นางหวนคิดถึงการแสดงออกของราชินีมังกร ดูไม่ออกว่าเย็นชาขนาดไหน แต่ก็ดูไม่ออกว่านางอาลัยอาวรณ์อะไรอ๋าวเชิน แต่หญิงคนหนึ่งที่ถูกสามีหักหลัง หญิงคนหนึ่งที่ถูกสามีหักหน้าปกป้องภรรยาน้อยอย่างออกนอกหน้า จะคาดหวังให้นางมีความหวังขนาดไหนกับคนเจ้าชู้กัน?
นางมองลู่ยาคราหนึ่ง อยากรู้ความเห็นเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่านสีหน้า แต่เขากลับไม่แสดงอาการใดเลย เพียงคิ้วขมวดเล็กน้อย ไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่
นางก็ขมวดคิ้วเช่นกัน พูดแบบนี้ อ๋าวเชินก็รู้ความคิดของตระกูลอวิ๋นมาตลอด ตระกูลอวิ๋นวางแผนเพื่อกุญแจจันทราหยินหยางคู่นี้ นี่เข้าใจได้ทั้งหมดแล้วว่าทำไมอวิ๋นเฉี่ยนจึงยอมสละร่างกายทุ่มเท เพื่อให้ได้รับความรักจากอ๋าวเชินที่หน้าตาอายุล้วนไม่โดดเด่น ทว่าเฉินผิงเป็นลูกชายของอ๋าวเชินและเป็นลูกของนาง หลังเขาตายแล้วนางเจ็บปวดใจสักนิดหรือไม่?
หากไม่มี แบบนั้นก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ ถึงแม้อ๋าวเจียงเข้าใจว่าพวกเขาเป็นพ่อแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างไร แต่ดูจากความเสียสละที่อวิ๋นเฉี่ยนมีต่อครอบครัวแล้ว นางไม่น่าเป็นคนที่แม้แต่ลูกชายตัวเองยังไม่สนใจ แต่หากว่ามีความรู้สึก เช่นนั้นทำไมระหว่างพี่น้องกับเลือดเนื้อเชื้อไข นางกลับไม่ลังเลที่จะตัดสินใจ?
หากนางเป็นแม่ ถึงแม้ลูกชายของนางตายไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรนางล้วนสามารถจัดการเรื่องหลังความตายแทนเขาได้ นั่นเป็นเลือดเนื้อที่ออกมาจากร่างนางเอง! ยิ่งไปกว่านั้น กุญแจจันทรานั่นก็เป็นนางที่ดิ้นรนเอามา
แน่นอนว่ามีความเป็นไปได้ ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่วางมือเพราะมีแผนใหม่ คือหลังจากได้กุญแจทั้งสองแล้วค่อยใช้กุญแจหยินปกปักรักษาวิญญาณของเฉินผิง แต่อย่างไรนางก็รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่มีเพียงเท่านี้ ตระกูลอวิ๋นให้ความสำคัญกับอวิ๋นรองเกินไปอย่างชัดเจน…
คิดถึงตรงนี้นางจึงพูด “อวิ๋นรองที่แท้เป็นใคร?”
สายตาของอ๋าวเชินมองมา จับจ้องอยู่ที่นาง “เจ้ากลับสนใจเขา?”
มู่จิ่วแบมือ “ถึงแม้ตระกูลอวิ๋นพยายามแสดงให้คนอื่นเข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่องค์หญิงของตระกูลพวกเขาประพฤติตัวไม่ดี และพวกเขาไม่อาจทำอะไร แต่ยังคงไม่สามารถปิดบังเรื่องจริงที่พวกเขาทุ่มเทแรงทั้งหมดโดยไม่สนใจผลที่ต้องจ่ายเพื่อรักษาอวิ๋นรองไว้ เผ่าพันธุ์หงส์เพลิงดีร้ายก็เป็นเผ่าเทพ หากไม่เป็นเพราะฐานะของเขาสำคัญกว่าทั้งหมด พวกเขาคงไม่ให้อวิ๋นเฉี่ยนทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นการเป็นภรรยาน้อยแบบนี้”
ถึงแม้นางทั้งโง่ทั้งเขลา แต่เรื่องที่ควรเข้าใจนางก็ชัดแจ้ง
การกระทำของทุกคนล้วนมีแรงจูงใจ ตระกูลอวิ๋นผิดปกติขนาดนี้ หากไม่มีลับลมคมในถึงจะแปลก
อ๋าวเชินพยักหน้าก่อนพูด “พูดตรงๆ อวิ๋นรองไม่ใช่พี่ชายอวิ๋นเฉี่ยน แต่เป็นอาของพวกเขา”
“อา?” คางของมู่จิ่วจะร่วงลงมาแล้ว
นางไม่ได้ฟังผิด? พี่ชายกลายเป็นอา หรือในเรื่องนี้ยังผสมปนเปกับเรื่องราวความรักที่ไม่อาจให้คนรู้ได้อะไรอีก?!
อ๋าวเชินมองเหล่ามังกรที่นิ่งอึ้งเหมือนกันอยู่รอบด้าน ก่อนพูด “แต่เดิมเผ่าพันธุ์หงส์เพลิงเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก สองแสนปีก่อน ทั้งทิวเขาริ้วหยกเกือบทั้งหมดล้วนเป็นหงส์เพลิงเข้าออกไปมา ตำแหน่งพวกเขาในตอนนั้นสูงมากท่ามกลางเผ่าเทพ กระทั่งเรียกได้ว่าเป็นผู้นำของเผ่าพันธุ์หงส์ทั้งหมด แต่ปีนั้นพวกเขาพลันเผชิญหน้ากับการสูญพันธุ์ จื่อเยวี่ยราชาของพวกเขาในตอนนั้น เป็นผู้มีพลังวิญญาณบริสุทธิ์ที่สุดในตระกูลหงส์เพลิงตั้งแต่โบราณ เขาเลือกคุกที่ไฟแรงกล้าแผดเผาปกป้องคนในเผ่าไว้”
“ถึงแม้สุดท้ายทำสำเร็จ แต่เพราะจิตต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์หงส์เพลิงยังคงสืบทอดสู่ราชาทุกรุ่น และจื่อเยวี่ยเสียสละร่างกาย ใช้จิตต้นกำเนิดไปจนสิ้น ดังนั้นเผ่าพันธุ์หงส์เพลิงจึงสูญเสียไปมาก แต่ห้าหมื่นปีก่อน ในที่สุดน้องชายของจื่อเยวี่ยนามฉางเทียนก็พบจิตต้นกำเนิดของเขา จากนั้นใช้พลังบำเพ็ญทั้งชีวิตนำจิตต้นกำเนิดของจื่อเยวี่ยเปลี่ยนเป็นวิญญาณทั้งหมด ก่อนใส่เข้าไปในครรภ์ของภรรยา”
“และเด็กคนนี้ก็คืออวิ๋นรอง”
พูดถึงตรงนี้เขามองมู่จิ่ว “อวิ๋นรองแบกรับพลังวิญญาณของจื่อเยวี่ยไว้เก้าส่วน แต่ในเมื่อเขาเกิดมาเป็นคนอีกครั้ง รากฐานวิญญาณร่างกายอย่างไรก็เสียหาย หากเขาไม่สามารถฟื้นคืนแบบเดิมได้ เช่นนั้นหงส์เพลิงก็กลับไปรุ่งเรืองแบบแต่ก่อนไม่ได้ตลอดไป และเป็นไปได้อย่างมากว่าจะหายไปจากฟ้าดินในหลายปีให้หลัง ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากฉางเทียนคู่สามีภรรยาตายตกกันไป ร่างของเขาก็ค่อยๆ เสื่อมถอยลง”
มู่จิ่วพูดไม่ออกอยู่บ้าง
ก่อนหน้านี้นางเดาได้รางๆ ว่าฐานะของอวิ๋นรองพิเศษ กลับคิดไม่ถึงว่าการดำรงอยู่ของเขาสำคัญต่อตระกูลอวิ๋นขนาดนี้ นี่ก็เข้าใจได้ว่าทำไมพวกเขาถึงทุ่มเทกำลังทั้งหมดชิงกุญแจจันทราหยางไป และทำไมอวิ๋นเฉี่ยนถึงแสดงออกต่อเรื่องของเฉินผิงไม่เหมาะสมนัก
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ และเจ้าจริงใจต่ออวิ๋นเฉี่ยน ทำไมเจ้าไม่เอากุญแจจันทราหยางให้พวกเขาไป?” มู่จิ่วถาม
หากตอนแรกให้กุญแจจันทราหยางไป บางทีเรื่องราวหลังจากนั้นคงไม่เกิดขึ้น อย่างน้อยคงไม่ซับซ้อนขนาดนี้ หากอวิ๋นเฉี่ยนรู้ว่าเฉินผิงถูกส่งไปกักตัวไว้ที่เกาะเป่ยอี๋ ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ทิ้งเขาและพากลับไปทิวเขาริ้วหยก เฉินผิงคงไม่ถูกนางสังหาร….เอาละ แบบนี้ฟังเหมือนกำลังผลักความรับผิดชอบ แต่นางยากที่จะเข้าใจความคิดของอ๋าวเชิน
เขากลัวว่าหลังจากได้กุญแจจันทราแล้วตระกูลอวิ๋นจะจากเขาไปหรือ?
“นั่นเพราะกุญแจจันทราหยางนี้สำหรับข้าแล้วก็สำคัญมาก!”
สีหน้าอ๋าวเชินไม่ดีนัก สายตาที่จ้องมู่จิ่วเผยความเย็นเยียบออกมา ราวกับโทษว่านางมากเรื่อง และราวกับกำลังบอกอะไร “กุญแจจันทราหยางสำหรับข้าสำคัญเหมือนกัน เรื่องที่ข้ารับไม่ได้คืออวิ๋นเฉี่ยนหลอกข้าแบบนี้ ด้านหนึ่งนางติดพันข้า อีกด้านหนึ่งกลับยังส่งคนมาปลอมเป็นอ๋าวเยวี่ยเพื่อขโมยมัน!”
มู่จิ่วลูบจมูก ไม่ได้พูดอะไร
ที่จริงสิ่งของเป็นของเขา เขาให้หรือไม่ให้อย่างไร แท้จริงนางไม่มีสิทธิสอดปาก
แต่อ๋าวเชินก็รู้นานแล้วว่าอีกฝ่ายมาเพราะอะไร ในเมื่อพวกเขาสามารถใช้แผนหญิงงาม เป็นธรรมดาที่ต้องสามารถใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำ
“เจ้าแน่ใจว่ากุญแจจันทราหยางใต้โบตั๋นม่วงเป็นคนตระกูลอวิ๋นมาเอาไป?”
ตอนนี้ ลู่ยาที่ไม่ได้พูดมานานกลับพลันส่งเสียงออกมา
“แน่นอนว่าเป็นพวกเขา” ในตาอ๋าวเชินราวกับพ่นไฟ “คืนก่อนนางยังพูดกับข้าว่าอยากมาชื่นชมดอกไม้ที่วังประจิมไสว นางอยู่กับข้านานขนาดนี้ และเคยอยู่ที่วังมังกรมาก่อน ถึงแม้ข้าจะซ่อนไว้อย่างดี มีเวลาสืบหานานขนาดนี้ พวกเขาต้องทายออกว่าที่วังประจิมไสวนี้มีปัญหา เหยี่ยวพิษนั่นลงมือได้พอดิบพอดีขนาดนี้ ไม่ใช่พวกเขาแล้วจะเป็นใคร?”
ลู่ยาพยักหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ กลับพูด “แต่ในกล่องที่อยู่ใต้โบตั๋นม่วงนี้ กลับไม่มีกุญแจจันทราหยาง”
น้ำเสียงของเขาแม้เชื่องช้า แต่สงบราบเรียบ ไม่เหมือนกำลังล้อเล่น เขาหยิบกล่องออกมาจากอกเสื้อ “ตอนเหยี่ยวพิษนำกล่องนี้ออกมาข้าเห็นเต็มตา ในนี้ไม่มีสิ่งของอะไรออยู่อย่างแท้จริง”
ไม่ผิด หลังจากเหยี่ยวพิษเปิดกล่องนี้ออกมาก็มีสีหน้าตระหนก นั่นเพราะในกล่องนั้นว่างเปล่า!
คนในลานนิ่งอึ้งไปอีกครั้ง อ๋าวเชินมีปฏิกิริยาก่อนใคร “จะไม่มีได้อย่างไร? พันปีก่อนหลังจากข้ารู้เป้าหมายของตระกูลอวิ๋น ข้าก็นำมันมาผนึกไว้ที่นี่ นอกจากข้าไม่มีคนอื่นรู้อีก! หากในกล่องนี้ไม่มี หรือจะเป็นเจ้าที่เอาไป?!”
………………………………………………………