“ข้ามีหลักฐานหรือไม่ ดูข้างใต้นี้ก็จะกระจ่างเอง” มู่จิ่วพูดถึงตรงนี้ก็พลันยิ้ม หันหน้าไปทำความเคารพต่อรูปหล่อเทพจู้หรง จากนั้นยื่นมือไปใต้รูปหล่อทอง
ราชินีพลันก้าวไปข้างหน้าสองก้าว สีหน้าไม่มีความนิ่งเฉยอีกแล้ว
แววตามู่จิ่วระยิบระยับขึ้นมา พลันหยิบกุญแจสำริดที่ดูเก่าแต่กลับส่องสว่างไปรอบด้านออกมาจากในหลุม! นางยกริมฝีปากมองตัวอักษรที่หลอมอยู่ด้านบนพลางพูด “ตอนนี้ราชินีคงดิ้นไม่หลุดแล้ว มีกุญแจจันทราหยางนี้อยู่ เพียงพอที่จะยืนยันว่าเรื่องที่ข้าพูดไปเมื่อครู่นี้เป็นความจริง”
ร่างของราชินีโอนเอน โหนกแก้มนูนขึ้นเพราะกัดฟันแน่น
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามันอยู่นี่?!”
“เพราะเทพแห่งไฟ”
มู่จิ่วยกกุญแจในมือขึ้น “กุญแจจันทราหยางเป็นธาตุทอง และไฟสามารถกดข่มทอง หลังจากข้าคิดได้ว่าราชินีบงการอยู่เบื้องหลัง จึงเริ่มครุ่นคิดคำถามหนึ่ง หากคนที่ขโมยกุญแจจันทราหยางไปเป็นราชินี แบบนั้นก่อนเกิดเรื่องท่านทำให้ราชามังกรไม่รู้ตัวในหลายร้อยปีที่ผ่านมาได้อย่างไร?”
“ข้าคิดถึงความเป็นไปได้ข้อหนึ่ง คือก่อนวันที่พวกเราไปทิวเขาริ้วหยก กุญแจจันทราหยางยังคงอยู่ที่วังประจิมไสว ไม่เพียงอยู่ที่วังนั้น แต่ยังอยู่ใต้โบตั๋นม่วง เพียงแต่ท่านย้ายมันออกจากในกล่องไปอยู่อีกด้าน เช่นนี้โบตั๋นม่วงจะสามารถดูดซึมพลังวิญญาณของกุญแจจันทรา รักษาวิญญาณราชามังกรได้เหมือนกัน”
“ขณะเดียวกัน ช่วงเวลานี้ท่านไม่ต้องแบกรับความรับผิดชอบใด”
“ตอนท่านรู้ว่าในใจอวิ๋นเฉี่ยนและราชามังกรล้วนมีแผนเพื่อกุญแจจันทราคู่นี้ ท่านก็รู้ว่าโอกาสมาแล้ว ดังนั้นตอนที่พวกเราออกเดินทางไปทิวเขาริ้วหยก จึงรีบนำกุญแจจันทราหยางออกมา และสร้างเรื่องโกหกได้ว่ากุญแจจันทราหยางหายไปแล้วหลายปี”
“แต่หากเก็บกุญแจจันทราหยางไว้ในวัง ด้วยความสมบูรณ์ของพลังวิญญาณของมัน พลังสูงส่งของราชามังกร ไม่แน่ว่าอีกไม่นานมังกรเฒ่าแห่งทะเลตะวันออกก็อาจมาตรวจสอบ…ช้าเร็วต้องพบร่องรอยของมัน ดังนั้นท่านจึงทำได้เพียงเชิญเทพจู้หรงมาซ่อนมัน เนื่องจากไฟสามารถข่มทอง และเพราะพลังวิญญาณของมันถูกกดไว้ทั้งหมดพอดี ร่างกายของราชามังกรถึงได้ทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้นๆ สิบกว่าวันนี้”
“ข้าทายถูกหรือไม่?”
นางมองราชินีที่แววตาดูว่างเปล่าอยู่ใต้ม่านอย่างสงบ
ที่จริงนางเดาเรื่องเหล่านี้ออกไม่ใช่เพราะฉลาดมากมาย ความจริงแล้วเพียงถูกรายละเอียดมากมายปิดบังไว้ ตอนนางทำตัวเป็นผู้ดู เปิดสิ่งที่ปิดบังอยู่ด้านหน้าออก ความสงสัยทั้งหมดหน้าหลังก็ล้วนเชื่อมต่อกันได้เป็นพวง และสิ่งที่น่าสงสัยมากที่สุดของผู้ได้รับผลกระทบคนแรกคือ ‘การละเลย’ ของราชินีที่เผชิญหน้ากับการนอกใจของอ๋าวเชินและความร้ายกาจของอวิ๋นเฉี่ยน
หญิงคนหนึ่งที่สามารถมีผู้สนับสนุน ไม่กังวลเรื่องหนทางถอยกลับ ยังคงแสดงท่าทีปกติขณะสามีที่นอกใจกำลังลิ้มรสผลกรรมของตัวเอง ความเป็นไปได้มากที่สุดคือนางเป็นผู้กำธงชัยชนะ และนางรู้แต่แรกแล้วว่าบทสรุปจะเป็นแบบนี้ เพราะนางรู้อย่างถ่องแท้ว่าจะมีวันนี้เกิดขึ้น ดังนั้นผลกรรมทั้งหมด สำหรับนางแล้วล้วนไม่คู่ควรให้ตกใจ
ราชินีหันไปหากุญแจจันทราในมือนาง เม้มริมฝีปากทั้งสองแน่น
บนหน้าไม่มีความตื่นตกใจ ไม่มีความโกรธ และไม่มีการอดกลั้นต่อความคับแค้นใจและคำกล่าวหา
ถึงแม้หลังจากถูกมู่จิ่วเปิดโปงความจริงแล้ว การแสดงออกของราชินีก็ไม่ทำให้ฐานะของตนด่างพร้อยเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าสามารถสืบจนรู้ว่ากุญแจจันทราหยางอยู่ในมือข้า หากไม่ใช่เจ้าฉลาดพอ เจ้าก็กระจ่างชัดมากพอ”
นางเดินช้าๆ ไปถึงที่เดิมก่อนนั่งลง ยกมือขึ้นนวดมุมหน้าผากพลางเอ่ย “ถึงแม้เรื่องจริงกับสิ่งที่เจ้าพูดยังมีความแตกต่างอยู่บ้าง แต่โดยส่วนใหญ่ก็ไม่ต่างกันมากนัก เจ้าไม่รู้ว่าปีนั้นข้าไม่ยินยอมรับคำสั่งของพ่อแม่ให้มาแต่งงานกับอ๋าวเชินขนาดไหน แต่ข้าทำได้เพียงทำตาม ข้าชอบเขาไม่ได้อย่างแท้จริง แต่หลายหมื่นปีมานี้ ลูกชายลูกสาวหลายคนเกิดต่อเนื่องกันมา ข้าก็เคยชินกับชีวิตแบบนี้แล้ว”
“วันคืนเหล่านั้นทั้งสงบและราบเรียบ ข้าคุ้นชินกับการไม่มองเขาอยู่ในสายตา บางทีมีกล่าวโทษ มีความไม่อดทน บางครั้งกระทั่งยังมีความรังเกียจ แต่เมื่อไม่มีเขาคนนี้อยู่ข้างกาย ข้ากลับรู้สึกใจว่างเปล่า ไม่ว่าอย่างไร ข้าล้วนมองเขาเป็นคู่ชีวิตที่จะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าแล้ว”
“แต่ข้าไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่เขามีความสัมพันธ์ลับกับผู้หญิงอื่นข้างนอก กระทั่งมีลูกนอกสมรสด้วยกันแล้วข้าถึงรู้ เจ้าจินตนาการถึงแรงกระทบกระเทือนนั้นได้หรือไม่? ข้าหัวใจสลาย คิดอยากยกมีดขึ้นสังหารเขาอยู่บ่อยครั้ง
“ด้านหนึ่งข้านึกอิจฉา เขาคนที่ไม่มีอะไรถูกใจเลยในสายตาข้ากลับมีคนมาชอบ อีกด้านหนึ่งก็ใจสลายกับความสงบที่จะถูกทำลายอย่างแน่นอน จนข้ารู้แผนการของตระกูลอวิ๋นเหมือนกับเขา ข้ายังเข้าใจว่าเขาจะตัดความสัมพันธ์กับอวิ๋นเฉี่ยน หากเป็นแบบนั้นข้าคงคิดว่าช่างเถอะ แต่เขาไม่ทำ กลับมอบกุญแจจันทราหยินให้ตระกูลอวิ๋นเป็นของแทนคำมั่นสัญญา”
“ข้าไม่ใส่ใจกุญแจนี้ สิ่งที่ข้าใส่ใจคือความหมายซ่อนเร้นของกุญแจที่ส่งออกไป”
“จนถึงตอนนี้ ใจข้าได้ตายไปหมดแล้ว”
“ข้าเพียงต้องการกุญแจจันทราหยาง อย่างอื่นอะไรก็ไม่ต้องการ ข้าอยู่อย่างสงบโดยอิสระ จัดการทุกอย่างไปตามสถานการณ์ จากนั้นรอบทสรุปอย่างเงียบๆ แต่ตอนที่เรื่องราวทั้งหมดเดินไปตามทางที่คาดไว้ ข้ากลับไม่มีความสุข เพราะไม่ว่าข้ายอดเยี่ยมอย่างไร ข้าก็ชนะเพียงได้เหยียบย่ำบนคนเลวของข้าเท่านั้น”
“บางทีเจ้าอาจพูดได้ว่าอวิ๋นเฉี่ยนคู่ควรกับความเห็นใจ แต่ข้าเห็นใจนางไม่ไหว สำหรับตระกูลอวิ๋นแล้วนางแบกรับหน้าที่สำคัญเพื่อเผ่าพันธุ์ แต่สำหรับข้าล่ะ? นางมันเห็นแก่ตัว ถึงแม้เบื้องหลังนางมีเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่อาจใช้เป็นเหตุผลมาเหยียบย่ำทำร้ายข้า”
“อ๋าวเชินก็เหมือนกัน”
“เขามีเหตุผลที่ชอบคนอื่น แต่ไม่มีเหตุผลในการช่วยภรรยาน้อยเหยียบย่ำข้า ทำไมข้าต้องปล่อยพวกเขาทำตามอำเภอใจ? ด้านหนึ่งเพราะข้าอยากเห็นพวกเขารับผลกรรมในท้ายที่สุด อีกด้านหนึ่งข้าก็อยากเห็นว่า หากข้าไม่สนใจไม่ถามไถ่ เขาจะทนข้าที่ไม่ใส่ใจได้ขนาดไหน”
“ความจริงยืนยันแล้ว บางเรื่องหากเริ่มต้นก็ไม่มีจุดจบ”
“ดังนั้นข้าจึงไม่เสียใจภายหลัง”
พูดถึงตรงนี้ นางพลันยื่นมือออกมา นิ้วทั้งห้าพลันเปลี่ยนเป็นกรงเล็บมังกร ก่อนเข้าชิงกุญแจจันทราหยางในมือมู่จิ่ว!
ใครก็ไม่คาดคิดว่านางจะลงมือกะทันหัน อีกทั้งพลังลมปราณแข็งแกร่งจนคนรับมือไม่ทัน!
มู่จิ่วตกใจหน้าถอดสี รีบกลิ้งหลบและตะโกน “อาฝู!”
อาฝูที่หมอบอยู่นอกประตูม้วนตัวขึ้น พุ่งเข้ามาพร้อมลมแรง เมื่อเห็นนางถูกราชินีที่กระโดดอยู่กลางอากาศกดดันไม่หยุดจนหลบหลีกแทบไม่ทัน ดวงตาทั้งสองพลันเบิกกว้าง เปลี่ยนร่างเป็นเสือใหญ่ ร้องอย่างโกรธเกรี้ยวพลางพุ่งเข้าโจมตีหลังของราชินี!
ราชินีไม่เสียแรงที่มีพลังบำเพ็ญถึงแสนปี นางบีบเข้าใกล้มู่จิ่วพลางยกมือขึ้นรับมือกับอาฝู! ถึงแม้อาฝูได้รับการชี้แนะโดยตรงจากลู่ยา แต่เวลาปีกว่าไหนเลยจะเทียบได้? ในตำหนักใหญ่พลันได้ยินเพียงเสียงพลังเหมือนเส้นสายรุ้งโจมตีไปทุกทิศ ค่ายกลกระบี่ของมู่จิ่วถูกกดจนสำแดงออกมาไม่ได้ และช่องว่างที่เหลืออยู่ตอนนี้ก็ยิ่งน้อยลงไปทุกที
นางถูกบีบจนไร้หนทาง ทำได้เพียงตะโกนว่า “อ๋าวเจียง ยังไม่ออกมาอีก!”
ราชินีได้ยินก็ชะงักเล็กน้อย ยังไม่ทันได้คิดมาก ขณะที่ชะงักก็มีคนหนึ่งพุ่งเข้ามารวดเร็วเหมือนพายุ พริบตาเดียวก็แยกนางกับมู่จิ่วออกจากกัน
“ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่!”
ราชินีถามเสียงแข็ง
“เป็นข้าให้เขามา!” มู่จิ่วเก็บกุญแจจันทราเข้าไปในอกอย่างมีโทสะ “ในเมื่อข้ามาเพื่อเปิดโปงท่าน ทำไมถึงจะไม่หาพยานมาด้วยล่ะ? ไม่คิดเลยหรือว่าข้าอยู่ตระกูลอ๋าวของพวกเจ้าแล้วลำบากไม่น้อย?!”
ลงมือก่อนโดยไม่แม้แต่จะเตือน รังแกกันเกินไปแล้ว!
………………………………………………………………