หลายวันนี้พาอาฝูเดินเล่นอยู่บนเขาของแรกพยับ ถึงอย่างไรก็ไม่มีคนว่าอะไรนาง
ช่วงเช้าเดินดูภูเขารอบๆ และถามเรื่องเก่าของจีหมิ่นจวินกับหลินเซี่ยสักหน่อย จากนั้นก็มาถึงยอดเขาหยก
บนยอดเขานี้ไม่มีคนอาศัยอยู่ เป็นสถานที่ที่ศิษย์ชั้นผู้น้อยของแรกพยับมาฝึกปรือวิชากัน ทางด้านตะวันตกมีป่าท้ออยู่ ที่นั่นสงบยิ่งนัก
มู่จิ่วเดินไปทางหนึ่ง พบว่าด้านหน้ามีเงาคนเคลื่อนไหวอยู่จึงหยุดดู เป็นเหลียงชิวฉานกับศิษย์หญิงข้างกายหัวชิงหลายคน ไม่รู้พวกนางมาจากไหน มือหนึ่งถือตะกร้า พูดคุยหัวเราะ ดูแล้วมีชีวิตชีวายิ่งนัก
มู่จิ่วไม่คิดจะเจอหน้าพวกนาง จึงเดินเลี่ยงไปอีกทาง เลือกเอนกายลงบนพื้นหญ้าทางที่หันไปหาแสงอาทิตย์
แต่เสียงหัวเราะของเหล่าแม่นางกลับใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
พื้นหญ้ามีถนนเล็กๆ เส้นหนึ่ง เป็นทางที่มุ่งหน้าลงจากเขา
เหลียงชิวฉานและเหล่าศิษย์หญิงเดินมาถึงทางลาด ก็หยุดเท้าแล้วเอ่ย “ข้าจะไปดูว่ามีหน่อไม้สดหรือไม่ อาจารย์ชอบกินผัดหน่อไม้สด” ก่อนกล่าวอีก “ฝออิง เจ้าตามข้าไปด้วย”
หญิงสาวที่ชื่อว่าฝออิงมีดวงตางดงามมาก หากไม่ทันระวังอาจตกหลุมรักได้โดยง่าย นางมองส่งเหล่าศิษย์พี่น้องไปไกล จากนั้นค่อยตามเหลียงชิวฉานไปทางด้านตะวันออก
เหลียงชิวฉานเดินมาหยุดอยู่ที่ต้นหงเฟิง (เมเปิ้ลแดง) ซึ่งบานออกเหมือนเป็นร่มขนาดใหญ่
ฝออิงที่ตามมาด้านหลังคิดไม่ถึงว่านางจะหยุดเดินกะทันหัน รีบหยุดเท้าทั้งยังชะงักไป
“ศิษย์พี่ฉาน…” เสียงของนางพลันติดขัดเล็กน้อย
มู่จิ่วได้ยินเสียง คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย ก่อนจะแหวกพงหญ้าตรงหน้าออก
เหลียงชิวฉานหันกลับมามองฝออิง ตาทั้งสองราวกับมีดที่แทงเข้าไปในดวงตานาง “ข้าไม่อยู่บนเขาไม่กี่วัน เรื่องในห้องของอาจารย์ต้องรบกวนเจ้าไม่น้อยเลยนี่?”
ฝออิงหน้าถอดสี แววตาไหวระริก “ศิษย์พี่ใหญ่ เรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร?”
เหลียงชิวฉานยกมุมปาก ดึงปิ่นออกมาจากผมของนางก่อนเอ่ย “ข้ารู้สึกว่าอาจารย์ปฏิบัติต่อเจ้าดียิ่งนัก ผีเสื้อตัวนี้ เป็นเขาให้เจ้าใช่หรือไม่?”
สีหน้าของฝออิงพลันเปลี่ยนไป แววตาปรากฏความหวาดกลัว
เหลียงชิวฉานเดินเข้าไปใกล้ พูดช้าๆ ว่า “เจ้ากลัวอะไร ข้าไม่ได้ห้ามเจ้าปีนขึ้นเตียงเขาเสียหน่อย”
สีหน้าซีดขาวของฝออิงพลันแดงเถือก “ศิษย์พี่ นี่ท่าน…”
“หากข้าคิดจะจัดการเจ้า ไม่จำเป็นต้องรอจนถึงตอนนี้” เหลียงชิวฉานปักปิ่นผีเสื้อกลับไปบนผมนาง
“ศิษย์พี่ต้องการสั่งอะไรก็พูดมาเถิด!” ฝออิงคุกเข่าลงกับพื้นทันใด พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในเมื่อเป็นหญิงที่กล้าแย่งผู้ชายคนเดียวกับศิษย์พี่ แน่นอนว่าต้องเข้าใจโลกมากกว่าคนทั่วไปสักหน่อย ถึงแม้หัวชิงจะใจโลเล แต่เหลียงชิวฉานอยู่กับเขามานานหลายปีขนาดนั้น น้ำหนักของนางในใจเขาย่อมมากกว่าคนอื่น
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” เหลียงชิวฉานเดินเข้าไป “ข้าเพียงถามเจ้าเท่านั้น ตอนที่ข้าไม่อยู่บนเขา จีหมิ่นจวินได้มาพูดอะไรกับอาจารย์หรือไม่? โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับหลินเจี้ยนหรู?”
ฝออิงคิดอยู่นาน ก่อนพยักหน้าเอ่ย “มีเจ้าค่ะ! หลังจากที่อาจารย์อาสี่ตายไปไม่นาน อาจารย์อาจีมาหาอาจารย์เจ้าสำนัก ต้องการส่งศิษย์พี่หลินออกจากสำนักไปเฝ้าหลุมศพอาจารย์อาสี่ บอกว่าอาจารย์อาสี่ตายแล้ว ศิษย์พี่หลินติดค้างพวกเขามาก และพอดีกับที่ขาดคนเฝ้าหลุมศพ ให้เขาไปจะเหมาะสมที่สุด แต่ท่านอาจารย์ไม่รับปาก”
ศิษย์ที่ฝึกบำเพ็ญวิถีเซียนล้วนทุ่มเต็มที่เพื่อเลื่อนขั้นเป็นเซียนกันทั้งนั้น หากให้หลินเจี้ยนหรูไปเฝ้าหลุมศพ ก็คือการทำลายเขาแล้ว มีสำนักไหนบ้างที่ส่งศิษย์ไปเฝ้าหลุมศพ? นอกจากจะกระทำผิดร้ายแรงมาก หัวชิงที่เป็นเจ้าสำนักไม่รับปากก็นับว่ามีเหตุผล
สีหน้าของเหลียงชิวฉานเย็นชา ก่อนถามอีกว่า “ยังมีอะไรอีก?”
ฝออิงรวบรวมสมาธิ แล้วเอ่ยต่อ “ไม่ได้พูดอะไรกับอาจารย์อีกเจ้าค่ะ อันที่จริงอาจารย์ก็ไม่ได้ชอบนาง แต่ข้าได้ยินว่าหลังจากที่หลินเจี้ยนหรูกลับเขามาครั้งนี้ อาจารย์อาจีโกรธยิ่งนัก ไม่กี่วันก่อนหน้านี้นางส่งคนไปอาณาจักรจื่อจิวเพื่อยืมของวิเศษสลายวิญญาณ”
“นางยืมมาทำอะไร?” แววตาของเหลียงชิวฉานเย็นชา
“ข้าก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้นางขัดหูขัดตาหลินเจี้ยนหรูเป็นที่สุด เกรงว่าอยากจะทำร้ายเขาก็เป็นได้?” ฝออิงมองนางอย่างระแวดระวัง
เหลียงชิวฉานตกตะลึงอยู่บ้าง เอาสองนิ้วจิ้มอกนาง “ให้เวลาเจ้าครึ่งวัน สืบเรื่องราวของนางมาให้ข้าจนกระจ่าง!”
“รับคำสั่งเจ้าค่ะ!” ฝออิงกุลีกุจอพยักหน้า
เหลียงชิวฉานชักมือกลับมา มองฝงอิงพลางปัดๆ เสื้อให้ จากนั้นปล่อยนางไป
ฝออิงวิ่งโงนเงนลงจากเขา เหลียงชิวฉานมองตามแผ่นหลังของนางอยู่นาน ถึงค่อยหันหลังเดินมุ่งเข้าไปในป่าไผ่
มู่จิ่วละสายตากลับมาเมื่อนางลับสายตาไปแล้ว…หรือเหลียงชิวฉานกำลังช่วยหลินเจี้ยนหรู?
ถึงแม้รู้ว่าเหลียงชิวฉานหวั่นไหวกับเขาไม่น้อย แต่คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่กระบี่นั้นแทงไหล่เขาไปแล้ว นางจะยังไม่เปลี่ยนใจไปไหน ดูแล้วนางคงปักใจกับหลินเจี้ยนหรู แต่หลินเจี้ยนหรูคิดยังไงกับนาง?
แรกพยับมียอดเขามาก ทั้งยังเป็นยอดเขาประหลาดทั้งนั้น
พระอาทิตย์ตกดิน ทำให้เงาของยอดเขาที่ทอดลงมาทับซ้อนกัน ทิวทัศน์ยิ่งงดงามนัก
ยอดเขาพู่กันแดงอยู่ทางเหนือของยอดเขาขลุ่ยหยก ตอนนี้สร้างเรือนไว้ให้หลินเจี้ยนหรู แม้ยอดเขาจะไม่ใหญ่ แต่ก็ไม่ทำให้หัวเสินคนหนึ่งเสียหน้าแน่
หลินเจี้ยนหรูนั่งพิงรั้วดื่มชาอยู่ในศาลา เขากลับมาจากสววรรค์ได้ครึ่งเดือนแล้ว หัวชิงไปบอกกล่าวเพื่อให้เขากลับมาช่วยเรื่องเจ้าสำนักคนใหม่ เขาไม่รู้ว่าหัวชิงทำได้อย่างไร และก็ไม่สนใจด้วย ด้วยอำนาจที่เขามีอยู่ตอนนี้ ถึงแม้จะถูกขับออกจากค่ายทหารสวรรค์ก็ไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรเขาก็เป็นเซียนไม่ได้แล้ว
ชายชุดเขียวบอกว่าสุดท้ายเขาก็ต้องยอมรับความจริงว่าเป็นเซียนไม่ได้ เดิมทีเขาไม่เชื่อ แต่ตอนนี้กลับไม่เชื่อไม่ได้แล้ว
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร
เพราะเขาพบว่าชีวิตแบบนี้สุขสบายกว่ากดดันตัวเองให้เป็นคนดีเยอะนัก!
อย่างเช่นตอนนี้ ศิษย์ในสำนักทั้งหมด เขาอยากใช้ใครเขาก็ใช้ อยากจะกลั่นแกล้งใครก็ทำ เขาเพียงขยับมือชี้นิ้ว หูเจียงเต๋อก็จะไปทำแทนเขา เหล่าศิษย์พี่น้องแห่งยอดเขาบัวหยกที่เคยเยาะเย้ยกัน ตอนนี้ก็มีคนหนึ่งกำลังหมอบทำตัวเป็นโต๊ะชามนุษย์ให้เขา
หลินเจี้ยนหรูไม่กลัวคนเหล่านี้ไปฟ้อง สิ่งที่เขามีคือวิธีการฆ่าพวกเขา ที่สำคัญคือเขาจะไม่ทิ้งร่องรอยไว้ให้จับได้
ถูกรังแกมาหลายปีเพียงนั้น ทุกความเจ็บปวด ใจเขาจะคอยแอบวางแผนเอาคืนทีหลัง จินตนาการว่าตนเองได้เหยียบพวกนั้นไว้ใต้เท้า เพราะการทำแบบนี้ถึงจะทำให้จิตใจสงบขึ้นหน่อย ทำให้เขามีความหวังยืนหยัดต่อไป
ถึงแม้เขาไม่เคยคิดจะฆ่า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่แค้น
“เจี้ยนหรู!”
เหลียงชิวฉานรีบร้อนเดินเข้ามา
สีหน้าเขาทะมึนเล็กน้อย ยื่นเท้าหนึ่งไปเตะคนที่หมอบอยู่ตรงหน้า มองคนผู้นั้นกลิ้งหลุนๆ ลงบันได ลุกขึ้นวิ่งออกจากประตูไป ถึงค่อยส่งพลังไปลบรอยแผลบนตัวเขา ก่อนเก็บสายตากลับมา
เหลียงชิวฉานมองเขาเงียบๆ รอจนคนผู้นั้นไปแล้วถึงได้เดินไปข้างเขา “ข้าได้ยินข่าวบางอย่างมา จีหมิ่นจวินยืมของวิเศษสลายวิญญาณมาจากอาณาจักรจื่อจิว อาจจะนำมาเพื่อต่อกรกับเจ้า”
“ข้าไม่เคยสั่งให้เจ้าทำเรื่องเหล่านี้”
หลินเจี้ยนหรูไม่มองนาง แต่กลับสัมผัสกลีบดอกไม้ ใช้มันเป็นมีดสังหารนกที่ร้องไม่หยุดตรงคาน
…………………………………..