ลู่ยาจากไปพันลี้อย่างเร็ว ไฟความโกรธในใจยังคงคุกรุ่น วันเดือนที่ผ่านมาช่างน่าสับสนยิ่งนัก บางทีอาจตั้งใจกลั่นแกล้งคนมามาก แต่เขาแต่ไหนแต่ไรไม่เคยให้ความสำคัญกับหญิงคนหนึ่งถึงขั้นนี้มาก่อน และก็ไม่เคยคิดหยอกเย้าอะไรนาง เขาไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ความจริงใจของตนเองได้ตอบแทนมาจะเป็นความไม่ใยดีของนาง…
ถึงแม้นางบอกว่าเรื่องมีสาเหตุ แต่เขายังรู้สึกเจ็บปวด เขาหวังว่าคนที่นางจะใส่ใจยิ่งกว่าคือเขา ไม่ใช่ความเป็นตายของคนข้างๆ! ขนาดเขายังไม่มีความคิดจะทำตัวเป็นผู้กอบกู้โลก นางมีสิทธิอะไรในใจถึงมีเรื่องนั้นเรื่องนี้แต่กลับไม่มีเขา?
แม้แต่หลังจากเขาพูดคำที่รุนแรงขนาดนั้นออกมา นางล้วนไม่สะทกสะท้าน และก็ไม่เคยโอนอ่อนยอมเขาก่อน เขาไม่มีหนทางเชื่อได้เลยว่าในใจนางมีเขาอยู่ บางทีเขาอาจจะเข้าใจผิดมาตลอด ตลอดมานางไม่เคยชอบเขา และการเปลี่ยนแปลงของนางในภายหลังล้วนเป็นเพียงเขากดดันให้ตอบรับมา นางไม่เคยมองเขาเป็นคนที่สามารถใช้ชีวิตเคียงคู่ไปตลอดอย่างจริงจัง!
เขากลั้นความแสบร้อนบนกระบอกตา กัดฟันแน่น กระตุ้นพลังฤทธิ์เพิ่มความเร็วบินต่อไปข้างหน้า!
ทว่าเขาเพิ่งก้าวเท้า ตอนนี้เองกลับพลันได้ยินเสียงกรีดร้องดังทะลุเมฆมาจากด้านหลังที่ห่างไกลออกไป! เสียงตะโกนนี้เหมือนกับค้อนหนักที่ทุบลงไปบนใจเขาแรงๆ! เขาจำเสียงนี้ได้ ถึงแม้จะห่างไปพันหมื่นลี้ เขาก็จำได้ว่านี่เป็นเสียงของนาง! คล้อยหลังเสียงนี้ยังมีเสียงอสุนีบาตดังอยู่ไกลๆ ต่อเนื่องไม่หยุด!
เขาหยุดทันทีก่อนหันกลับไป เห็นเพียงบนฟ้าเหนือทิวเขานั้นไม่รู้ฟ้าดินกลับเปลี่ยนสีไปตอนไหน เมฆหนาเป็นชั้นตามด้วยลมบ้าคลั่งม้วนตลบอย่างรุนแรง ใต้ชั้นเมฆมีลำแสงสีทองทะลุขึ้นมาหลายสาย ทั้งเขตคุนหลุนตะวันออกถูกอาบจนกลายเป็นสีทองผืนหนึ่งราวกับวิหคทองเข้าใกล้โลก ความทะมึนอันแปลกประหลาดของที่นั่นหายไปหมด!
อาจิ่ว!
ลำคอของเขากระตุก มือทั้งสองกำแน่นจนเหมือนหมัดเหล็ก!
นั่นคือสถานที่ที่นางอยู่ใช่หรือไม่?
นางเจออันตรายเช่นนั้นหรือ?
เขากลั้นหายใจอยู่สักครู่ แล้วพลันกลายเป็นลำแสงสายหนึ่งพุ่งไปยังแสงทองนั้น!
มู่จิ่วนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดหินในหุบเขา สองตามองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า ไม่สนลมเมฆที่ลอยเคลื่อนอยู่รอบกายตนเอง!
ความรู้สึกของนางชัดเจนยิ่งขึ้น นางจำได้เพียงคนเดียว ลู่ยา จำได้เพียงเรื่องเดียว เขาไปแล้ว
ความยึดมั่นในหนทางเซียนตลอดสองพันปีของนาง แต่ไหนแต่ไรไม่เคยกลัวอุปสรรคใด แต่ตอนนี้นางสิ้นหวังแล้ว
นางต้องการคำตอบ นางผิดจริงหรือ? นางผิดจริงหรือ?
นางปวดหัวจนแทบระเบิด นางไม่พบคำตอบ!
“อาจิ่ว!”
มีเสียงดังมากลางอากาศ ถึงแม้แทรกผ่านช่องว่างเสียงอสุนีบาตเข้ามา กลับชัดเจนถึงหูนาง
เป็นเสียงของเขา
เขามาแล้ว?
นางเงยหน้าขึ้น มองไปอย่างตื่นตระหนก บนก้อนเมฆที่ลอยตรงเมฆชั้นนอกมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ แสงทองตกลงบนใบหน้าเขา ส่องโครงร่างเขาอย่างพร่าเลือน เขาสวมเสื้อดำ คอเสื้อเปิดออกเล็กน้อย ผมสีน้ำหมึกแผ่กระจาย โบกสะบัดอยู่ในสายลม ใบหน้าซีดขาวเหมือนหิมะในวังขั้วโลกเหนือที่ปกคลุมอยู่ตลอดปี หางตาทั้งคู่ที่ชี้ขึ้นเล็กน้อยของเขาราวต้องการดึงนางกลับขึ้นไป!
นี่ไม่ใช่เขา!
เขาไม่ใช่ลู่ยา ยังมาเรียกนางแบบนี้อีก?
นั่นไม่ใช่เขา แต่กลับกล้ามายุแหย่นางในเวลานี้?
พลังที่ควบคุมไม่ได้ทั้งหมดของนางพลันพุ่งออกมา พลังฤทธิ์รอบตัวกลายเป็นพายุ แสงทองนั้นยิ่งสาดออกไปสี่ด้านแปดทิศเหมือนธนู!
“อาจิ่ว!”
ลู่ยายืนอยู่บนเมฆ มองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตกใจ! เห็นเพียงสถานที่ที่นางกับเขาเจอกันก่อนหน้านี้ปกคลุมไปด้วยเมฆทะมึน พลังของคนคนหนึ่งที่ใต้เมฆดุจคลื่นยักษ์ในทะเล แต่ละคลื่นโจมตีจนหินทรายกระจายไปรัศมีร้อยลี้กว่า หินใหญ่ขนาดพันจินบินว่อนไปทุกทิศเหมือนกับหินกรวด ต้นไม้ในเขตป่าอุดมสมบูรณ์ก็ล้วนถูกถอนรากออก ประดุจมีกำลังพลิกฟ้าดิน!
คนตรงกลางที่บึ้งตึงเย็นชาและมีไอสังหารแพร่กระจายไปทั่วคือมู่จิ่ว แต่ก็ไม่ใช่มู่จิ่ว!
นางเป็นหัวเสินน้อยที่ไม่ว่าอะไรนิดหน่อยก็ต้องให้เขาปกป้อง แต่เดิมนางไม่มีพลังแข็งแกร่งขนาดนี้! แต่ขุมพลังเบื้องหน้าที่แม้แต่เขายังพบเจอมาน้อยมากไม่เพียงออกมาจากร่างนาง ทว่ายังเปลี่ยนไปตามการเคลื่อนไหวของนาง! เหมือนได้เข้าไปในจิตต้นกำเนิด หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับความตระหนักรู้และอารมณ์ของนางนานแล้ว!
“อาจิ่ว เจ้ามานี่!”
เสียงของเขาเจือความสั่นเครือ นี่เป็นครั้งที่สองตั้งแต่เขาเกิดมา ครั้งแรกคือตอนอาจารย์ปฐมวิญญาณกลายเป็นวิถีฟ้า เขารับความเจ็บปวดจากการแยกจากไม่ได้จึงร้องไห้เสียงสั่นออกมา เขาเข้าใจว่าตนเองควบคุมฟ้าดินได้นานแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากหลายหมื่นปีเขาจะสั่นเทาอีกเพราะความกลัวที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ!
“อาจิ่วเด็กดี เจ้ามานี่!”
เขายื่นมือไปหานาง เสียงอ่อนแรงจนแม้แต่ตนเองยังกลัว
เขาไม่กล้าเข้าไป กลัวว่าพลังของเขาจะกระตุ้นให้พลังบนร่างนางเสียการควบคุม พลังฤทธิ์ของนางแข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งจนหากเสียการควบคุมเพียงนิดอาจทำให้นางสลายกลายเป็นผุยผง! เขาไม่กล้าสู้กับผลลัพธ์นี้!
มู่จิ่วยืนขึ้นมา แต่วินาทีถัดมากลับพลันกระโดดขึ้น ฝ่ามือทั้งสองพลิกไปมากลางอากาศสี่ห้ารอบ พลังลมปราณสายหนึ่งที่รวมขึ้นมาในพริบตาเดียวพุ่งเข้าโจมตีเขาอย่างเนืองแน่น!
“อาจิ่ว!”
ลู่ยาไม่ทันตกใจ ถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว แต่จากนั้นนางชักกระบี่ออกมาแล้วสร้างค่ายกลกระบี่โจมตีเขา!
แหสวรรค์ตาข่ายกระบี่เป็นวิชาพิเศษที่หลิวหยางสอนให้มู่จิ่ว แต่เดิมพลังการเข่นฆ่าก็รุนแรงมาก ตอนนี้อาศัยพลังในร่างนาง ทั้งคุนหลุนตะวันออกพลันปกคลุมไปด้วยแสงเยียบเย็น! ป่าทึบที่แต่ก่อนมืดทึมพากันเหี่ยวแห้งภายใต้พลังกระบี่ที่มาถึง เขาที่สูงกว่าร้อยจั้งบริเวณใกล้ๆ ก็ล้มลงเสียงดังครืน ทั้งหุบเขาสั่นสะเทือนทันใด ได้ยินเพียงเสียงโครมครามสะเทือนแก้วหู!
ลู่ยาตกใจกลัว ทั้งไม่สามารถเข้าใกล้และไม่มีทางถอนตัวจากไป จึงทำได้เพียงหยิบขลุ่ยหยกจากในแขนเสื้อออกมารับมือ!
ไม่ลงมือคงยังไม่รู้ แต่เพียงลงมือ ตอนพลังสองฝั่งปะทะกัน ทั้งแผ่นดินเก้าทวีปก็สะเทือนเลื่อนลั่น!
บนโลกนี้คนที่สามารถต่อกรกับเขาได้มีไม่มากนัก แต่ตอนนี้มู่จิ่วคือหนึ่งในนั้น!
ทั้งตัวนางเหมือนอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่ง เขายิ่งเข้าใกล้ เสียงกรีดร้องของนางยิ่งดังเสียดแทงหู กระบี่บนมือยิ่งเคลื่อนไหวโหดเหี้ยมขึ้นตามการขับเคลื่อนของพลัง! นางตอนนี้มีแค่พลังฤทธิ์เท่านั้น ยังไม่ปรากฏการหนุนด้วยวิชาพลังบำเพ็ญลึกล้ำ ถึงแม้ลู่ยารับมืออย่างสบายๆ แต่จะไม่ตกใจกลัวไม่กังวลได้อย่างไร?!
แต่ถึงแม้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ กลับไม่กล้าใช้แรง เขาแพ้ไม่สำคัญ เขาไม่ตาย หากนางแพ้ต้องควบคุมพลังขุมนั้นไม่อยู่ สุดท้ายจะจบลงด้วยการสลายเป็นผุยผง!
ฟ้าทั้งผืนเหนือคุนหลุนตะวันออกล้วนถูกเมฆดำที่เคลื่อนไหวไม่หยุดปกคลุม
คลื่นลมที่พลังนำมาโจมตีต้นไม้บนภูเขาจนเกือบราบคาบหมด
สัตว์ปีกสัตว์บกที่หลับสนิทอยู่ไกลๆ พากันหวีดร้องและหนีไปที่ไกล
มู่จิ่วกลับไม่ได้ยิน มองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ ในใจนางมีเพียงความตั้งใจเดียว สังหารคนผู้นี้ซะ! สังหารเขา! ลู่ยาโทษนางว่าเสแสร้งเป็นคนดีมีเมตตา นางจะยืนยันให้เขาดู นางก็ใจคอโหดเหี้ยมได้ เห็นคนตายโดยไม่ช่วยได้ และสามารถไม่สนใจคำสาบานที่จะสร้างสุขให้สรรพสัตว์ซึ่งพูดไว้ตอนเข้าสู่เส้นทางบำเพ็ญเป็นเซียน!
เพื่อเขา ไม่ว่าอะไรนางก็สามารถเปลี่ยนได้…
การเคลื่อนไหวของกระบี่นางยิ่งรวดเร็วขึ้น พลังฤทธิ์กลายเป็นมังกรทองร่ายระบำ สีฟ้าเข้มของไอกระบี่เคียงคู่ไปกับแสงทองที่พวยพุ่งจากบนร่าง เหมือนกับกิเลสที่เกาะติดใจ พาการโจมตีแทงไปยังอกของลู่ยาอย่างหมายเอาชีวิต!
…………………………………………………