หลังจากออกมาจากถ้ำลมหนาว เขาไม่ได้มีท่าทีต่อนางดีขึ้นเลย แต่จะด่าก็ไม่ได้ไล่ก็ไม่ไป เขาไม่ได้อยากให้นางทำเรื่องเหล่านี้แต่แรก ไม่รู้ว่านางจะเกาะติดเช่นนี้ไปเพื่ออะไร!
“แต่เจ้าไม่อาจไม่ระวังจีหมิ่นจวิน! ไม่ว่าเรื่องอะไรนางก็ทำได้!” เหลียงชิวฉานไม่สนใจความเย็นชาของเขา เดินเข้าไปตรงหน้าสองก้าว “เจ้าก็รู้ว่านางอยากฆ่าเจ้ากับมือขนาดไหน ครั้งนี้เจ้ากลับมาอย่างโดดเด่น ทั้งยังได้รับตำแหน่งผู้อาวุโส นางจะยินยอมได้อย่างไร? นางต้องกำจัดเจ้าแน่นอน!”
“นั่นก็เป็นเรื่องของข้า!” เขาไม่อ้อมค้อม โยนแก้วไปไว้บนโต๊ะ
เหลียงชิวฉานชะงัก
เขารินเหล้าดื่ม เหลือบมองดอกไห่ถังที่อยู่ตรงหน้า “ไม่ต้องสนใจข้าอีก ไสหัวไป”
เหลียงชิวฉานตัวสั่น เม้มปากแน่น ก่อนจะจากไปอย่างเงียบงัน
เขาเหลือบมองนางที่เดินหายวับไปเล็กน้อย ยกกาเหล้าขึ้น ดื่มผ่านลงคอไป
เมื่อดื่มหมด แววตามุ่งร้ายก็ปรากฏผ่านไอเหล้า “จีหมิ่นจวิน?…”
มู่จิ่วที่ซ่อนอยู่ในชุดซ่อนเซียนใต้ต้นไห่ถังเห็นภาพนี้เข้าก็อดลูบคางไม่ได้
เมื่อดูเช่นนี้คล้ายกับเป็นนางที่เข้าใจผิดไป การที่เหลียงชิวฉานช่วยเขามาจากความเต็มใจ หลินเจี้ยนหรูได้ให้นางกินยามอมเมาหรือไม่? หรือชายบนโลกนี้ได้ตายจากไปหมดแล้ว?
นางครุ่นคิดถึงคำพูดเมื่อครู่ของเหลียงชิวฉาน ก่อนจะถอยจากไป
จีหมิ่นจวินคิดจะกำจัดหลินเจี้ยนหรู นางควรอยู่ที่ยอดเขาบัวหยกถึงจะดีที่สุด
ทางด้านยอดเขาบัวหยก จีหมิ่นจวินกำลังชี้หน้าด่าศิษย์ผู้หนึ่งอยู่
“ไม่มีโอกาสเลยเช่นนั้นหรือ?!”
ด้านหน้ามีศิษย์ยืนอยู่สามสี่คน แต่ละคนก้มหน้าก้มตา ไม่พูดจาอะไร
สีหน้าของจีหมิ่นจวินเขียวคล้ำ
แต่ไหนแต่ไรนางไม่เคยทำไม่สำเร็จตามใจนึก แต่ก่อนนางคิดว่าหลินเจี้ยนหรูเป็นเพียงสุนัขจนตรอก ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันที่เขาปีนขึ้นไปอยู่เหนือหัวนาง เขากลับกลายเป็นผู้อาวุโสของแรกพยับไปแล้ว ทั้งยังได้รับพลังบำเพ็ญจากลู่ยาเต้าจู่ ตอนนี้ฐานะของเขาสูงกว่านางมากนัก เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ทำไมต้องเป็นหลินเจี้ยนหรู?
หัวชิงผู้นี้หนังเหนียวนัก เขาตาบอดหรืออย่างไร? กลับยกย่องลูกนอกสมรสคนหนึ่งเช่นนี้!
“ไปเฝ้าอยู่ที่ยอดเขาพู่กันแดง หากมีโอกาสให้มาบอกข้า!”
นางคว่ำโต๊ะ เศษแก้วจานล้วนแตกกระจายไปโดนตัวเหล่าศิษย์ พวกเขารีบจากไปทันที
จีเพ่ยฟางที่อยู่ด้านข้างก็ยืนอย่างไม่สงบสุข เมื่อเห็นจีหวิ่นจวินนั่งลงในที่สุด จึงค่อยรวบรวมความกล้าเดินขึ้นไปข้างหน้า รินชาส่งให้นาง “ท่านแม่ได้โปรดระงับโทสะ หลินเจี้ยนหรูผู้นั้นคงผยองอยู่ได้ไม่นาน รอจนเขาร่วงลงมาก่อน ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยกำจัดทิ้ง!”
“ข้าจะรอถึงตอนนั้นได้อย่างไร?” จีหมิ่นจวินกัดฟันพูด “มันต้องฆ่าพ่อของเจ้าแน่ น้องของเจ้าก็ด้วย มันกับหัวชิงไม่ใช่คนดี รอข้ากำจัดมันก่อนค่อยช่วยให้พี่ชายเจ้าขึ้นเป็นเจ้าสำนัก จากนั้นค่อยกำจัดหัวชิง!”
จีเพ่ยฟางกุมมือทั้งสอง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
หัวชิงคือเจ้าสำนัก และใกล้จะถึงขั้นจินเซียนแล้ว คิดจะกำจัดเขามันง่ายเสียทีไหน?
แต่นางก็ไม่ควรไปดับฝันจีหมิ่นจวินในตอนนี้ เพราะนางเองก็อยากเป็นน้องสาวเจ้าสำนัก!
“เจ้าคนแซ่กัวนั่นก็ไร้ประโยชน์! ขึ้นมาแรกพยับตั้งนานแล้วยังไม่เห็นจะได้เรื่องอะไรเลย! ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมทัพทหารสวรรค์ต้องส่งนางมา!” จีหมิ่นจวินเดินไปเดินมาอย่างโมโหเดือดดาล ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะโทสะ
จีเพ่ยฟางเห็นนางเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกกลัวอยู่บ้าง มู่จิ่วเป็นเจ้าหน้าที่สวรรค์ นางด่าทอเช่นนี้ หากให้คนมาได้ยินเข้า มิใช่จะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรือ? ดังนั้นจึงรีบเอ่ยปราม “ดึกแล้ว ท่านแม่กลับห้องไปพักผ่อนก่อนเถิด”
“เจ้าไปก่อนเถอะ!” จีหมิ่นจวินโบกมืออย่างรำคาญ
จีเพ่ยฟางพยักหน้าแล้วถอยออกไป
เมื่อเห็นนางเดินออกไปแล้ว จีหมิ่นจวินยังพึมพำกับตัวเองร่วมครึ่งชั่วยาม ถอนหายใจก่อนเดินไปทางเรือนด้านหลัง
ทั้งยอดเขาบัวหยกล้วนเป็นที่ของนาง แต่ก่อนยังมีหลินเซี่ยอยู่ด้วยคนหนึ่ง หลังจากเขาตายก็ไม่มีใครแบ่งอำนาจกับนางอีกแล้ว
ตรงเรือนด้านหน้าประตูทางเข้ารวมถึงห้องทั้งสองฟากถนนล้วนเป็นที่พักของเหล่าศิษย์ ส่วนเรือนด้านหลังเป็นที่พักของนาง หลินเซี่ย และเหล่าลูกสาวลูกชาย นางก้าวเข้าประตูไปยังเรือนหลัก ปิดประตู จากนั้นค้อมตัวลงล้างหน้าที่อ่างหยกขนาดสองฉื่อซึ่งติดไว้ตรงผนังข้างหนึ่ง ในอ่างหยกมีน้ำพุธรรมชาติไหลวนอยู่ โดยไหลมาจากน้ำตามธรรมชาติบนภูเขา น้ำเย็นฉ่ำทำให้โทสะในใจนางหายไปบ้าง
จีหมิ่นจวินล้างเครื่องชาดบนใบหน้าตรงโต๊ะเครื่องแป้ง กระจกสะท้อนภาพห้องอันกว้างขวางด้านหลังนาง แสดงให้เห็นถึงความว่างเปล่าหลายส่วน
ตั้งแต่หลินเซี่ยตายไป นางรู้สึกว่างเปล่าอยู่บางครั้ง
นางไม่ได้รักเขามากนัก ถึงแม้จะรัก แต่หลังผ่านการหักหลังในแต่ละครั้ง ความรักนั้นก็หายไปจนหมด ดังนั้นหลังจากเขาตายไปได้นานระยะหนึ่ง นางก็เริ่มไม่รู้สึกว่าตนที่เป็นภรรยาเขาควรจะเจ็บปวด แต่ช่วงนี้นางพลันรู้สึกว่าห้องนี้กว้างใหญ่เกินไปหน่อย
แม้ปกติหลินเซี่ยจะทำตัวเสเพลข้างนอก แต่ก็ไม่ถึงกับกินในสำนัก ยิ่งไปกว่านั้นยังติดที่นางเป็นผู้สนับสนุนอันแข็งแกร่งอยู่ข้างหลัง เขาจึงไม่อาจไม่เคารพนอบน้อมต่อหน้านางได้ และต้องยอมรับว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการเอาใจสตรี เขารู้ว่าพวกนางชอบฟังอะไร ชอบดูอะไร และต้องการอะไร
เขาจะยิ่งเก่งกาจในด้านนี้ขึ้นยามที่นางโกรธ และสุดท้ายนางก็ต้องดับไฟโทสะเป็นฝ่ายปราชัยไป เป็นแบบนี้มากเข้า จนนางเริ่มแยกไม่ออกว่ากำลังโกรธ หรือใช้ความโกรธบังหน้าเพื่อเรียกร้องให้เขาเอาอกเอาใจกันแน่
เช่นวันนี้ที่นางโกรธกริ้วมาก เขาต้องคอยทำตัวอ่อนน้อมอยู่กับนาง สรรหาวิธีมาปลอบประโลม ปกติไม่รู้สึกอะไร ตอนนี้กลับรู้ถึงความแตกต่าง
บางทีอาจจะเพราะนางอายุเท่านี้แล้ว จึงค่อยรู้สึกถึงความสำคัญของผู้ชาย
นางมองกระจกพลางลูบใบหน้า เอียงหน้ามองตนเองในกระจก ผิวหน้าไม่เรียบตึงเช่นตอนยังสาวอีกแล้ว ที่หางตามีริ้วรอยบางส่วน แต่ก็ยังไม่นับว่าแก่
หากหลินเซี่ยยังอยู่ก็คงดี…
ทำไมเขาถึงตายแล้วเล่า?!
…ต้องเป็นหลินเจี้ยนหรูฆ่าแน่นอน! จีหย่งฟางไม่ฆ่าหลินเซี่ยแน่ มีเพียงหลินเจี้ยนหรูเท่านั้นที่ทำได้!
นางพลันยืนขึ้นมา จากนั้นเดินเร็วๆ ไปยังผนังทางทิศเหนือ เปิดตู้ที่ฝังในกำแพงออก แล้วหยิบหยกขนาดเท่าปากชามออกมา!
นางต้องกำจัดสัตว์เดรัจฉานนั่น และทำให้จีเทียนอวี้กลายเป็นเจ้าสำนักให้ได้ ถึงแม้จะเป็นการฉีกหน้าทั้งสำนักแรกพยับก็ตาม!
“ปัง!”
เสียงที่ดังเข้ามาจากทางหน้าต่างทำให้นางตกใจ จีหมิ่นจวินได้สติกลับคืนมา เมื่อหันหน้าไปมองก็เห็นเพียงหน้าต่างที่ถูกปิดไว้ แต่ด้านในกลับมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่!
“หลินเจี้ยนหรู!”
ใจของนางสั่นสะท้าน ยืนขึ้นมาทันที
หลินเจี้ยนหรูยังคงเหมือนหลินเจี้ยนหรูที่อยู่ที่สวนคนเดิม อาจจะดูเย็นชามากขึ้น ร่างของเขาสูงใหญ่ เสื้อนอกตัวใหญ่คลุมอยู่บนร่าง กำลังยืนอยู่ในเงามืด ดวงตาไม่แสดงออกถึงอารมณ์ ท่ามกลางแสงเทียนสลัวที่จุดไว้เพียงสามเล่ม มองไปแล้วเหมือนสัตว์ร้ายที่พร้อมโจมตี
“เจ้ามาทำอะไร?!” จีหมิ่นจวินมีลางสังหรณ์ไม่ดี แต่ไหนแต่ไรนางไม่เคยหวาดกลัวเจ้าเด็กนอกสมรสนี่มาก่อน และก็ไม่เคยกลัวที่จะให้เขารู้ถึงความเกลียดชังที่นางมีต่อเขา แต่ตอนนี้นางกลับหวาดกลัวอยู่บ้าง บางทีอาจจะเพราะเขามาโดยไม่ทันตั้งตัว หรือบางทีอาจเป็นเพราะเขาในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
……………………………………..