ตอนที่7 บทหลงเถิงฟิ่งอู่
“มีคนอยู่ไหม? เอาไอศครีมสองก้อน” จู่ๆมีเสียงหนึ่งดังเข้ามาจากทางด้านนอกทำลายความสุขของทั้งสอง
“มาแล้ว มาแล้ว” จางชุ่ยฮัวคายน้องชายของหลินหยางออกมา แล้วรีบเดินออกไปขายของ
“หลินหยาง ถ้าฉันว่างฉันจะไปหานะ” จางชุ่ยฮัวหัวเราะออกมา ถึงแม้ว่าครั้งนี้เธอจะไม่ได้ลิ้มล้องเด็กหนุ่มคนนี้ แต่ดูแล้วยังมีโอกาส เพราะดูเหมือนกับว่าเด็กหนุ่มจะสนใจในตัวเธออยู่ไม่น้อย คงไม่กลัวว่าจะไม่ได้กินเขาหรอก
“ตอนกลางคืนจะไปหาผมอย่าลืมบอกผมนะ หากตอนกลางวันผมอยู่บ้าน ต้อนรับสาวๆได้ทุกเวลา” เขาจับคลื่นลูกยักษ์ของเธอทิ้งเงินค่าหมึกไว้แล้วเดินออกไป
“หลินหยาง เงินเธอเก็บไว้เถอะ ต่อไปถ้าต้องการอะไรก็มาเอาไปได้เลยนะ” จางชุ่ยฮัวเอ่ยตะโกนออกไปอย่างรีบร้อน
“พี่น้องแท้ๆยังคิดบัญชีกันเลย ไม่ต้องการเงินได้อย่างไร คุณรับไว้เถอะ” หลินหยางหัวเราะพลางโบกมือให้เธอ
มองเบื้องหลังหลินหยางที่เดินจากไปแล้ว นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เขาเรียกเธอสาวสวย เธอรู้สึกสุขใจยิ่งนัก
หลังจากกลับมาถึงบ้านแล้วนั้น หลินหยางหยิบขวดหมึกออกมาแล้วฝึกเขียนพู่กันต่อ
ตัวอักษรที่เขาเขียนออกมานั้นนับว่าไม่เลวเลยทีเดียว แล้วบวกกับเมื่อคืนนี้ที่ได้รับสัจปราณ ยิ่งทำให้อักษรที่เขียนออกมานั้นดูมีพลัง เกรงว่านักเขียนพู่กันจะละอายใจเสียเหลือเกิน
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น หลินหยางจึงฝึกฝนกังฟูอยู่ตรงลานบ้าน คุณปู่ของเขาไม่เพียงแต่ถ่ายทอดบทหลงเฟิ่งเจว๋ให้กับเขาเพียงเท่านั้น แต่ยังถ่ายทอดกังฟูบทหลงเถิงฟิ่งอู่ให้กับเขาอีกด้วย
ฝึกเขียนพู่กันและฝึกฝนกังฟูเช่นนี้ เวลาในหนึ่งวันหมดไปเร็วเหลือเกิน เพียงพริบตาเดียวก็เป็นเวลาหกโมงเย็นเสียแล้ว
สีท้องฟ้าค่อยมืดลง คืนฤดูร้อนในหมู่บ้าน มีลมเย็นๆพัดผ่านให้ความรู้สึกสบายยิ่งนัก
อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น หลินหยางจึงเดินออกมาด้านนอก
“คุณหลี่หลัน ผมช่วยแบกครับ” เพิ่งจะเดินออกมา ก็เห็นคนหนึ่งที่กำลังแบกกระเป๋าที่บรรทุกหญ้าไว้เดินมาทางเขา เขาจึงรีบเดินเข้าไปช่วย
หลี่หลัน หญิงหม้ายในหมู่บ้านวี่หลง ปีนี้เธออายุสามสิบห้าปี สามีของเธอเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน หน้าตาถือว่าไม่ขี้เหร่ ใบหน้าเรียวยาว ปากเล็กๆ ดวงตาเรียวเล็กราวกับสุนัขจิ้งจอก รูปร่างของเธอยิ่งไม่ต้องพูดถึง
หนุ่มๆในหมู่บ้านล้วนแต่อยากจะเข้าหาเธอด้วยกันทั้งนั้น แต่ในหมู่บ้านยังไม่มีเรื่องซุบซิบของเธอแพร่ออกมา
“ผิวของเธอนุ่มนวลบอกบางขนาดนี้ แบกของหนักแบบนี้จะไหวหรือ?” หลี่หลันรีบผลักเขาออก
มองเห็นเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอแล้ว หลินหยางจึงอดไม่ได้ที่จะดึงกระเป๋าที่บรรจุหญ้าอยู่เต็มนั้นมาถือไว้ แล้วเอ่ยขึ้น “คุณดูถูกผมเกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะเรียนอยู่ข้างนอก แต่คุณปู่เคยสอนผมฝึกกังฟู ใครจะมีพละกำลังเท่าผม ในหมู่บ้านนี้คงไม่มีอีกแล้วล่ะ”
“เอาล่ะ ถ้าอยากนั้นก็รบกวนเธอด้วยแล้วกัน” หลี่หลันหัวเราะออกมา นักศึกษาหนุ่มหน้าตาดีอย่างหลินหยาง นับว่าได้รับความชื่นชมจากสาวๆในหมู่บ้านไปไม่น้อย
ไม่นานทั้งสองคนก็เดินมาถึงบ้านของหลี่หลัน มองดูหลี่หลันที่กำลังเปิดประตูบ้านอยู่นั้น สะโพกที่ยกขึ้นเล็กน้อยนั่นทำให้เขามองด้วยความรู้สึกที่คันๆแปลกๆ
ตอนนั้นด้วยอากาศที่ค่อนข้างร้อน เสื้อผ้าที่เธอสวมใส่จึงมีน้อยชิ้น ร่องสะโพกที่ปรากฏออกมาให้เห็น ทำให้น้องชายของเขาตื่นตัวขึ้นมาทันที
“เอาล่ะ เข้าไปข้างในเถอะ” หันมามองหลินหยางแวบหนึ่ง เธอมองเห็นสายตาที่จ้องมายังสะโพกของตัวเอง จึงทำให้ใบหน้าของเธอเริ่มมีสีแดงระเรื่อ หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้น
“ครับ” หลินหยางจึงรีบทำตัวให้เป็นปกติ แล้วเดินตามหลี่หลันเข้าไปในบ้าน
“หญ้าพวกนี้เอามาเลี้ยงกระต่ายหรือครับ? ผมช่วยให้อาหารนะ” หลินหยางมองดู กระต่ายคงจะอยู่ข้างใน
“กระต่ายอยู่ข้างใน” หลี่หลันชี้ไปยังด้านใน “เธอไปให้อาหารกระต่ายก่อนก็ได้ ฉันขออาบน้ำก่อน ให้อาหารเสร็จแล้วก็ไปนั่งรอด้านในนะ”
“ได้ครับ” หลินหยางสะพายถุงเกล็ดปลาเดินไปยังกรงกระต่าย เขามองกรงกระต่ายสี่กรงที่มีกระต่ายอยู่ทั้งหมดแปดตัว นั่นทำให้ในหัวของเขาปรากฏภาพกระต่ายขาวๆของทั้งของเซี่ยผิงและจางชุ่ยฮัว
เมื่อคิดได้ดังนั้น จากที่ตอนแรกที่เห็นร่องสะโพกของหลี่หลัน อวัยวะด้านล่างของเขาตื่นตัวขึ้นมา แต่ในตอนนี้กลับมีปฏิกิริยาที่รุนแรงขึ้นเสียอีก
หยิบหญ้าออกมาจากถุงแล้วก็หันไปใส่ไว้ในกรง ทันใดนั้นดวงตาของเขากลับหรี่ลง
เขาหยิบหญ้าต้นเล็กต้นหนึ่งขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา หญ้าต้นนี้มีใบเล็กมาก หนึ่งก้านจะออกใบไม่น้อยเลย หญ้าเล็กๆนี้ จะซ่อนอยู่ในดงหญ้าซึ่งจะไม่ค่อยมีใครได้พบเจอมันสักเท่าไหร่
วางตรงจมูกแล้วสูดดมกลิ่น กลิ่นหอมลอยแตะจมูกของเขา
เขาหลับตาลง ในใจของเขาราวกับมีคลื่นลูกใหญ่ถาโถมเข้ามา