ลู่ยาจับเขากลับมา “เจ้าคิดว่าข้ากลัวหรือ?”
“ข้าไม่สนว่าท่านกลัวหรือไม่ ยังไงข้าก็ไม่รู้! ท่านเป็นถึงเทพแห่งสวรรค์อันสูงส่งยังไม่รู้เรื่องนี้ แล้วมาถามข้าจะได้อะไร? ท่านอยากฆ่าข้าก็พูดมาตรงๆ เลย!”
จื่อจิ้งทนไม่ไหว โวยวายออกไป
มารดามันเถอะ เขาคิดว่าจะสามารถปกปิดเรื่องที่ทำให้จุ่นถีตกใจหนีไปได้ตลอดชีวิตหรือ? ถึงแม้เขาไม่พูด นางจะไม่กลับไปดูเองบ้างเลยหรือ? ตัวเองทำเรื่องแต่กลับมาลงกับจื่อจิ้ง นับเป็นชายชาตรีอะไรกัน!
ลู่ยาจ้องจื่อจิ้งอยู่นาน ก่อนปล่อยเขาลงไป
เพียงสองเท้าแตะพื้นเขาก็วิ่งหายไปไม่เห็นเงา
เรื่องที่ลู่ยาต้องทำช่วงนี้มีมากนัก นอกจากตามหาที่อยู่ของหลิวหยางแล้ว ยังต้องสืบหาภูมิหลังของมู่จิ่วและที่มาของชายชุดเขียว ทางฝั่งสวรรค์ซิวหมีของม่อเหยียนก็ไม่มีข่าวอะไร และชายชุดเขียวก็ไม่ได้โผล่หน้าออกมาอีก ตอนนี้สิ่งที่มั่นใจได้คือคนผู้นี้ไม่เพียงแต่กำลังหมายตามู่จิ่ว แต่ยังมีวิชาอาคมกล้าแกร่งจนไม่อาจประมาณอีก เมื่อดูจากการที่แล้วๆ มาเขายังไม่อาจล่วงรู้ถึงร่องรอยของชายชุดเขียวได้แม้สักนิด อย่างน้อยแสดงว่าความสามารถของชายชุดเขียวย่อมไม่ต่ำไปกว่าเขา
เช่นนั้นในหกภพนี้รวมถึงสวรรค์อันสูงส่ง แท้จริงแล้วมีคนที่แข็งแกร่งกว่าเขาอยู่เท่าไหร่กัน?
เท่าที่รู้มีเพียงหงจวิน หุนคุน และหนี่ว์วาเท่านั้น ตัดหุนคุนกับหนี่ว์วาออกไปก่อน พวกเขายุ่งอยู่กับการทอผ้าปลูกผักอย่างมาก ไหนเลยจะมีเวลามาเล่นซ่อนหากับเขา? ตัดหลิวหยางกับม่อเหยียนที่เหลืออยู่ออกไปด้วย ถึงแม้จะไม่ได้ไปยืนยันกับทงเทียนเจี้ยวจู่ด้วยตัวเอง แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายลูกศิษย์ของตัวเอง ดังนั้นในเบื้องต้นสามารถตัดเขาออกไปได้
สุดท้ายเหลือเพียงหงจวิน…หงจวินหายตัวไร้ร่องรอยไปหลายปี ไม่รู้ว่าไปแห่งหนไหน เขาเข้าเงื่อนไขมากที่สุด แต่เขาเป็นอันดับหนึ่งแล้วในใต้หล้านี้ จะยังไม่พอใจอะไรอีกกัน หรือต้องการก่อเรื่องวุ่นวายเพื่อให้รู้สึกถึงการมีตัวตนของเขา?
เรื่องที่รู้แล้วเหล่านี้ล้วนไม่ค่อยเข้าเค้า แล้วเรื่องที่ยังไม่รู้ล่ะ?
เรื่องที่ยังไม่รู้ก็พูดได้ไม่ชัด
ใต้หล้าอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ไม่มีใครกล้าพูดว่าไร้ผู้ปราบตนได้
เช่นนั้นก็ยิ่งประหลาดนัก ยิ่งไม่สามารถประมาณกำลังได้ ก็ควรห่างให้ไกลเรื่องคาวโลกีย์ เขามีเหตุผลใดถึงต้องวางแผนก่อเรื่องชั่วช้ามากมายขนาดนี้? มีเรื่องสำคัญอันใดที่เขาต้องหลอมวิญญาณของหกภพเพื่อต่อกรด้วย?
ถึงแม้ทุกอย่างจะสงบตั้งแต่กลับมาจากถิ่นทุรกันดารทางเหนือ จนเหมือนข้อสงสัยทั้งหลายล้วนเป็นจินตนาการของเขาเอง แต่เรื่องเหล่านี้กลับก็ยังคงอยู่ เขาไม่อาจไม่ขบคิดได้
มู่จิ่วยังคงมุ่งมั่นกับการคลี่คลายคดีและสะสมบุญกุศล
ถึงแม้แต่ก่อนนางวางเรื่องสะสมบุญกุศลเพื่อสำเร็จเป็นเซียนไว้เป็นอันดับหนึ่งอยู่แล้ว แต่พูดกันอย่างหมดเปลือกก็ยังมีช่วงที่ย่อหย่อนบ้าง อันที่จริงพอจัดการเรื่องจุกจิกมากเข้า เป็นใครก็ต้องรู้สึกชาชินกันบ้าง แต่ตั้งแต่รู้ว่าลู่ยาไม่สบายใจเรื่องชายชุดเขียว รวมทั้งคำพูดของอิ่นเสวี่ยรั่ว ทำให้นางตั้งใจขึ้นมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ช่วงนี้จัดการคดีเล็กมากขึ้น ถึงแม้อาจจะไม่ทั้งหมดที่ปิดคดีได้สมบูรณ์แบบ แต่เพราะความตั้งใจจริงจังของนาง จึงได้รับคำชื่นชมมากมาย หลิวจวิ้นได้รับรายงานไม่หยุด ทั้งหมดล้วนเป็นคำวิจารณ์ต่อหน่วยบัญชาการถิงเว่ย ท่ามกลางคำวิจารณ์เหล่านั้นเป็นคำชื่นชมที่มีต่อมู่จิ่วสักสามส่วน แม้แต่เฉินอิงและหูเหยียนต่างก็ยอมรับ
มู่จิ่วรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง แต่ก็ไม่เหมือนตอนเข้าหน่วยมาใหม่ๆ ที่ได้รับคำชื่นชมก็หวาดกลัวตัวสั่น พอประสบการณ์มากแล้วจึงสงบใจได้บ้างกระมัง
เพิ่งเจออิ่นเสวี่ยรั่วมา ผ่านไปได้ไม่กี่วันก็เจออวี๋เสี่ยวเหลียนบนถนน นางเห็นหน้ามู่จิ่วก็ทำหน้าตึง มู่จิ่วจึงยิ้มๆ ก่อนเดินต่อ
ก่อนนี้รู้สึกว่าวันคืนที่อยู่ร่วมกันกับพวกนางหนักหนานัก ตอนนี้ดูแล้วก็เท่านั้นเอง
วันนี้ไปทำธุระที่วังหลิงเซียวเสร็จกลับมา กำลังจะเลี้ยวเข้าหน่วยบัญชาการ ก็พบเข้ากับคนผู้หนึ่ง ดวงตาคมกริบราวกับมีดมองนางอยู่ใต้ต้นสายน้ำผึ้งที่ทิ้งตัวอยู่เหนือกำแพง
มู่จิ่วชะงัก มองซ้ายมองขวาก่อนมองอีกฝ่าย “เจ้ามาหาข้า?”
คนที่มาคือเหลียงชิวฉาน ประตูที่นางยืนอยู่คือประตูเข้าห้องทำงานของมู่จิ่ว คนที่นางมองอยู่คือมู่จิ่ว รอบตัวก็ไม่มีผู้อื่นอยู่อีก หากนางไม่ได้มาหามู่จิ่วจะมาหาใครได้อีก?
“สิบคืนก่อน เจ้าอยู่กับหลินเจี้ยนหรูใช่หรือไม่!”
คล้อยหลังคำพูด ดวงตาของเหลียงชิวฉานก็มีความโกรธเกรี้ยว
มู่จิ่วนิ่งคิด สิบคืนก่อนเป็นคืนที่นางกับหลินเจี้ยนหรูไปซ่อมแซมจิตต้นกำเนิดของอู่หลานเอ๋อร์พอดี เช่นนี้นางก็อยู่กับเขาจริง แต่นางอยู่กับหลินเจี้ยนหรูหรือไม่ เกี่ยวอะไรกับนางด้วย? หรือตอนนี้เหลียงชิวฉานสนใจแม้กระทั่งหลินเจี้ยนหรูจะไปที่ไหน?
นางขมวดคิ้วพูด “ใช่แล้วทำไม?”
สีหน้าของเหลียงชิวฉานซีดขาวทันใด ความโกรธในดวงตาเพิ่มพูน พลันเงื้อมือมาทางหน้านาง “นังสารเลว!”
มู่จิ่วคว้ามือนางไว้อย่างไม่ต้องสิ้นเปลืองกำลัง ก่อนผลักนางออกไปสี่ห้าฉื่อ “แม่นางเหลียงทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“ในเมื่อเจ้ามีคู่หมั้นอยู่แล้ว ทำไมต้องมายุ่งกับเขา!” เหลียงชิวฉานทั้งอับอายและโมโห อดตะโกนด่าทอนางไม่ได้
มู่จิ่วตะลึงอยู่บ้าง นางยุ่งกับหลินเจี้ยนหรู?
เอาละ ถึงแม้นางยุ่งกับหลินเจี้ยนหรู แล้วเกี่ยวอะไรกับเหลียงชิวฉานด้วยเล่า?
นางขมวดคิ้วมองเหลียงชิวฉานอยู่นาน เมื่อเห็นดวงตาที่แดงก่ำด้วยความโกรธก็พลันกระจ่าง คิดถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “พวกเจ้า? เจ้ากับเขา…”
ความหมายของนางชัดเจนยิ่ง เหลียงชิวฉานต้องมีใจหมายมั่นต่อหลินเจี้ยนหรูถึงจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ หรือพวกเขาสองคนชอบพอกันแล้ว?
เหลียงชิวฉานถลึงตาใส่นาง แต่ไม่ได้พูดอะไร
มู่จิ่วรู้สึกราวกับโดนฟ้าผ่า นางเข้าใจมาตลอดว่าหลินเจี้ยนหรูกับคนสำนักแรกพยับเป็นศัตรูคู่อาฆาต และก็เป็นเช่นนั้นจริงมิใช่หรือ? สำนักแรกพยับเหยียบเขาไว้ใต้เท้ามานานถึงสองร้อยปี อีกทั้งเขายังสังหารหลินเซี่ยและทำให้จีหย่งฟางต้องตาย ยามที่พวกจีหมิ่นจวินปฏิบัติต่อเขาราวกับเขาไม่ใช่มนุษย์ เหลียงชิวฉานก็คงมิได้น้อยหน้าสักเท่าไหร่กระมัง?
แต่ตอนนี้เหลียงชิวฉานกลับมาหามู่จิ่วถึงประตูเพราะโกรธที่หลินเจี้ยนหรูออกไปข้างนอกกับนางยามค่ำคืน ชี้หน้าด่านางว่าเป็นนังสารเลว?
ระหว่างที่นางห่างเหินจากหลินเจี้ยนหรู เกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขากันแน่?!
“พวกเจ้าเริ่มคบหากันตั้งแต่เมื่อไหร่?” ไม่ใช่เพราะอยากจะรู้ แต่ยากจะเชื่อจริงๆ “พวกเจ้าคบกันได้อย่างไร?”
แววตาของเหลียงชิวฉานยิ่งโหดเหี้ยม “ไม่เกี่ยวกับเจ้า!”
พวกเขาคบหากันได้อย่างไร นางจะพูดออกมาได้ที่ไหน!
ไม่ต้องพูดถึงว่ามู่จิ่วจะไม่เชื่อ แม้แต่ตัวนางเองยังไม่เชื่อ…
แต่ก่อนหลินเจี้ยนหรูในสายตานางก็เป็นเพียงขยะ เป็นลูกนอกสมรสที่ต้อยต่ำ เขาถูกคนทุบตีก็ไม่กล้ายื่นมือเข้าช่วย เขาถูกด่าทอก็ไม่กล้าเถียง แม้แต่จีหย่งฟางพี่สาวน้องสาวและศิษย์ที่เพิ่งเข้าสำนักมาใหม่ยังกล้าเหยียบหน้าเขาอย่างไม่เกรงกลัว ส่วนลึกในใจนางดูถูกเขา ในเมื่อเขาไม่รู้จักปกป้องตนเอง นางย่อมไม่ถือสาที่จะเหยียบย่ำเขาร่วมกับคนอื่น
ทว่าแม้เป็นฝันนางก็คิดไม่ถึง เขาจะถึงกับสังหารหลินเซี่ย ทั้งไม่ได้คุกเข่าร้องขอให้ละเว้นยามที่นางไปซักถามถึงหน้าประตู แต่กลับจัดการนางกลับอย่างเยือกเย็น!
ตอนเขาล่วงเกินนาง นางอยากตายไปเสียจริงๆ
ภายหลังเป็นระยะเวลานาน นางยังอยากฆ่าเขาด้วยตนเองแทบตาย!
แต่ทุกครั้งยามนึกถึงความบริสุทธิ์ของนางที่ถูกเขาทำลายไป นางก็เต็มไปด้วยความสับสนตลอดเวลา อย่างไรนางก็ข้ามผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้
……………………………..