อ๋าวเจียงไม่ได้พูด ในเสียงร้องเยาะเย้ยเจือความได้ใจไว้ จากนั้นสองตาจ้องไปยังฝั่งตรงข้ามแน่นิ่ง
มู่จิ่วจามอีก ใจเหมือนร่วงตรงดิ่งไปยังสถานที่หลังความตาย
เจ้านี่ตามมาเพื่อล้างแค้น นางกลับโดนเขาหลอก!
นางหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดจมูก หมุนตัวเลิกม่านเตรียมจากไป
อ๋าวเจียงเข้ามาขวางนางไว้ “เจ้าจะไปไหน!”
“แน่นอนว่าต้องกลับไป!” มู่จิ่วแหงนหน้าพูด นางจะไม่เข้าร่วมเรื่องเวรนี่ของเขา แต่เดิมเข้าใจว่าเขาออกมาเที่ยวนารี นางก็กล้ำกลืนอยู่เป็นเพื่อน แต่เขากลับเอาเรื่องเที่ยวนารีมาบังหน้าเพื่อจับลำดับที่สี่ของตระกูลอวิ๋น นางจะหาเรื่องใส่ตัวแบบนี้ได้อย่างไร?
“หากเจ้ากล้ากลับไป ข้าจะแทงตัวเองหนึ่งกระบี่ทันทีแล้วบอกว่าเจ้าเป็นคนทำ!” อ๋าวเจียงรีบร้อนจนชักกระบี่ออกมาแล้ว
มู่จิ่วอยากกระอักเลือด
แต่ถึงเขาข่มขู่อีกก็ต้องไป
อย่างไรก็ตาม ครั้นเดินถึงประตูนางกลับออกไปไม่ได้! เจ้าคนชั่วนี่กลับสร้างแรงกดดันขังนางไว้ พลังบำเพ็ญนางสู้เขาไม่ได้ จะออกไปได้อย่างไร?
“คุณชายทั้งสอง เหล้าอาหารมาแล้ว!”
ฟากนี้กำลังพูด แม่เล้าพลันเปิดประตูเข้ามา คิ้วคลายตายิ้มส่งอาหารมาให้ เห็นสองคนชักกระบี่คุมเชิงอยู่ที่ประตู ก็อดอึ้งไม่ได้ “ท่านทั้งสอง นี่คือ?” มู่จิ่วเกรงว่าจะเกิดปัญหาใหม่ขึ้น รีบคลายสีหน้าก่อนพูด “ไม่มีเรื่องอะไร” ด้านหนึ่งถลึงตาใส่อ๋าวเจียง อ๋าวเจียงเข้าใจจึงเก็บพลัง ให้นางเดินกลับเข้าห้องไป
เข้ามาข้างในแบบนี้ ตอนนี้ก็ไปไหนไม่ได้แล้ว
แม่เล้าเรียกหญิงนางโลมถือพิณเข้ามา สองคนเหมือนเป็นพระโพธิสัตว์ในอาราม นั่งอึดอัดไม่ออกเสียงอยู่ชั่วยาม พิณยังเล่นต่อเนื่อง เสียงเครื่องสายเครื่องเป่าทางฝั่งตรงข้ามกลับหยุดลงในที่สุด คนในห้องจัดเลี้ยงทยอยกันลุกขึ้นมา พวกเขาสร่างเมาแล้ว อ๋าวเจียงพลันลุกขึ้นพูด “ตามข้ามา!” พูดจบก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย ออกจากหน้าต่างไปดังผลุบ
ถึงแม้มู่จิ่วไม่เคยก่อเรื่องผิดทำนองคลองธรรมมาก่อน แต่เรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว ก็กลัวว่าเขาจะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น จึงทำได้เพียงกระโดดตามออกไป
ออกจากหอโคมเขียวตรงไปทางทิศตะวันตกจนถึงเนินเขาเตี้ยแห่งหนึ่ง มู่จิ่วตามเขาไป ยังไม่ทันพูด อ๋าวเจียงก็หยุดลงแล้วเอ่ย “ที่นี่เป็นจุดที่ลำดับที่สี่ตระกูลอวิ๋นต้องผ่าน เจ้าวางใจได้ พลังบำเพ็ญเขาไม่สูงเท่าข้า พวกเราสองคนลงมือพร้อมกันก็พอแล้ว เพียงแค่ต้องระวังขวานอาทิตย์เพลิงของเขาเท่านั้น รอสักครู่พออวิ๋นซีผ่านมาทางนี้ เจ้าส่งกระบวนท่าออกไปต่อกรกับเขา จากนั้นข้าจะอาศัยตอนเขาไม่รู้ตัวไปจับเขา!”
มู่จิ่วอดไม่ได้ค้อนเขาทีหนึ่ง พลังบำเพ็ญสูงไม่เท่ายังโดนเขาทำร้ายบาดเจ็บกลับมาเลย? กลับยังกล้าพูด และรู้ชัดเจนว่านางธาตุทอง ยังส่งนางไปต่อกรกับธาตุไฟ? หากเจ้าคนนี้ไม่ได้จงใจ ก็ตัดเอาศีรษะนางไปเลย!
อ๋าวเจียงมองความรู้สึกนางออก ใบหน้าแดง แต่ยังพูดหน้าตาย “คราวก่อนข้าก็ทำเขาบาดเจ็บเช่นกัน”
มู่จิ่วทำได้เพียงไม่มองเขาต่อ แต่นางก็ไม่อาจช่วยคนร้ายทำชั่วได้
ที่นี่กว้างใหญ่ขนาดนี้ หันหัววิ่งหนีไปคงไม่ง่ายนัก
นางเงียบไม่ส่งเสียง หยิบชุดซ่อนเซียนมาไว้ในมือ อาศัยตอนเขาไม่ระวังพลิกมือใส่เข้าไปบนร่าง
อ๋าวเจียงยังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ ก็ไม่เห็นเงานางแล้ว!
“นี่! เจ้าออกมานะ!”
เขาร้อนรนหันไปรอบๆ หาร่องรอยนาง แต่รอบด้านนอกจากลมแล้ว ไหนเลยจะยังมีร่องรอยของนางแม้สักเล็กน้อย?
ที่จริงมู่จิ่วยังเดินไปได้ไม่ไกล นางเลือกหมอบอยู่บนเนินด้านหลังที่ห่างจากเขาไปครึ่งลี้ ฟังเสียงยุงบินหึ่งๆ อยู่ข้างหู ไม่รู้ว่าตีตายไปแล้วกี่สิบตัว ห่างออกไปถึงพลันมีการเคลื่อนไหว
อันดับแรกคือคลื่นลมขุมหนึ่งพัดต้นไม้ที่อยู่นอกถนนห่างออกไปสามลี้ ต่อมาบนฟ้ามืดพลันมีเมฆแดงที่ได้รับแสงอาทิตย์ยามเย็นลอยมา เมฆนี้ไม่เหมือนเมฆที่ลอยอยู่บนฟ้า อย่างน้อยความเร็วก็มากเป็นพิเศษ และยังมีเสียงหงส์ร้องมาด้วยรางๆ!
อ๋าวเจียงก็รู้สึกได้ ใบหน้าเคร่ง แล้วพลันส่งกำปั้นไปยังกลุ่มเมฆนั้น
เมฆพลันหยุดลง ค่อยๆ กลายเป็นหงส์เพลิงงดงามห้าสี ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นชายผมยาวเสื้อดำทีละน้อย เป็นอวิ๋นซีที่ก่อนหน้านี้อยู่ที่หอโคมเขียวชูแก้วยกยิ้มให้กับผู้คน!
อวิ๋นซีพลันถอยไปหลายก้าว รอจนเห็นรูปร่างชัดเจน ก็มุ่งเข้าไปหาอ๋าวเจียง
ดูจากกลวิธีที่ต่อสู้กันแล้ว อ๋าวเจียงถึงแม้มีพลังบำเพ็ญหมื่นปี กลับชัดเจนว่าขาดประสบการณ์ เขามักใช้การปะทะซึ่งหน้า แต่อวิ๋นซีไม่เหมือนกัน เขาหลบการโจมตีจุดอ่อน จู่โจมด้านข้าง เลือกลงมือตอนอ๋าวเจียงไม่ทันป้องกัน เป็นแบบนี้ต่อไป ไม่นานอ๋าวเจียงก็ไม่เป็นกระบวนท่าแล้ว แขนขากับเข่าถูกเขาโจมตี
มู่จิ่วขมวดคิ้ว หากท่าทางเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าอ๋าวเจียงอาจตายในเงื้อมมือเขาได้
เจ้านี่ ถึงแม้จะตายก็ไม่มีอะไรไปร้องขอความเป็นธรรมได้
แต่นางจะมองเขาตายไปต่อหน้าต่อตาได้จริงหรือ?
มู่จิ่วลังเลนิดหน่อย
หากลงมือ เรื่องคืนนี้นางก็แปดเปื้อนแล้ว หลังจากอวิ๋นซีหนีกลับไปแล้วต้องโทษนางแน่ ถึงแม้นางปลอมแปลงตัว พวกเขาที่เป็นตระกูลหงส์จะสืบหาที่มาของนางไม่ได้หรือ? หากไม่ลงมือละก็ ซ่อนอยู่ที่นี่มองดูคนเขาไปตายก็ไม่ค่อยมีคุณธรรม
“อา!”
ขณะกำลังครุ่นคิดอยู่ อ๋าวเจียงกลับถูกไฟลุกโชนล้อมรอบ ดูแล้วถึงแม้เขามีปีกก็ยากจะบินหนี แต่เขาเป็นองค์ชายมังกร มีความสามารถทางน้ำ ทันใดนั้น น้ำพุใต้ดินถูกเขาเรียกออกมากลางอากาศ พุ่งเข้าไปยังวงล้อมไฟนั้น อวิ๋นซีกลับอาศัยตอนเขาเรียกน้ำแฉลบกระบี่เข้ามา ความเยียบเย็นที่พาดผ่านสายตาทำให้รู้สึกว่าเขาต่างหากที่เหมือนเป็นเทพวารี!
มู่จิ่วใจเต้น ร่างพุ่งทะยานเข้าไป “หลีกไป!”
มีชุดซ่อนเซียนคลุมอยู่ ไม่มีใครเห็นนาง นางจับหลังคอของอ๋าวเจียงดึงเขาลงมาที่พื้น รักษาชีวิตไว้ได้แล้ว แต่ยังช้าไปหน่อย กระบี่ของอวิ๋นซีฟันโดนสีข้างซ้ายของเขา มู่จิ่วโดนเลือดไปเต็มมือ!
“เป็นเจ้า?”
“เจ้าเป็นใคร?!”
อ๋าวเจียงกับอวิ๋นซีพูดพลางเบิกตากว้างมองนาง นางถึงได้รู้ว่าที่แท้ชุดซ่อนเซียนไม่สามารถโดนเลือดได้ หากโดนเลือดแล้วก็จะปรากฏกายออกมา!
จบกัน!
แต่เดิมคิดเป็นวีรบุรุษไร้นามแล้วจะจากไปทันที!
นางลุกขึ้นมา ขี่เมฆสักก้อนหนีไป ข้างหลังกลับมีลมแรงโจมตีเข้ามา โอบล้อมปิดนางไว้มิดชิด!
หนีไปไม่ได้แล้ว!
ตอนนี้ทำได้เพียงฝืนขี่ลมออกนอกเขตพลัง
นางมีความสามารถติดตัวอยู่แล้ว ยิ่งบวกกับการที่ลู่ยาชี้แนะในครึ่งปีนี้ และกินยาเซียนของเขาไปสิบเม็ด พลังการต่อสู้จึงเพิ่มขึ้นมาก ต่อกรกับอวิ๋นซีได้ไม่เป็นปัญหา
อย่างไรก็ตาม นางทุ่มเทกำลังทั้งหมดปะทะกับเขา อีกด้านอ๋าวเจียงโจมตีลงมาจากด้านบนอย่างเงียบๆ ถึงแม้มู่จิ่วเห็นทันที แต่กลับไม่มีเวลาครุ่นคิด และอวิ๋นซีไม่รู้ตัวเลยว่าข้างบนมีอ๋าวเจียงอยู่ สองฟากโจมตีเข้ามา ทันใดนั้นก็เสียกระบวนท่า เท้าลงช้าไปสองก้าว ดาบหนึ่งของอ๋าวเจียงแทงลงไปตรงหน้าอกเขา!
เหตุการณ์เมื่อครู่พลันพลิกผัน กระบี่ยาวของอ๋าวเจียงตอนนี้อยู่ตรงบริเวณหน้าอกเขาพอดี จิตสังหารในสายตาเขาก็ชัดเจนจนทำให้ใจสะท้าน!
“ห้ามฆ่า!”
มู่จิ่วพลิกมือผลักกระบี่อ๋าวเจียง แต่ความคิดทั้งหมดของเขากลับรวมอยู่ที่การปลิดชีวิตของอวิ๋นซี จะให้นางผลักออกอย่างง่ายดายหรือ? นางถูกกดดันให้ถอยไปสี่ห้าก้าว อ๋าวเจียงกลับอาศัยตอนนี้ หยิบเอาเชือกรัดเซียนออกมามัดอวิ๋นซีไว้ หลังจากจับไว้ได้แล้วก็ขี่เมฆกลับวังมังกรไป!
……………………………………………