ตอนที่10 ฝึกฝนปรุงยา
“ไปพวกเรา ไปหาหญ้ากัน ไม่ต้องอาบแล้ว!” เห็นได้ชัดว่าเอ้อหนิวเป็นหัวโจกของเด็กๆกลุ่มนี้ แค่โบกมือเด็กคนอื่นๆก็พากันขึ้นมาจากฝั่ง
“เป็นต้นหญ้าแบบนี้นะ ต้นเล็กๆ ใบก็เล็ก และยังมีใบเยอะๆด้วย สีเขียว ต้นมักจะขึ้นตามกอวัชพืช หาค่อนข้างยาก” หลินหยางยื่นต้นหญ้ากรดน้ำส่งให้เด็กๆ ให้พวกเขาดูให้ละเอียด
รอจนพวกเขาดูกันเสร็จแล้วนั้น หลินหยางจึงพาเด็กๆทั้งหกคนไปหาตรงบริเวณแม่น้ำ
“หาเจอแล้ว สามต้น!” คงจะเป็นเพราะเด็กน้อยสายตาดี หนึ่งในนั้นดึงกอหญ้าขึ้นมา แล้วเอ่ยขึ้นอยากตกใจ
หลินหยางจึงเดินเข้าไปหา และเมื่อเห็นว่าเป็นต้นหญ้ากรดน้ำสามต้น จึงนำจอบมาขุดต้นหญ้ากรดน้ำขึ้นมาแล้วนำใส่ลงไปในกระเป๋าหนังงูของตนเอง
“เราได้หกเหมาแล้วนะ จำไว้ล่ะ เดี๋ยวพวกเรากลับบ้านไปรับเงินกับพี่”
เมื่อได้ยินที่หลินหยางบอกดังนั้น พวกเด็กก็หัวเราะแล้วรีบพากันหากันยกใหญ่
“ตรงนี้ก็มีหนึ่งต้น!”
“นี่มีสอง”
“ตรงนี้ก็ยังมีอีก!”
พลังของคนกลุ่มหนึ่งนี่ไม่มีที่สิ้นสุดเสียจริงๆ เพียงแค่สามชั่วโมง ในมือของหลินหยางก็มีต้นหญ้านั้นถึงสองสามร้อยต้น
ดูแล้วต้นหญ้าแบบนี้คงมีไม่มากนัก เด็กๆหาเจอกันจำนวนเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ และบวกกับความเหนื่อยล้า ความสนใจที่มีจึงเริ่มลดลงด้วย
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน ไป กลับบ้านไปเอาเงินกันดีกว่า” หลินหยางโบกมือให้เด็กๆ แล้วเด็กๆเหล่านั้นจึงรีบวิ่งมาหาเขา
หญ้าที่เด็กๆเก็บกันนั้นมีพอสมควรแล้ว เยอะหน่อยก็ได้รับเงินไปถึงหกบาท น้อยหน่อยก็สี่บาท แต่ครั้งนี้คงนับว่าเป็นครั้งแรกที่พวกเขาหาเงินได้ด้วยตัวเองกันเช่นนี้ บนใบหน้าของเด็กๆนั้นปรากฏรอยยิ้มแห่งความดีใจ
“พี่หลินหยาง หญ้าแบบนี้พี่ยังอยากได้มันอีกหรือเปล่า? ถ้าจะเอาล่ะก็เดี๋ยวไว้พวกเราจะไปถอนมาให้” เอ้อหนิวเมื่อได้รับเงินหกบาทแล้วนั้นเอ่ยถามขึ้นด้วยความเบิกบานใจ
“ตอนนี้ยังก่อน ผ่านไปซักสองสามวัน ถ้าพี่จะเอา พี่จะไปบอกพวกเรานะ” หลินหยางลูบหัวเอ้อหนิวแล้วส่งรอยยิ้มให้
“ตามนั้นครับ ถ้าพี่จะเอาหญ้าพวกนี้ ก็มาหาพวกเรานะ พวกเราจะมาช่วยพี่หาเอง อย่าไปหาคนอื่นแล้วกัน” เอ้อหนิวเอามือมาวางแปะไว้ที่หน้าอกราวกับตกปากรับคำกับหลินหยาง
เอ้อหนิวคิดอะไรอยู่นั้นหลินหยางรู้ดี คงจะอยากได้เงินเยอะๆ ไม่อยากให้คนอื่นมาแย่งไปสินะ เขาจึงหัวเราะออกมา “ได้สิ ถ้าพี่ต้องการ พี่จะไปหาพวกเราหกคนนะ”
เมื่อได้ยินหลินหยางรับปากเช่นนั้น เด็กๆก็พากันหัวเราะแล้วเดินจากไป
หลินหยางรีบเอาต้นหญ้าเหล่านั้นมาล้าง แล้วหาบุ้งกี๋นำมาวางตากหญ้าพวกนี้ไว้ให้แห้ง
คุณปู่ของเขาเป็นแพทย์จีน ปกติแล้วก็มักจะช่วยรักษาคนในหมู่บ้าน ดังนั้นจึงยังคงมียาสมุนไพรจีนหลงเหลืออยู่
“โสมภูเขา โสมโบตั๋นสีขาว เห็นหลินจือ เก๋ากี้ ผงไข่มุก…” หลินหยางรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่า สมุนไพรที่จะทำยานั้น คุณปู่ของเขามีอยู่ทั้งหมด แม้จำนวนจะไม่มาก แต่ปริมาณที่จะใช้นั้นเพียงพอกับสิ่งที่เขาจะทำ
ตอนที่เขาอายุยังน้อย เขาได้เรียนรู้การวิเคราะห์คุณสมบัติของยากับคุณปู่ ตอนที่ควบคุมปราณของตัวเองนั้นก็สามารถทำให้การวิเคราะห์ยาของเขาเป็นไปด้วยความฉับไว
สำหรับใบสั่งยาแก้ผิวพรรณที่อยู่ในความทรงจำของเขานั้น ในหัวสมองของหลินหยางสามารถคำนวณปริมาณวัตถุดิบยาได้อย่างรวดเร็ว
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ในหัวของเขาก็กำหนดใบสั่งยาไว้แล้ว รีบบันทึกลงอย่างรวดเร็ว เขาหยิบเอาต้นหญ้ากรดน้ำสิบกว่าต้น แล้วหาหม้อเล็กของคุณปู่ออกมาเริ่มการผสมยา
เมื่อควันลอยขึ้น หลินหยางนึกไปถึงเมื่อตอนเด็กๆที่ตัวเขาจะนั่งอยู่ข้างๆคุณปู่ นั่งฟังคุณปู่อธิบายความรู้เกี่ยวกับยา
เวลาผ่านไป อายุอานามที่มากขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะโตเป็นผู้ใหญ่เสียแล้ว ส่วนคุณปู่ก็ไม่ได้อยู่กับเขาแล้วเช่นกัน
ไม่รู้ว่าคุณปู่จะรู้ไหมว่าตัวเขาได้เข้าสู่ระดับแรกของบทหลงเฟิ่งเจว๋แล้ว สามารถสืบทอดพัฒนาเทคนิคทางการแพทย์ของตระกูลได้ ท่านจะดีใจหรือเปล่า?
เขาบดสมุนไพรเหล่านี้ให้เป็นผงด้วยความชำนาญ หลังจากนั้นจึงใส่ลงไปในหม้อ แล้วหลินหยางก็รอดูผลด้วยความอดทน
ผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่า กลิ่นหอมส่งกลิ่นออกมาจากหม้อใบเล็กนั่น หลินหยางขมวดคิ้ว รู้สึกพอใจ
แล้วผ่านไปอีกซักพัก รอจนกลิ่นหอมมีความเข้มข้นขึ้น หลินหยางรีบยกหม้อขึ้น ไม่ต้องอุ่นอีก แล้วเปิดฝาหม้อออก กลิ่นหอมที่มีความเข้มข้นขึ้นเตะเข้าที่จมูกของเขา
มองวัตถุที่เหมือนครีมสีเขียวอ่อนๆในหม้อ เขารู้ว่าความสำเร็จครั้งนี้น่าจะประมาณระดับแปดถึงเก้า
แล้วหลังจากนั้นเขาก็ค้นหาขวดกระเบื้องหกขวด เพื่อนำมาบรรจุยาใส่เข้าไปขวด
“น่าจะต้องหาคนมาลองดูผลเสียหน่อยแล้ว” พูดออกมาดังนั้น เขาก็นึกถึงเซี่ยผิงที่อยู่บ้านข้างๆเขา
จำได้ว่าเขาเห็นว่าที่แขนของเธอมีรอยแผลเป็นเป็นขีดยาวอยู่ ถ้าเช่นนั้นก็ให้เธอเป็นคนทดลองดูผลของยานี้เลยแล้วกัน
มองเห็นท้องฟ้าพระอาทิตย์ค่อยๆตกดิน แล้วก็ถึงเวลานอนเสียแล้ว หลินหยางรู้สึกรีบร้อน จึงมุ่งตรงไปยังบ้านของเซี่ยผิงทันที