มู่จิ่วไม่กลัวอะไร หากพวกเขากล้ารังแกนาง นางได้เตรียมก่อเรื่องอย่างใหญ่โตไว้แล้ว แต่อ๋าวเจียงกลับดูลังเล นางส่งสายตาให้เขา ก่อนเชิดหน้าก้าวเท้าเดินเข้าไปข้างในด้วยกัน
ในตำหนักกว้างขวางมาก ไม่หรูหรา แต่ต้นไม้สองฝั่งกับธารน้ำที่ไหลเข้ามาข้างในอย่างช้าๆ แสดงให้เห็นถึงความงดงามเงียบสงบหลายส่วน ไม่เหมือนกับวังราชาตามแบบทั่วไปที่มีกลิ่นอายของความไม่เป็นระเบียบ
อ๋าวเชินถูกนำมาถึงที่นั่ง ทักทายกับคนที่อยู่บนบัลลังก์ ไม่จำเป็นต้องพูดก็ทราบว่าคนนี้ต้องเป็นอวิ๋นชือฉางราชาของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
อวิ๋นชือฉางใส่เสื้อสีเขียวธรรมดา ผมยาวก็เพียงหวีไว้ด้านหลังธรรมดา ทั้งร่างนอกจากหยกโบราณที่ข้างเอวแล้วนอกจากนั้นไม่มีเครื่องประดับอื่น
“พวกเจ้าทั้งสอง คุกเข่าลงรับโทษกับราชาหงส์เพลิง!”
มู่จิ่วแค่นเสียงเยาะเย้ย ค้อมเอวประสานมือทำความเคารพ นางไม่ใช่คนกระทำผิด ถึงแม้อ๋าวเชินใช้โอกาสนี้จัดการนาง แต่เขาจะกล้ารังแกนางจริงหรือ? ทางอ๋าวเจียงเห็นนางไม่คุกเข่า จึงเห็นพ้องไม่ยอมอ่อนข้อให้ แต่มู่จิ่วเพิ่งผ่อนคลายได้ ไหนเลยจะรู้ว่าเขากลับพลันเปิดปากพูดกับอวิ๋นชือฉาง “ขอท่านโปรดนำกุญแจจันทราออกมา!”
เขาลากนางไปช่วยลักพาตัวอะไร มู่จิ่วเลี่ยงไม่ได้จึงทำไป ตอนนี้เขาคิดก่อเรื่องนางไม่อาจเกี่ยวข้องได้! กำลังจะดึงแขนเสื้อเขา เขาพลันสะบัดนางมุ่งไปทางอวิ๋นชือฉาง!
“อ๋าวเจียง!”
อ๋าวเชินโกรธจนหน้าเขียว รีบกระโดดเข้าไปขวางไว้ ไหนเลยจะรู้ว่าอวิ๋นชือฉางกลับลงมือเร็วกว่า แขนเสื้อกว้างๆ สะบัดมา อ๋าวเจียงหมุนอยู่กลางอากาศก่อนร่วงลงไปกับพื้น
มู่จิ่วเห็นเขาร่วงลงพื้นด้านที่บาดเจ็บวันนั้นพอดี จึงร้อนรนเข้าไปพยุงเขา “เจ้าบ้าไปแล้ว!”
มุมปากอ๋าวเจียงมีเลือดไหลออกมา ยังไม่ได้พูด อวิ๋นเฉี่ยนก็เอ่ยแล้ว “นำองค์ชายสามกับกัวมู่จิ่วไปตำหนักหอมกำจาย!”
อ๋าวเจียงโดนลากออกไปราวกับลากคนไร้ค่า
มู่จิ่วเห็นเช่นนี้ก็ทนไม่ได้อย่างแท้จริง ยืดตัวขึ้นมาถลึงตาใส่อ๋าวเชิน!
ถึงแม้อ๋าวเจียงไม่ได้เป็นอะไรทั้งสิ้นแต่ก็เป็นลูกชายของเขา! อ๋าวเจียงจะเอากุญแจจันทราไปก็เพื่อเฉินผิง เขาเป็นพ่อของเฉินผิง ไม่ออกหน้าอธิบายไม่ว่า กลับปล่อยให้พี่น้องตระกูลอวิ๋นปฏิบัติต่อลูกแท้ๆ ของตนเองแบบนี้ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานยังมิสู้!
“ข้าหวังเพียงว่าวันหน้าราชามังกรจะไม่เสียใจภายหลัง!”
นางพูดประโยคนี้ก่อนเดินตามอ๋าวเจียงไป
ตลอดทางเลี้ยวไปมาจนถึงตำหนักหอมกำจาย เหล่าผู้อารักขาผลักทั้งสองเข้าไปแล้วปิดประตูลง
มู่จิ่วไปประคองอ๋าวเจียง จับชีพจรเขา อดไม่ได้ขมวดคิ้ว “พลังฤทธิ์เหมือนไม่ค่อยมั่นคง เจ้ารนหาที่ตายหรือ?” นางประคองเขาไปนั่งเก้าอี้ พลางหยิบยาออกมาให้เขากิน อวิ๋นชือฉางผู้นั้นถึงแม้ท่าทางอ่อนน้อม แต่กลับลงมือไม่ไว้หน้า ยิ่งก่อนหน้านี้อ๋าวเจียงได้รับบาดเจ็บหนัก ไม่แปลกที่จะยิ่งหนักขึ้น
รอจนสีหน้าเขาค่อยๆ เป็นปกติ นางค่อยทำหน้าตึงถอยไปนั่งเก้าอี้ลายวิจิตรด้านหลัง
อ๋าวเจียงส่ายหัว ยกหลังมือขึ้นเช็ดเลือดที่มุมปาก ก่อนพูด “เจ้าไม่ต้องสนใจข้า ข้าต้องนำกุญแจจันทรากลับมาได้แน่”
มู่จิ่วยิ้มเยาะเย้ย นิ่งไปครู่หนึ่งโดยไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แล้วเอ่ยว่า “หากไม่ใช่เพราะข้าเห็นพ่อเจ้ากับอวิ๋นเฉี่ยนรักกันดูดดื่มขนาดนั้น ไม่แน่อาจเข้าใจว่าเจ้าเป็นพ่อของเฉินผิง เจ้าช่างเป็นกษัตริย์ไม่ร้อนใจขันทีร้อนใจ[1]เสียจริง เขาทั้งสองคนหนึ่งเป็นพ่ออีกคนเป็นแม่ล้วนไม่กังวลใจเรื่องนี้ กลับเป็นเจ้าที่พุ่งเข้าไปไม่เสียดายชีวิต เจ้าวางแผนอะไรไว้?”
นางอยู่มานานเห็นมาเยอะ เพียงไม่เคยเห็นพ่อที่เลวขนาดอ๋าวเชิน หากนางเป็นราชินี…ไม่ หากนางเป็นแม่ของอ๋าวเจียง ตั้งแต่เขาเริ่มคบหากับอวิ๋นเฉี่ยน นางจะพาลูกชายลูกสาวแยกออกไป! ชายเลวแบบนี้ ไม่พูดว่าเป็นสามีภรรยากับเขา เพียงแค่ชื่อของเขานางยังไม่อยากได้ยิน ลูกที่นางคลอดเขาก็อย่าได้หวัง!
ราชินีมังกรนั่นดูไม่ออกว่าสงบเสงี่ยมอย่างไร ทำไมถึงได้ขี้ขลาดขนาดนั้น? ยังมีเหล่าลูกมังกรชายหญิงอีก ช่างเป็นแม่ที่มีอิทธิพลต่อลูกมากจริงๆ
“เพราะข้าติดค้างเฉินผิง!”
อ๋าวเจียงอาจอดกลั้นไม่อยู่แล้ว จึงหลุดปากออกมาอย่างเคียดแค้น พูดจบก็เหมือนเสียใจภายหลัง สายตาสับสนมองนางอยู่ชั่วครู่ แล้วก้มหน้าลงอย่างหดหู่
มู่จิ่วดูออก เหลือบมองเขาก่อนพูด “ติดค้างเขา? ติดค้างอย่างไร?”
อ๋าวเจียงกัดฟัน กำปั้นอยู่บนเข่าคลายแล้วบีบ บีบแล้วคลาย “ตอนเฉินผิงยังเล็กไม่ดุร้าย แถมนับได้ว่าน่ารัก แต่ตอนนั้นข้าไม่ชอบเขาเพราะแม่ของเขา ครั้งนั้นวันเกิดข้า เขาทำว่าวกระดาษให้ข้าด้วยตนเอง ข้าชอบมาก แต่พอดีแม่ข้ามา ข้ากลัวนางเห็นแล้วจะโกรธ จึงปล่อยเฉินผิงกับว่าวข้ามกำแพงไป”
“ข้าไม่คิดว่าศีรษะเฉินผิงจะกระแทกลงบนหิน กระทบต่อสติปัญญา ตั้งแต่นั้นมานิสัยเปลี่ยนไปมาก ตอนบ้าขึ้นมาแม้แต่พ่อข้ายังตี และข้าก็เผชิญกับความโหดร้ายของเขาหลายครั้ง ภายหลังพวกเขาหมดหนทาง ทำได้เพียงส่งเฉินผิงไปเป่ยอี๋ หากข้าไม่ทำให้เขาบาดเจ็บ สติปัญญาเขาคงไม่เลอะเลือนไป คงไม่ถูกเจ้าสังหารที่เป่ยอี๋ ดังนั้นข้าจึงจะเป็นคนที่มีความผิดหนักหนาคนนั้น”
มู่จิ่วอ้าปากอยู่นานจึงค่อยปิดลง ที่แท้เฉินผิงไม่ได้เกิดมาดุร้าย?
“เรื่องนี้มีคนรู้มากแค่ไหน?”
“ไม่มีคนรู้นอกจากเจ้า” อ๋าวเจียงเหลือบมองนาง ริมฝีปากเม้มแน่น
มู่จิ่วละสายตากลับมา ปรับลมหายใจ
มาครั้งนี้ช่างได้รู้อะไรมาก ที่แท้เฉินผิงไม่ได้เกิดมาดุร้าย แต่เป็นผลจากการถูกอ๋าวเจียงทำให้บาดเจ็บ ดังนั้นเขาจึงดูแลเฉินผิงต่างๆ นานาเพราะรู้สึกผิดต่ออีกฝ่าย
ทั้งหมดนี้พวกอ๋าวเชินล้วนไม่รู้ จึงส่งนางมาวังเทียมบูรพาให้อ๋าวเจียงรังแก ผลคืออ๋าวเจียงยังคงคิดอยู่ตลอดว่าจะทำเรื่องบางอย่างให้เฉินผิง ดังนั้นจึงจับจ้องแต่กุญแจจันทรา ทว่าของที่ตระกูลอวิ๋นกินไปแล้วไม่ยอมคายออกมา ถึงแม้เขาทำเพื่อหลานของตนเอง อวิ๋นชือฉางก็ยังคงตีอ๋าวเจียงอยู่ดี
เรื่องราวคร่าวๆ ก็เป็นแบบนี้
แต่ความคิดของอวิ๋นชือฉางเข้าใจได้ เพราะที่จริงกุญแจจันทราเป็นสมบัติล้ำค่า ทว่าทำไมอวิ๋นเฉี่ยนกลับไม่ยินยอมช่วยเฉินผิงล่ะ? ทุกวันนี้ใบหน้านางดูไม่ออกว่าอาลัยกับการจากไปของเฉินผิงขนาดนั้น กลับติดหนึบอยู่กับอ๋าวเชินอย่างชัดเจน เปรียบกับอ๋าวเชินที่โกรธแล้วไปฟ้องมู่จิ่วบนสวรรค์ ท่าทางของอวิ๋นเฉี่ยนดูไปแล้วเหมือนกับแม่ที่ลูกเพิ่งตายไปไม่นานหรือ?
และอ๋าวเชินก็พูดตลอดว่าเฉินผิงคือลูกที่เขารักที่สุด แต่นอกจากตามหานางคนที่สังหารเขามาระบายความแค้นแล้ว เขายังทำอะไรอีก?
พวกเขาล้วนรู้ชัดเจนว่ากุญแจจันทราสามารถช่วยให้เฉินผิงเกิดเป็นสัตว์วิเศษ แต่ละคนกลับทำเหมือนไม่รู้ไม่สนใจ แม้แต่อ๋าวเจียงพี่ชายต่างมารดาพวกเขายังเทียบไม่ได้ ช่างน่าชื่นชมเสียจริง
แต่อ๋าวเชินไม่บังคับเอากุญแจจันทราจากตระกูลอวิ๋น นางพอเดาได้สองส่วน อ๋าวเชินเพียงกลัวว่าจะล่วงเกินตระกูลอวิ๋นจนแม้แต่อวิ๋นเฉี่ยนก็สะบัดเขาทิ้ง แต่อวิ๋นเฉี่ยนจิตใจเป็นอย่างไรเล่า? สำหรับนางกุญแจจันทรายังสำคัญกว่าลูกชาย? ถึงแม้นางเป็นผู้หญิงที่ในโลกมนุษย์เรียกว่าสะใภ้ที่ชอบเอาเงินกลับบ้านแม่ การทำแบบนี้ก็ไม่มีเหตุผล!
แต่ก่อนมู่จิ่วไม่รู้สึกอะไรกับเฉินผิง ตอนนี้เรื่องดำเนินมาเช่นนี้ คิดว่าเขามีพ่อแม่แบบนั้น ก็อดรู้สึกเห็นใจเขาขึ้นมาหลายส่วนไม่ได้
………………………………………………………