ตอนที่4 สบาย
เซี่ยผิงรู้สึกถึงความเร่งรีบลึกเข้าไปอีก เสียงครางอยู่ในลำคอ แทบจะกลืนกินสิ่งที่เข้ามาในปาก และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา ของเหลวสีขาวก็ปรากฏตรงริมฝีปากของเธอ
“ลูกวัวอย่างเธอก็เก่งไม่เบาเหมือนกันนี่” เซี่ยผิงที่นั่งหายใจหอเอ้อหนิวู่บนเตียงเอ่ยขึ้น
และเมื่อส่งเซี่ยผิงกลับแล้วนั้น หลังจากที่หลินหยางอาบน้ำเสร็จ เขาก็มานั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียง
เวลานี้เขารู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย คืนนี้เขาได้ทำลายความบริสุทธิ์ของตัวเอง และทำในสิ่งที่หญิงชายทั่วไปปฏิบัติกัน ในส่วนของพลังภายใน บทหลงเฟิ่งเจว๋ จะสามารถพัฒนาก้าวหน้าได้หรือไม่นั้น เขาเองก็คาดหวังเช่นกัน
เขาหลับตาลง พลังภายในของบทหลงเฟิ่งเจว๋ลอยเลื่อนเข้ามาในหัวเขาอย่างรวดเร็ว หลินหยางสูดลมหายใจเข้า แล้วเริ่มฝึกฝน
เวลาผ่านไปแต่ละนาที เมื่อจุดชีพจรมีการสั่น ก็มีกระแสอุ่นๆขึ้นมาจากจุดชีพจรนั่น ซึ่งทำให้หลินหยางรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที
แต่เมื่อนึกถึงคำกล่าวที่น่าหลงใหลนั้น เขาจึงรีบระงับความตื่นเต้นดีใจของเขาเอาไว้ พยายามทำให้ตัวเองสงบลง ระมัดระวังในการควบคุมจุดอ่อนของปราณนี้ แล้วปล่อยไปตามเส้นเลือดลม
ความรู้สึกอุ่นๆนี้ทำให้หลินหยางรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก และในเพียงเวลาไม่นานเขาก็ได้รับการฝึกฝนอย่างสมบูรณ์
รอจนหลินหยางตื่นขึ้นมานั้น แววตาดูมีความสดใส รู้สึกถึงปราณในร่างกาย แม้จะรู้สึกอ่อนเพลีย แต่ถือว่าเป็นประตูแห่งการฝึกฝนของเขา ในใจก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อลงมาจากเตียง ร่างกายมีเสียงกระดูกลั่นขึ้นมา เขาหาวออกมาด้วยความรู้สึกสบายๆ และเมื่อล้างหน้าล้างตาเสร็จก็ลงมือทำบะหมี่
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วนั้น หลินหยางก็ได้มาเริ่มพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
ตัวเขาเองอายุยังน้อย ตอนนี้ฝึกพลังภายในของตระกูล และด้วยทักษะทางการแพทย์ของตระกูล มีความเป็นไปได้หากเขาจะสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองขณะอยู่ในเมือง
แต่เมื่อนึกถึงว่าตอนนี้การแพทย์แผนจีนนั้นค่อนข้างล้าหลังไปมาก เป็นอาชีพที่ค่อยข้างมีความหยิ่งยโสในตัวเองพอสมควร เชื่อว่าแพทย์แผนจีนในปัจจุบันนั้นมีไม่มาก หากตัวเองมาทางเส้นทางนี้ ยังคงจะต้องลองทดลองต่อไปเรื่อยๆ
ตอนนี้เขามีเงินเพียงแค่หกพันกว่าๆ หากจ่ายค่าเทอมและค่าที่พักก็คงเหลือไม่มากนัก และปิดเทอมภาคฤดูร้อนยังอีกตั้งเดือนกว่าๆ เขาคงจะต้องเข้าเมืองเพื่อไปหารายได้เสียแล้ว
“เดียวดายในหอตะวันตก พระจันทร์เสี้ยวราวกับตะขอ ต้นหวู่ถงโดดเดี่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ตัดไม่ขาด วุ่นวายใจ เป็นความทุกข์ระทมจากการพรากจากกัน การจากลาเป็นอีกรสชาติหนึ่งของชีวิต”
ณ ลานบ้าน ในมือของหลินหยางกำลังฝึกฝนเขียนอักษรด้วยพู่กันอยู่บนกระดาษ แพทย์แผนจีนที่ดี ไม่เพียงแต่จะต้องมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมและเต็มไปด้วยประสบการณ์เพียงเท่านั้น แต่จะต้องมีทักษะการเขียนพู่กันที่สวยงามอีกด้วย
แพทย์ที่มีชื่อเสียงในแต่ละสมัย ล้วนแต่มีฝีมือในการเขียนพู่กันที่ดีทั้งนั้น ทำให้ผู้คนให้ความเคารพเลื่อมใสในตัวพวกเขาเป็นอย่างมาก
“แย่จริง ไม่มีหมึกแล้วหรือนี่?” และเมื่อหลินหยางกำลังจะฝึกเขียนพู่กันต่อนั้น รู้สึกว่าแท่นหมึกจะแห้งไปเสียแล้ว จึงจะเทน้ำหมึกลงไป แต่กลับพบว่าในขวดไม่มีหมึกอยู่แล้ว
“ทางเข้าหมู่บ้านตรงจางชุ่ยฮัวนั้นคงจะมีขายสินะ” คิดได้ดังนั้น เขาจึงมุ่งหน้าไปยังทางเข้าหมู่บ้าน
“หลินหยางตื่นเช้าเสียจริง ฉันคิดว่าเธอจะตื่นเที่ยงวันเลยเสียอีก” เมื่อเห็นหลินหยางเดินออกมา พอดีกับที่เซี่ยผิงเดินออกมาพอดี จึงเอ่ยทักทายเขา
“จะสิบโมงอยู่แล้ว เช้าที่ไหนกัน คุณจะไปไหนหรือ?” เมื่อเห็นเซี่ยผิงเดินออกมา เขาก็ยิ้มแย้มเอ่ยทักทายเธอกลับเช่นกัน
“จะไปดูข้าวโพดเสียหน่อยน่ะ อีกสองวันจะต้องเก็บแล้ว” เนื่องจากหลี่เฉียงออกไปทำงานข้างนอก เซี่ยผิงที่อยู่บ้านเพียงลำพัง จึงต้องต้องล็อคประตูก่อนออกไป
“เมื่อคืนนอนหลับสบายไหมครับ?” เมื่อเห็นว่ารอบๆไม่มีคนอยู่ หลินหยางจึงเดินเข้าไปหาแล้วบีบเข้าที่ก้นของเธอ
ความรู้สึกนิ่มเช่นนั้นทำให้เขารู้สึกดีเสียจริงๆ
“เจ้าเด็กลามก ใจกล้ากว่าเมื่อวานเสียอีกนะ ไม่กลัวคนอื่นเห็นเลยหรืออย่างไร” เธอมองไปยังหลินหยางแล้วเอ่ยด้วยอย่างโกรธๆ
“นี่ก็ไม่มีคนไม่ใช่หรือ ให้ผมลูบคลำอีกซักหน่อยนะ” พูดจบเขาก็ยื่นมือไปสัมผัสกับหน้าอกของเธอ
ความรู้สึกที่ไวต่อการถูกหลินหยางสัมผัสนั้นทำให้เธอหายใจหอบ ใบหน้าเริ่มมีสีแดงระเรื่อ มองดูวันนี้เขาใส่กางเกงตัวใหญ่ ลูบไล้ไปตามร่างกายกำยำของเขา จากเดิมที่เขามีโครงร่างที่ใหญ่อยู่แล้ว ณ ตอนนั้นยิ่งเพิ่มความชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก
“จะรีบร้อนอะไรกัน ถ้าเธอยังไม่ไป ยังมีโอกาสอีกตั้งมากมาย” เธอมองไปยังหลินหยาง แล้วหันกลับไปทางเขตเป่ยหูแล้วเดินออกไป
“หลินหยางจะไปไหนล่ะ?” ผู้คนที่พบกันระหว่างทาง ล้วนต่างก็เอ่ยทักทายเขา
หมู่บ้านวี่หลงเป็นหมู่บ้านชนบทเล็กๆ ซึ่งห่างจากในเมืองนับว่าเป็นระยะที่ไกลกันพอสมควร และยิ่งไม่ต้องพูดถึงในตัวเมืองเลย นักศึกษาในเมืองอย่างหลินหยางนับว่าเป็นปัญญาชนระดับสูงคนหนึ่งในหมู่บ้านเลยก็ว่าได้
“จะไปดูน้ำหมึกที่ร้านของจางชุ่ยฮัวเสียหน่อยน่ะครับ” เขาตอบกลับคนอื่นๆไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน