แต่ถึงแม้รู้แล้วจะทำอย่างไรได้?
อย่างไรนางก็วางอำนาจบาตรใหญ่จนเคยตัวแล้ว ไม่เคยไว้หน้าแม้กระทั่งหัวชิง
ลับหลังยามที่อยู่กันเพียงลำพัง เหลียงชิวฉานก็แอบถามหัวชิงอย่างอดไม่ได้ “ถึงแม้นางจะเป็นเชื้อสายของราชวงศ์ แต่เมื่อเข้ามาในสำนักแรกพยับแล้วย่อมเป็นศิษย์ของสำนัก ทำไมอาจารย์ต้องกลัว?”
หัวชิงเพียงตอบ “เจ้าไหนเลยจะรู้ถึงความร้ายกาจของนาง?”
ด้านหนึ่งก็อึดอัดขับข้องใจในการมาของจีหมิ่นจวินมาก
เหลียงชิวฉานจึงไม่พูดมากอีก
ก็ไม่รู้อย่างไร มาครั้งนี้หัวชิงที่แต่ก่อนดูสมบูรณ์แบบกลับดูธรรมดาสามัญ ทำให้รู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง เริ่มตั้งแต่เห็นผ้าผูกแดงที่ผูกช่อจุหลันในห้อง จนถึงความไร้กำลังและการถอยให้ยามเผชิญหน้ากับจีหมิ่นจวิน ทั้งที่เป็นหัวหน้าสำนักผู้หนึ่งแต่กลับละล้าละหลังไม่กล้าตัดสินใจกระทำเด็ดขาด นางรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง
นางไม่รู้ว่าความลุ่มหลงมัวเมาที่มีต่อเขาเมื่อก่อนนั้นมาจากไหน แต่เขาไม่เคยเปลี่ยนมาตลอด เป็นนางที่เปลี่ยนไปเอง
การแทรกเข้ามาของหลินเจี้ยนหรูเข้าแทนที่ตำแหน่งของหัวชิงในใจนาง นางพลันรู้สึกเหนื่อยกับความใกล้ชิดที่หัวชิงแสดงกับนาง
สองวันนี้นางตั้งใจจับตามองเหล่าศิษย์หญิงในยอดเขาขลุ่ยหยก ด้วยสัญชาตญาณของหญิงสาว นางพุ่งเป้าไปที่ศิษย์หญิงชื่อฟู๋อิงซึ่งเพิ่งเข้าสำนักมาได้ไม่ถึงสามร้อยปี หลังจากเลือกเป้าหมายได้แล้วก็ลอบสังเกต และก็จับได้ไม่ยากนัก ฟู๋อิงมายุ่มย่ามอยู่ที่เรือนยอดนภาบ่อยครั้งหลังจากนางออกจากสำนักไป และเป็นคนที่ให้ดอกจุหลันผูกผ้าแดงแก่หัวชิง
ตอนนี้นางกลับไม่มีเรี่ยวแรงหึงหวงด้วยซ้ำ
แต่การมีอยู่ของฟู๋อิง เป็นการบอกว่าข้างกายหัวชิงไม่ได้มีเพียงนางเท่านั้น
นางเคยพยายามยืนยันความสำคัญของตัวเองกับหัวชิง แต่ตอนนี้หัวชิงกลับปล่อยให้คนอื่นเข้ามารับช่วงต่ออย่างง่ายดาย
นางไม่ได้คิดจะโทษอะไรเขา พวกเขาก็ไม่ได้ให้สัตย์สาบานต่อกัน ทั้งเขายังเป็นอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาให้นาง นางไม่มีคุณสมบัติอะไรไปกล่าวโทษเขา
นางเพียงแค่ผิดหวัง บางครั้งของที่เจ้าพยายามเลือดตาแทบกระเด็นเพื่อให้ได้มา กลับเป็นเพียงเรื่องง่ายๆ ในสายตาคนอื่น
“อาฉาน?”
หัวชิงใช้ด้ามพู่กันแตะแขนเหลียงชิวฉาน ขัดจังหวะความคิดนาง
นางคืนสติกลับมา ถึงเห็นว่าหมึกที่ฝนอยู่กระเซ็นออกมาหมด
“เจ้ามีเรื่องกังวลใจอันใด?” หัวชิงมองออก
นางกุมหน้าคิดถึงสีหน้าสับสนของตนเอง หากต้องการปฏิเสธอีก เกรงว่าเขาคงไม่เชื่อ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หัวชิงหันมาเผชิญหน้ากับนาง ก่อนเอ่ย “ทำไมอยู่ๆ เจ้าถึงกลับมากลางดึก?”
น้ำเสียงอ่อนโยนนี้ไม่ต่างกับท่าทีเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ตอนที่เผชิญหน้ากับความไร้เหตุผลของจีหมิ่นจวิน แต่เวลานี้กลับทำให้ใจที่ผิดหวังของนางอบอุ่นขึ้น
ขอบตานางร้อนผ่าว หลุบตาต่ำแล้วกล่าว “เพียงแค่คิดถึงบ้านเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“ไม่เพียงเท่านี้หรอกกระมัง?” หัวชิงขมวดคิ้ว “ข้าเห็นว่าเจ้าผ่ายผอมลง หลายวันนี้ไม่ค่อยมีสมาธิ เจ้าต้องเจอเรื่องอะไรมาแน่”
นางไม่กล่าว ในใจร้อนรนยิ่ง
หัวชิงมองนางอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนขมวดคิ้ว “หรือเจ้าจะมีคนในใจแล้ว?”
ใจนางสั่นไหวเล็กน้อย อดเงยหน้าขึ้นไม่ได้
สีหน้าของหัวชิงเย็นชา “เขาเป็นใคร?”
เหลียงชิวฉานไม่กล้าตอบ และไม่คิดจะตอบด้วย
แต่เวลานี้นางพลันมีความคิดชั่วร้ายอย่างหนึ่ง
หัวชิงไม่ได้มีนางเพียงคนเดียว ด้วยนิสัยอ่อนโยนของเขาคงไม่ทำอะไรนางเพราะเรื่องนี้ หลินเจี้ยนหรูเป็นศิษย์ในสำนัก นางก็เป็นเช่นเดียวกัน ไม่มีใครออกกฎว่าศิษย์ชายหญิงในสำนักห้ามคบหากัน ถึงแม้เขาจะเป็นลูกนอกสมรสก็ตาม นางพลันอยากเห็นหลินเจี้ยนหรูถูกหัวชิงจับกลับมา นางอยากดูว่าเขาจะเตรียมรับมือกับคำถามของหัวชิงอย่างไร
ถึงแม้นางรู้ว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไร อาจลากนางมาเป็นแพะรับบาป แต่นางเพียงอยากเห็น อยากเล่นกับไฟ
“เป็นหลินเจี้ยนหรู”
นางมองตาทั้งสองของหัวชิง เอ่ยชื่อนี้ออกมาอย่างช้าๆ
สีหน้าของหัวชิงในสายตานางนั้นตื่นตะลึง แข็งค้าง ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง คาดไม่ถึงว่าจะเป็นชื่อนี้
“เจ้า ทำไมเจ้าถึงคบหากับเขา!”
หากบอกไม่โกรธก็โกหกแล้ว ตั้งแต่นางเข้ามาในสำนัก ความรู้สึกแรกรักของสาวน้อยก็เป็นของเขาทั้งหมด ทำให้เขาจนปัญญาจะรับไว้ ผู้ติดตามที่เขาเข้าใจว่าเทิดทูนปักใจกับเขา กลับปันใจไปให้ชายอื่นโดยฉับพลัน อีกทั้งชายคนนั้นยังเคยเป็นคนที่นางดูถูก เคยเกลียดชัง ทั้งอาจจะเป็นคนที่ต้อยต่ำที่สุดในสำนักซึ่งเคยลงมือรังแกด้วย!
“ข้ากับเขาอยู่ด้วยกันนานจนเกิดความรักต่อกัน”
นางเอ่ยช้าๆ และก็คอยมองไม่ให้พลาดสีหน้าใดๆ ของเขา
นางรู้สึกพอใจกับเขาอยู่บ้าง
คล้ายกับเป็นการเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ
ถึงแม้นางเป็นสมบัติของเขา ครานี้สมบัตินี้ปันใจเป็นอื่น ไม่รู้เขาจะมีความรู้สึกถูกหักหลังหรือไม่
นี่เป็นความรู้สึกเหมือนกับตอนที่นางเห็นดอกจุหลันผูกผ้าแดง หรือยามที่เห็นฟู๋อิงกับเขาเดินเคียงกันไปบนถนน
หัวชิงยังคงเงียบไม่เอ่ยปากอยู่นาน
เปลวเพลิงในดวงตาเขาดับไป ใช้ระยะเวลาราวครึ่งก้านธูป
เขามองนางที่อยู่ใกล้ๆ ความรู้สึกเหมือนโคมไฟที่ถูกดับ ค่อยๆ มืดลง
ถึงแม้คิดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิง แต่นางเป็นเพียงศิษย์ของเขาเท่านั้น ถึงจะปันใจไปรักผู้อื่น เขาก็ไม่เหมาะจะพูดอะไร
เขาก็ไม่ได้ขาดศิษย์หญิง
แต่เขาก็ยังคงรับไม่ค่อยได้อยู่ดี “เจ้าชอบเขาได้อย่างไร?”
“เขาก็ดีมาก”
เหลียงชิวฉานหลุดปากพูด พูดจบถึงรู้สึกว่าพูดเร็วเกินไป ถึงแม้หลินเจี้ยนหรูเคยทำร้ายนาง หลอกนาง นางกลับรู้สึกว่าเขาเป็นชายชาตรีมากกว่าหัวชิงนัก
นางชอบความเด็ดขาด ความมั่นคง ความดุดันที่ทำร้ายนางโดยไม่คำนึงถึงผลลัพธ์ใด ถึงแม้ส่วนมากสิ่งเหล่านี้แสดงออกมาเพื่อปฏิบัติต่อนาง หัวชิงก็สู้ไม่ได้เลย เมื่อเทียบหลินเจี้ยนหรูกับเขาแล้ว นางยินดีจะเชื่อมากกว่าว่าหัวชิงเป็นคนไม่ชัดเจน รักพี่เสียดายน้อง แต่หลินเจี้ยนหรูกับมู่จิ่ว…ไม่แน่เรื่องอาจจะไม่เป็นอย่างที่นางคิด
แต่นางไม่เคยพูดวิจารณ์มาก่อน ยิ่งไม่เคยพูดกับหลินเจี้ยนหรู
ดังนั้นคำนี้จึงหลุดออกมา แม้แต่นางเองยังคิดไม่ถึง
“ออ…”
หัวชิงรับคำอย่างงุนงง เขาเป็นเจ้าสำนัก ไม่ค่อยมีโอกาสเจอหลินเจี้ยนหรูเท่าไหร่นัก ตำแหน่งต่างกันมากเกินไป บางครั้งไม่ได้ใส่ใจการมีอยู่ของเขาเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะความสัมพันธ์ของจีหมิ่นจวิน คนในสำนักแรกพยับปฏิบัติต่อเขาอย่างไร หัวชิงกลับรู้ชัดแจ้งดี
เห็นแก่หลินเซี่ย เขาไม่ได้มองหลินเจี้ยนหรูไม่ดี สิ่งที่เขาควรได้รับล้วนได้รับ ดังนั้นเขาก็มีโอกาสคัดตัวไปสวรรค์เช่นเดียวกัน ถึงอย่างไรก็เป็นลูกชายของหลินเซี่ย หากเป็นลูกนอกสมรสของเขาเอง เขาย่อมต้องไม่ดูถูกหลินเจี้ยนหรูแน่ ดังนั้นที่นางพูดว่าเขาก็ดีมาก หัวชิงจึงไม่มีความเห็นอะไร หญิงสาวใจหวั่นไหวแล้ว ย่อมต้องรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นดียิ่ง
“เช่นนั้นเจ้ากลับมาทำไม?” เขาถาม
เหลียงชิวฉานคิดว่าเขาจะโกรธจัด จึงได้แอบเตรียมใจไว้
ตอนนี้เขากลับสงบนิ่ง ถามอย่างอ่อนโยนเช่นนี้ น้ำตาของนางจึงไหลออกมา
ตอนแรกที่นางหลงมัวเมาในตัวเขา เป็นเพราะเขาใจกว้างเช่นนี้หรือ? หากนี่สามารถเรียกว่าใจกว้างได้ละก็
“เขา…”
“เขาทำไม?”
“เขา…”
มือทั้งสองของนางกุมกระโปรงแน่น ทรวงอกสะท้อนขึ้นลง สุดท้ายนางกัดฟันพูด “เขาพรากความบริสุทธิ์ของข้าไป แล้วยังทอดทิ้งข้า!”
………………………………………………