เขากับนางต่างก็มีชีวิตยืนยาวเช่นเดียวกัน กลางคืนในคลื่นจิตพสุธาค่อนข้างยาวนาน นางล้างมือทำน้ำแกงให้เขาตามตำรา
ลู่ยาชอบกินปลา นางจึงสวมหมวกสานใบน้อย ถือเก้าอี้ตัวเล็ก หาบชะลอมไปในแม่น้ำใกล้ๆ แล้วตกปลาให้เขา ไม่เคยมีใครสอนนางตกปลา สร้างเครื่องมืออย่างไร ก็เป็นตัวนางเองที่คิดออกมา รวมถึงเหยื่อสำหรับตกปลาด้วย และชะลอมที่เอาไปนางก็สานขึ้นมาจากไม้ไผ่ด้วยตัวเอง
ลู่จีทำสิ่งเหล่านี้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
เขาเฝ้าชะลอมให้นาง โยนรำข้าวลงไป เด็ดดอกไม้ค่อยๆ ปักลงบนหมวกสานของนาง ลู่จีหยิบชะลอมมาด้วย นางเรียนรู้ที่จะนั่งอยู่ริมน้ำเลียนแบบเจียงจื่อยา[1] หรี่ตาราวกับแมว บอกว่าชอบวันคืนที่เรียบง่ายเช่นนี้
แน่นอนว่าเขาก็พานางออกไปเดินเล่นบ้าง ระหว่างทางเจอคนที่รู้จักเขา คนเหล่านั้นมักจะคุกเข่าทำความเคารพ นางก็มักจะมองเขาอย่างเทิดทูนในทุกการกระทำ ราวกับเป็นผู้ติดตามผู้ซื่อสัตย์ อีกทั้งตนเองก็ไม่ใช่เทพหญิงที่ได้รับการเคารพจากหกภพด้วย
หลังจากกลับมานางก็วาดภาพเขาแขวนไว้บนผนัง
ลู่ยาในภาพนั้นรูปร่างอ้อนแอ้น สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ นี่คือเขาในสายตานาง
ในสายตานาง ทุกส่วนของเขาล้วนไร้ข้อตำหนิ สิ่งเดียวที่ทำให้นางบ่นได้คงเป็นเรื่องที่เขาไม่ให้นางเดินถนนด้วยเท้าเปล่า ไม่ยอมให้นอนมองดาวกลางแจ้ง ทั้งยังไม่ยอมให้อ่านหนังสือภาพของผู้ใหญ่
เรื่องอื่นก็แล้วไปเถอะ แต่เขาคิดว่านางไม่จำเป็นต้องอ่านหนังสือภาพเหล่านี้
“ข้าคิดว่าฝีมือของข้าดีพอแล้ว อย่างน้อยทุกครั้งเจ้าก็ทนไม่ไหวจนต้องกัดข้าทุกที”
ทุกครั้งยามที่เปลี่ยนใจนางไม่ได้ เขาก็มักจะกุมหน้าผากพูดเช่นนี้ บนแขนและไหล่ของเขามีรอยฟันของนางเต็มไปหมด เขาไม่เคยคิดจะลบมันออกไป เพราะลบออกก็มีใหม่อยู่ดี จึงไม่คิดสนใจเรื่องเสียเวลาเหล่านี้ ที่แท้เขาก็ฉลาดเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องพรรค์นี้ยิ่งไม่จำเป็นต้องมีอาจารย์สอน และนางก็ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมอีก
“แต่ข้าเห็นเจ้าแอบอ่าน” นางชี้ไปที่ใต้เตียงฝั่งเขาพลางเอ่ย
ใต้เตียงนั้นคือใบไม้ทองบันทึกวิชายั่วยวนที่จิ้งจอกเงินให้เขามา
ลู่ยาหน้าแดง ไม่พูดกับนางทั้งวัน
ยามค่ำคืนยังคงร้อนแรงเหมือนเดิม
หลังเสร็จกิจนางก็เขยิบเข้าไปใกล้ อ่อนโยนอบอุ่น ริมฝีปากทั้งคู่แนบอยู่กับริมหูเขา จุมพิตไล่จากปลายหูไปยังจอนผม จากจอนผมไปยังเส้นผม พึมพำอยู่ตรงเรือนผมเขา “อาลู่ อาลู่ ข้าจะไม่เป็นภรรยาเจ้า ข้าจะอยู่กับเจ้าเช่นนี้ ไม่ต้องการฐานะใด ดีหรือไม่?” นางยื่นแขนไปโอบ ร่างกายอันอ่อนนุ่มกอดรัดเขาไว้ด้วยสัญชาตญาณดั้งเดิม
เสียงของลู่จีเบาจนมีเพียงเขาที่ได้ยิน น้ำเสียงอันเจียมเนื้อเจียมตัวนั้นทำให้ใจเขาสั่น
ที่แท้นางยังฝังใจกับเรื่องนี้ แต่เขาเคยบอกให้นางละทิ้งเรื่องฐานะตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
นางมองตนเองเป็นอะไรไปแล้ว?
ลู่ยานึกโมโห พลิกตัวไปทันที เปลี่ยนวิธีมัวเมานางด้วยรสพิศวาสครั้งแล้วครั้งเล่า
เช้าวันถัดมาเขาตื่นก่อนนาง ปล่อยนางที่หลับลึกไว้ แล้วกลับไปยังสวรรค์อันสูงส่ง
“ข้าอยากแต่งงาน” เขาบอกหนี่ว์วากับหุนคุน “ไม่ได้มาเพื่อขออนุญาตกับพวกท่าน แต่เพื่อมาบอกกล่าวสักหน่อยเท่านั้น”
ทั้งหุนคุนและหนี่ว์วาต่างก็มองเขาโดยไม่เอ่ยอะไร
“ข้าหมายถึงตอนนี้ ทันที กับลู่จี” น้ำเสียงเขากระตือรือร้นนัก ประหนึ่งทหารที่ชนะศึกกลับมา
นานนักกว่าหนี่ว์วาจะถอนหายใจยาว แล้วเอ่ยว่า “หากต้องการเช่นนั้นจริง ก็มิใช่ว่าไม่ได้ แต่เจ้าไม่อาจอยู่กับนางฉันท์สามีภรรยาได้นานหรอก”
“หมายความว่าอย่างไร?” ลู่ยาไม่พอใจ
“หมายความว่า พวกเราก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่ลู่จีแต่งกับเจ้าแล้วจะมีชีวิตยืนยาวได้เท่าไหร่”
หุนคุนถลกแขนเสื้อขึ้นพูด “การมาจุติของนางไม่ใช่เรื่องบังเอิญ”
“ก่อนที่อาจารย์จะคืนสู่ธรรมชาติข้า กับศิษย์พี่ใหญ่ได้ไปที่คลื่นจิตพสุธากับท่านเป็นครั้งสุดท้าย ตอนนั้นพบว่าพลังร้ายในคลื่นจิตพสุธาถูกขมวดรวมไว้จำนวนมาก ทั้งยังแข็งแกร่งยิ่งนัก อาจารย์คาดการณ์ว่าต่อไปพลังที่ไม่บริสุทธิ์นี้จะกลายเป็นรูปร่าง พลังร้ายในคลื่นจิตพสุธานี้คือพลังปราณอัปมงคลทั้งหมดในจักรวาล หากมันเล็ดลอดออกไป หกวิญญาณที่อยู่ในวังวิญญาณเทพก็ไม่แน่ว่าจะรับมือไหว”
“แต่เพียงแค่ทำลายพลังชั่วร้ายนั้นไป คลื่นจิตพสุธาก็จะสงบไปอีกยาวนาน”
“ดังนั้นอาจารย์จึงใช้ผังแปดทิศเป็นแกนกลางขับเคลื่อนพลังของหกวิญญาณ ทำให้กำเนิดวิญญาณที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าหกวิญญาณออกมา นางมีพลังของหกวิญญาณรวมกัน ทั้งยังมีฤทธิ์อาคมของอาจารย์เพิ่มเข้าไปอีก จึงมีความสามารถในการควบคุมหกวิญญาณและผนึกฟ้าดิน เป็นเทพหญิงจากฟ้าที่แท้จริง แต่นางเกิดมาก็เพราะพลังชั่วร้ายของคลื่นจิตพสุธา การสะกดพลังนั้นเป็นลิขิตชะตาของนาง ไม่มีวาสนาต่อเจ้ามาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
ราวกับมีเสียงสายฟ้าฟาดลงมาที่ริมหู ใจของลู่ยาสั่นสะท้าน
“พวกท่านพูดความจริงหรือ?”
“ไม่ผิด” หนี่ว์วาถอนหายใจ
ลู่ยาลุกขึ้นมาทันที ทั้งใบหน้าบิดเบี้ยว “หมายความว่านางเป็นเพียงเครื่องสังเวยที่พวกท่านกับอาจารย์สร้างขึ้นมาเท่านั้น?!”
หุนคุนและหนี่ว์วาสบตากัน ไม่เอ่ยคำใด
หุนคุนพูด “พวกเราก็ไม่คิดว่าเจ้ากับนางจะ…”
“หุบปาก!” ลู่ยาระเบิดอารมณ์ “นางคือเทพหญิงของวิญญาณทั้งหกแห่งวังเทพ! เป็นจิตวิญญาณของฟ้าดินที่ได้รับการเคารพเทิดทูนจากหกภพ! ฐานะของนางไม่ได้ต้อยต่ำกว่าข้าเลย นางจะกลายเป็นเครื่องมือที่พวกท่านใช้ต่อกรกับพลังร้ายในคลื่นจิตพสุธาได้อย่างไร! หรือการปกป้องวิถีฟ้าของพวกเรา คือการให้เด็กสาวที่อ่อนแอไปสละชีพแทน?!”
หนี่ว์วาถอนหายใจ เงยหน้าขึ้นหลังจากผ่านไปนาน “ข้าก็รู้สึกว่าทำเช่นนี้ไม่ถูกนัก ไม่ว่านางจะเกิดมาเพราะอะไร ชีวิตของนางย่อมมีค่ามากกว่าการเสียสละตนเองเพื่อต้านพลังร้ายในคลื่นจิตพสุธา ดังนั้นข้าจึงได้ไปหาศิษย์พี่ใหญ่เพื่อครุ่นคิดวิธีการอื่น ศิษย์พี่ใหญ่บอกข้าว่า หากต้องการจะปกป้องนางให้ไร้ภัย เจ้าไม่อาจแต่งงานกับนางได้ และเมื่อครู่ข้าเพิ่งได้ข่าวมา…”
“เกี่ยวอะไรกับการแต่งงานของพวกเราด้วยเล่า!” เขากระทืบเท้าครั้งเดียว เก้าอี้หยกขาวในวังจิตกระจ่างก็ถึงกลับพลิกคว่ำ
“นางเกิดมาเพราะพลังร้ายในคลื่นจิตพสุธา ชะตาชีวิตของนางไม่มีเจ้า หากเจ้ากับนางแต่งงานกัน ชะตาชีวิตของนางจะวุ่นวายแน่ พลังชั่วร้ายในคลื่นจิตพสุธาจะยิ่งทำให้เกิดเรื่องยุ่งยากออกมามากขึ้น ถึงตอนนั้นลู่จีต้องสละชีวิตควบคุมมัน หากเจ้าเลือกวางมือ อย่างน้อยนางก็จะปลอดภัย”
“ท่านหมายความว่าการที่ข้าอยู่กับนางเป็นการทำร้ายนาง?” เสียงของลู่ยาสั่นเครือ “นอกจากให้นางสละชีพเพื่อต่อกรกับพลังร้ายร้ายในคลื่นจิตพสุธา พวกเราไม่มีวิธีอื่นเลยหรือ?”
เสียงของหนี่ว์วาจริงจังขึ้น “มีวิธีอยู่ แต่การที่ท่านอาจารย์ทำให้หกวิญญาณสร้างนางขึ้นมา แต่เดิมก็เพื่อต่อกรกับพลังร้ายในคลื่นจิตพสุธา หน้าที่ของนางคือการปกป้องคลื่นจิตพสุธาเอาไว้ ถึงแม้พวกเราจะจัดการได้ แต่หากนางเลือกเจ้าก็อาจได้รับโทษจากฟ้า ดับสูญไปพร้อมกับพลังร้ายในคลื่นจิตพสุธา นอกจากว่านางจะกำจัดพลังอัปมงคลนั่นได้ในที่สุด ถึงค่อยสามารถอยู่กับเจ้าได้”
ลู่ยายืนนิ่งอยู่ที่เดิม ไม่ขยับแม้แต่น้อย เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงมา ราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะเผชิญหน้ากับทางเลือกเช่นนี้
ทำลายพลังร้ายในคลื่นจิตพสุธา? พูดอย่างกับง่าย
พลังชั่วร้ายในคลื่นจิตพสุธาเป็นถึงพลังปราณอัปมงคลทั้งหมดบนฟ้าดินนี้ ถึงแม้นางจะเกิดมาจากหกวิญญาณ แต่พื้นฐานยังอ่อนนัก เพิ่งมาเกิดได้ไม่กี่ร้อยปี นางจะเอาตัวรอดหลังจากที่ทำลายพลังชั่วร้ายในคลื่นจิตพสุธาได้อย่างไร? กระทั่งพวกหนี่ว์วาเองก็ไม่แน่ว่าจะทำได้!
ลู่ยาก็ไม่เคยคิดเลย การที่เขาเพียงแค่อยากอยู่กับคนรักไปจนแก่เฒ่า ก็เป็นเรื่องที่ไม่อาจเป็นจริงได้
“เช่นนั้นพวกเราจะไม่แต่งงาน แล้วอยู่ด้วยกันไปเช่นนี้?” ลำคอของเขาแห้งผาก ดวงตาที่มองพวกเขาทั้งสองก็แห้งเล็กน้อย
“จะแตกต่างอะไร?” หุนคุนโบกมือ “อย่างไรตอนนี้เจ้าก็มีเพียงสองทางเลือก ทางแรกคือเผชิญหน้ากับความจริงแล้วตัดสัมพันธ์รักครั้งนี้เสีย เช่นนี้นางก็จะอยู่อย่างปลอดภัย อีกทางคือหากแยกจากไม่ได้ก็อยู่ด้วยกันต่อไป แต่ถ้าเลือกทางนี้ก็เท่ากับรอให้นางดับสูญไปพร้อมกับพลังร้ายในคลื่นจิตพสุธา”
………………