจวิ้นอย่างล้ำลึกก่อนจากไป
หลิวจวิ้นรอจนเขาไปไกล อดไม่ได้จ้องมู่จิ่วก่อนตะโกนขึ้นมา “เจ้าก่อเรื่องดีนัก!”
……
ฟากเรือนของมู่จิ่ว มู่เสี่ยวซิงเดินวนไปมาในบ้าน ซ่างกวนสุ่นเลือกผักไปพลาง ปลอบไปพลาง แต่เสี่ยวซิงจะวางใจได้อย่างไร สองตามองค้อนเขา กอดอาฝูพลางมองไปนอกประตูอย่างกังวลต่อไป
ถึงแม้ลู่ยาไม่กลัวอ๋าวเชินสังหารมู่จิ่ว แต่เพราะเรื่องนี้ต้องมีบทสรุป จึงไม่อาจวางใจลงเช่นกัน
มู่จิ่วถูกหลิวจวิ้นจับกลับมาหน่วยลาดตระเวน หลังจากด่าทอจบ ตอนกลับไปบ้านซ่างกวนสุ่นทำกับข้าวเสร็จแล้ว เมื่อเห็นนางกลับมาครบสมบูรณ์ ทุกคนอดไม่ได้โหวกเหวกเข้าไปล้อม
“ห้าเดือน นานขนาดนั้นเลย!”
เสี่ยวซิงรู้ว่านางไม่มีความผิดก็เบาใจ แต่ได้ยินว่านางต้องไปวังมังกรปฏิบัติงานก็ตกใจจนเบิกตากว้าง แบบนี้นางกับอาฝูต้องตามไปด้วยหรือไม่? และหลังจากนางกังวลแบบนี้ ซ่างกวนสุ่นก็เครียดตามไปด้วย หากเสี่ยวซิงกับอาฝูต้องตามไป เช่นนั้นเขาควรจะไปด้วยดีหรือไม่?
“ไม่นานเท่าไหร่ พริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้ว” มู่จิ่วทำตัวร่าเริงปลอบใจ นางก็ไม่คิดจะแยกจากพวกเขา แต่ครั้งนี้กลับหลีกเลี่ยงไม่ได้ อ๋าวเชินต้องไม่ยอมให้นางพาคนมากมายขนาดนี้ไปด้วยแน่ “พวกเจ้าอยู่บ้านรอข้าก็พอ ใต้เท้าหลิวดูแลพวกเจ้าได้ เรื่องในบ้านซ่างกวนสุ่นเพียงดูแลอาฝูให้มากหน่อย”
พูดจบก็มองลู่ยา จริงๆ แล้วนางคิดอยากขอร้องเขาให้ดูแลพวกเสี่ยวซิง แต่เขาเป็นเทพเซียน บนสวรรค์ชั้นสามสิบเก้ามีบ้านที่แท้จริงของเขา ใครจะรู้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่อีกห้าเดือนหรือเปล่า? และร้องขอให้เทพเซียนที่สูงศักดิ์ขนาดนี้มาดูแลกระต่ายหนึ่งตัวเสือขาวหนึ่งตัว ก็ดูเหมือนไร้ยางอายไปหน่อย
ลู่ยาจ้องนางอยู่ครู่หนึ่ง พูดช้าๆ ว่า “ข้าไม่สามารถรั้งอยู่ต่อได้”
ไม่ผิดดังคาด มู่จิ่วใจหนักอึ้ง นางคาดเดาผลลัพธ์ได้ถูกต้อง กลับรู้สึกไม่ดีนัก
แต่ยังไม่ทันรอให้นางคิดมากไปกว่านั้น ลู่ยาก็พูดต่อ “ข้าจะไปทะเลสาบน้ำแข็งกับเจ้า ส่วนเรื่องในบ้าน ข้าจัดการให้ได้”
“เจ้าจะไปทะเลสาบน้ำแข็งกับข้า?”
มู่จิ่วกลั้นหายใจพลางเปิดปากออกมา ไม่รู้ว่าเพราะตื่นเต้นหรือเพราะอะไร ใบหน้าพลันแดงขึ้น!
ลู่ยาเท้าคาง มองสีหน้านางอย่างพอใจ สายตายิ่งเพิ่มความล้ำลึก “แน่นอนว่าข้าต้องไปด้วย เจ้าคิดหรือว่าแบบนี้จะหลีกหนีการฝึกทุกวันครึ่งชั่วยามได้? คิดได้ประเสริฐนัก”
………………………………………………………………