ตอนที่33หาเงินได้ก้อนโต
เมื่อมองไปที่เข็มที่เงาวับผู้คนรอบๆข้างก็ปิดปากเงียบอย่างวิตกกังวล
สำหรับหลายๆคนนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเข็มที่ใช้ในการรักษาของแพทย์แผนจีนมองด้วยสายตาที่สงสัย
หลังจากเข็มทั้งสองที่ปักลงไปหลินหยางก็ไม่รอช้าปักเข็มลงไปอย่างไม่ลังเลแต่ไม่ถูกบริเวณที่ไตอยู่อย่างรวดเร็วห้าจุดรอบๆหัวใจก็ถูกหลินหยางล้อมรอบไปด้วยเข็ม
“ไวมากหน้าของชายคนนี้แดงมาก”คนในกลุ่มคนหนึ่งที่มองเห็นอาการพูดออกมาทุกคนมองไปที่ชายวัยกลางคนมองด้วยตาเปล่าก็เห็นว่าใบหน้าของเขากำลังเปลี่ยนสีแล้วก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีตับหมูทำให้ผู้คนรอบๆตกใจ
“น่ากลัวจังเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้คิดมิดีมิร้ายใช่ไหม”ผู้คนเริ่มพูดด้วยเสียงซุบซิบเบาๆ
“เป็นเพราะว่าในร่างการของเขานั้นเต็มไปด้วยสารที่ไม่เป็นประโยชน์ตกค้างมากมายทำให้อวัยวะภายในได้รับความเสียเข็มที่ปักลงไปครั้งนี้ก็เพื่อที่จะระบายของเสียออกจากร่างกายอาการหน้าแดงนั้นเป็นเรื่องปกติของการขับของเสียรอให้ผมเอาเข็มออกสีหน้าของเขาก็จะกลับมาเป็นปกติ”หลินหยางอธิบายให้ผู้คนฟังอย่างสงบแล้วก็เริ่มบิดเข็มบนร่างกายของชาบวัยกลางคน
ด้วยฝีมือฉมังเขายังคงบิดเข็มเพื่อให้เกิดการถ่ายเทอย่างต่อเนื่องปักเข็มลงไปบนร่างกายของชายวัยกลางคน
ชายที่ตอนแรกมีความสงสัยในตัวหลินหยางตอนนี้เขาหมดข้อกังขาใดๆต่อตัวหลินหยางแล้วภายใต้การใช้เข็มฝังลงไปในร่างกายเขารู้สึกถึงการไหลเวียน
หันเทียนอวี๋นที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยสายตาที่เลื่อมใสถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช้แพทย์แผนจีนแต่ว่าเขาก็เคยเห็นการรักษาแบบแพทย์แผนจีนมามากมายแล้วก็ยังได้เขอกับหมดที่มีชื่อเสียงดังๆอีกด้วย
ความเร็วของเข็มและความมั่นใจในการหาจุดของหลินหยางที่เกิดจากการฝึกฝนจนเกิดความชำนาญทำให้หันเทียนอวี๋นนั่นรู้สึกทึ่งเป็นอย่างมาก
สภาพของหลินหยางตอนนี้เมื่อเปรียบเทียบกับหมอบางคนถึงแม้ว่าความแม่นยำจะยังน้อยกว่าแต่เขาก็มีความแน่วแน่และมั่นใจ
ในเวลานั้นโสนนนท์ก็มีความหวังว่าถ้าหากว่าหลานสาวของเพื่อนสนิทได้รับการรักษาให้หายได้เพื่อนสนิทของเขาต้องมีความสุขมากๆเป็นแน่
ประมาณสิบนาทีหลินหยางก็เริ่มหยุดบิดเข็มถึงแม้ว่าเวลาในการฝังเข้มจะสั้นแต่ว่าหลินหยางก็ไม่ได้หยุดการขยับเข็มเพื่อที่จะระบายลมปราณเลยหลินหยางเองก็เริ่มเหนื่อยล้า
เขาถอนหายใจกับตัวเองแล้วต่อว่าว่าตัวเองยังอ่อนหัดเกินไปแล้วก็หยุดการขยับเข็ม
“คุณอาครับที่นี่มีห้องน้ำไหม”หลินหยางถาม
หันเทียนอวี๋นชี้นิ้วไปทางด้านในแล้วบอกว่า“อยู่ตรงนั้น”
“รออีกสักครู่ผมจะถอนเข็มทั้งหมดออกคุณไปเข้าห้องน้ำก่อนเถอะ”หลินหยางมองดูสีหน้าของชายวัยกลางคนที่ตอนนี้เปลี่ยนสีไปจนดูน่ากลัว
ชายวัยกลางคนก็เริ่มรู้สึกว่าอยากปลดทุกข์อยู่พอดีพยักหน้า
มองดูชายวัยกลางคนที่สงบนิ่งแล้วหลินหยางยิ้มในใจจากนั้นก็หยิบทิชชู่ยื่นให้แล้วเริ่มดึงเข็มออก
ตอนที่ดึงเข็มแรกออกนั้นชายวัยกลางคนสีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนไปจากที่หน้านิ่งอยู่ก็ดุจะมีอาการอยากเข้าห้องน้ำอย่างหนักมาก
หลินหยางดึงเข็มออกมาทั้งหมด13อันในขณะที่ดึงเข็มออกนั้นสีหน้าของชายวัยกลางคนที่มีสีแดงก็ค่อยๆอ่อนลงลงแต่ทว่าอาการอยากเข้าห้องน้ำนั้นรุ่งแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนที่หลินหยางดึงเข็มออกจนเหลือแค่ห้าอันนั้นชายวัยกลางคนก็พูดออกมาอย่างอดไม่ได้“พ่อหนุ่มเร็วๆหน่อยฉันจะกลั้นไม่ไหวอยุ่แล้ว”
หลินหยางเองก็ไม่รอช้ารีบดึงเข็มที่ฝังอยู่ทั้งห้าอันออกมาชายวัยกลางคนตอนนั้นเสื้อก็ไม่ยอมใส่รีบวิ่งไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
“น้องชายร้ายกาจมาก”หันเทียนอวี๋นที่อยู่ข้างๆพูดออกมาพร้อมกับยกนิ้วโป้งมือให้
“แฮะๆแค่การขับของเสียออกครั้งแรกยังไม่ได้รักษาอย่างจริงจังถ้าเปรียบเทียบกับการรักษาของหมอทั่วไปแล้วยังไม่ได้ครึ่งนึงเลยครับ”หลินหยางยิ้ม
“น้องชายไม่ต้องถ่อมตัวถานฝั่งเข็มแบบนั้นมันมีความชำนาญมากการไหลเวียนของน้ำไม่สามารถเปรียบเทียบฝีมือได้”หันเทียนอวี๋นชื่นชมหลินหยาง
“คุณอาครับไม่ทราบว่าเก็ดผู้หญิงที่พูดถึงเธอยินดีที่จะมาที่เมืองเจียงหลิงไหมครับ”หลินหยางถาม
“อ่อเขาบอกว่าสองสามวันนี้อาจจะมาอย่างไวสุดก็สามวันอย่างช้าสุดก็หนึ่งอาทิตย์ถ้ามาถึงแล้วฉันจะโทรไปบอกเธอนะยังไงก็รบกวนเธอด้วยล่ะ”หันเทียนอวี๋นตอบยิ้มๆ
“รักษาคนไข้เป็นหน้าที่ของแพทย์อยู่แล้วครับ”
“ดีจริงๆ”ในขณะที่หลินหยางกับหันเทียนอวี๋นกำลังพูดคุยกันนั้นก็มีเสียงของชายวัยกลางคนแทรกเข้ามา
ผู้คนที่ยังอยู่ในร้านก็มองไปที่ชายวัยกลางคนนั้นสีหน้าที่แต่ก่อนหน้านี้แดงกล่ำเริ่มกลับมาดีขึ้นตอนนี้ดูเปล่งปลั่งและดูมีชีวิตชีวา
“พ่อหนุ่มเธอนี่เป็นหมอเทวดาจริงๆในเวลาเพียงสั้นๆแค่นี้ฉันรู้สึกผ่อนคลายมากโรคที่ฉันเป็นมันรักษาหายขาดแล้วใช่ไหม”ชายวัยกลางคนถามด้วยร้อยยิ้มอันกว้าง
ผู้คนที่อยู่รอบตัวได้ยินก็มองหลินหยางอย่างขนลุกหรือว่าแพทย์แผนจีนจะวิเศษจริงๆฝังเข็มลงไปแค่ไม่กี่ครั้งก็สามารถรักษาโรคได้แล้ว
หลินหยางกระพริบตามองไปที่ชายคนนั้นแบ้วบอกว่า“มีที่ไหนล่ะเร็วขนาดนี้วันนี้ผมแค่ทำการขับของเสียออกจากตัวเท่านั้น”
“ก็เธอบอกว่าวันนี้จะกลับบ้านแล้วอาการของฉัน……”ชายวัยกลางคนจับแขนของหลินหยางไว้แล้วถาม
“คุณอาที่นี่มียาสมุนไพรที่รักษาโรคที่แรงๆไหมครับ”หลินหยางถาม
“สรรพคุณทางยาที่แรงๆถ้างั้นก็ต้องเป็นโสมป่าที่มีอายุห้าสิบปีแล้วหละแต่ไม่รู้ว่าแค่นี้จะพอไหม”หันเทียนอวี๋นถาม
“พอครับพอคุณไปซื้อมาหนึ่งต้นไป”หลินหยางบอกกับชาบวัยกลางคน
“หนึ่งต้นห้าหมื่น”ชายวัยกลางคนพูดอย่างเจ็บปวด
“ห่วงเงินหรือห่วงชีวิต”หลินหยางจ้องตาเต็มไปด้วยอาการเคร่งขรึม
“ห่วงชีวิตห่วงชีวิตจ้า”ชายวัยกลางคนก็ดึงบัตรธนาคารออกมาจ่ายเงิน
หลินหยางก็สั่งกำกับการกินยาให้ชายวัยกลางคน“อันนี้กินตอนเช้าอันนี้กินต้มเป็นโจ๊กกินตอนเย็นในหนึ่งอาทิตย์นี้ห้ามมีกิจกรรมส่วนตัวถ้าทำได้ก็ไปที่หมู่บ้านวี่หลงหาผม”
“ถ้าทำไม่ได้ล่ะ”
“ก็ตาย”หลินหยางตอบอย่างไม่เกรงใจ
“ก็ได้ๆ”ชายวัยกลางคนตอบอย่างเชื่อฟัง
“อ่อผมชื่อหลินหยางคุณจดเบอร์โทรศัพท์ผมไว้ด้วยนะครับ”
“ฉันชื่อฮันซิ่น”ชายวัยกลางคนยื่นนามบัตรให้หลินหยางรับมาดูบนนามบัตรเขียนแค่ว่าฮันซิ่นแล้วก็ตามด้วยเบอร์โทรศัพท์นอกนั้นก็ไม่มีอะไรอธิบายไว้
เมื่อเห็นว่าหลินหยางเก็บนามบัตรเรียบร้อยแล้วฮันซิ่นจึงถามว่า“ช่วงนี้เธอกลับไปที่หมู่บ้านวี่หลงก็ไม่ได้ไปที่อื่นอีกใช่ไหม?แล้วก็ค่ารักษาของฉันจะต้องจ่ายให้เธอเมื่อไหร่?”
หลินหยางเมื่อได้ยินก็ยิ้มในใจรู้ว่าที่ฮันซิ่นถามนั้นเพราะกลัวว่าเขาได้โสมห้าสิบปีแล้วจะหนีไป“ไม่ไปไหนฉันอยู่แต่ที่หมู่บ้านนั่นแหละถ้าคุณอยากจะมาหาผมไปถึงหน้าหมูบ้านแล้วโทรหาผมได้เลยผมจะออกไปรับถ้าคุณไม่เชื่อก็ตามไปดูบ้านผมพร้อมกันเลยก็ได้นะ”
“ทำไมจะไม่เชื่อละถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้เดี๋ยวอีกหนึ่งอาทิตย์ฉันจะไปหาเธอที่หมู่บ้าน”ฮันซิ่นตอบกลับไปเมื่อได้ยินความพูดแบบนั้นของหลินหยางเขาเลือกที่จะเชื่อใจหลินหยาง
“คุณอางั้นผมขอลาก่อนนะครับรถบัสจะมีรอบตอนเที่ยงอีกหนึ่งเที่ยวถ้าพลาดแล้วละก็ต้องรอถึงตอนบ่าย”หลินหยางยิ้มพร้อมล่ำลากับหันเทียนอวี๋น
“เอาละๆถ้ารอบหน้าเธอมาในเมืองก็แวะมาที่นี่ด้วยนะ”หันเทียนอวี๋นก็ไม่รั้งตัวเขาไว้
“แน่นอนอยู่แล้วครับ”หลินหยางตอบรับคำแล้วหยิบกระเป๋าเป้ขึ้นสะพายเบียดผู้คนในร้านออกไป
“นี่!หวังว่าจะไม่หลอกกันนะ”เมื่อมองเห็นหลินหยางเดินออกไปไกลฮันซิ่นก็พูดออกมาเบาๆ
“คุณก็เป็นเถ้าแก่ใหญ่โสมห้าสิบปีก็แค่ห้าหมื่นบาทเองมีอะไรให้ต้องหลอก
น่าเสียดายนักธุรกิจใหญ่ใครๆก็อยากช่วยเหลือค่ารักษาก็แค่หนึ่งล้านบาทงกไปได้ในเมืองเจียงหลิงทั้งเมืองมีคุณทำได้คนเดียวเองนะ”หันเทียนอวี๋นได้ยินเสียงกระซิบของฮันซิ่นก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่าอย่างขำๆออกมา
ฮันซิ่นได้ยินหน้าก็แดงอ้าปากพูดออกไป“เงินไม่ได้หากันง่ายๆต้องทำงานหนักแลกมาทั้งนั้น”
กว่าหลินหยางจะถึงหมู่บ้านป๋ายสารก็ปาเข้าไปบ่ายสามโมงกินบะหมี่ไปหนึ่งชามแล้วก็ออกเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านวี่หลง
หมู่บ้านวี่หลงห่างจากตำบลป๋ายสารแค่สิบกว่ากิโลแต่ก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง
ตอนที่กำลังจะออกจากหมู่บ้านสายตาของหลินหยางก็มองไปเห็นที่ตึกชั้นล่างมีโซฟาสามตัววางอยู่หนึ่งตัวยาวอีกสองตัวสั้นและบนโซฟสก็มีผู้หญิงนั่งอยู่ดูแล้วอายุน่าจะประมาณสามสิบผมสั้นหน้าตาสวย
เมื่อมองไปหลินหยางก็นึกออกรีบเข้าไปทักทาย“อาจารย์หวงเฟิ่งเสียมาขายโซฟาที่นี่หรอครับ”
ผู้หญิงคนนี้คืออาจารย์ประจำชั้นสมัยประถมของหลินหยางหวงเฟิ่งเสียที่หมู่บ้านวี่หลงไม่มีโรงเรียนประถมตอนหลินหยางเด็กๆก็ต้องมาเรียนที่หมู่บ้านป๋ายสารโดยปกติแล้วอาจารย์ของโรงเรียนที่นี่จะสอนตั้งแต่ชั้นประถมหนึ่งถึงชั้นประถมหกหลินหยางกับอาจารย์จึงคุ้นเคยกันมาก
หวงเฟิ่งเสียเองก็จำหลินหยางได้ยิ้มตอบไป“ขายโซฟาอะไรล่ะพวกนี้ฉันซื้อทั้งนั้นแหละพวกนี้เขามาส่งโซฟาให้ฉันที่ทางเข้าแต่ไม่ส่งขึ้นไปที่ห้องของฉันฉันกำลังคิดหาคนช่วยอยูพอดี”
“ผมมาได้หวังวะพอดีเลยครับอาจารย์เดี๋ยวผมช่วยเอง”หลินหยางม้วนแขนเสื้อขึ้น
“จริงหรอขอบคุณเธอมากๆเลยนะ”หวงเฟิ่งเสียเมือได้ยินก็ดีใจมองไปที่รูปร่างกำยำของหลินหยางที่จะมาช่วยตัวเองย้ายโซฟาน่าจะไหว
หลินหยางมีความแข็งแรงยกโซฟาตัวสั้นสองตัวเพียงคนเดียวหวงเฟิ่งเสียตอนแรกคิดว่าต้องใช้คนถึงสองคนในการย้ายในขณะที่หวงเฟิ่งเสียกำลังมองดูด้วยความประหลาดใจหลินหยางก็ย้ายโซฟาเข้าไปในห้องเรียบร้อย
บ้านของหวงเฟิ่งเสียเป็นบ้านสองชั้นเล็กๆหลินหยางที่แบกโซฟาอยู่ก็ถามว่า“อาจารย์ครับโซฟาตัวนี้เอาไว้ที่ชั้นหนึ่งหรือชั้นสองครับ?”
“ชั้นหนึ่งจ่ะวางไว้ที่ห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่ง”หวงเฟิ่งเสียชี้นิ้วไปที่ประตูห้องนั่งเล่น
เมื่อนำโซฟาไปวางไว้ข้างๆโต๊ะน้ำชาแล้วหลินหยางก็ออกไปย้ายโซฟาอีกตัว
โซฟาตัวนั้นค่อนข้างยาวต้องใช้สองคนช่วยหลินหยางช่วยกันยกกับหวงเฟิ่งเสียเสร็จแล้วหวงเฟิ่งเสียก็ออกปากชมว่าหลินหยางนั้นแรงดี
โซฟาตัวเล็กอย่างน้อยๆก็น้ำหนักก็ร้อยกว่ากิโลหลินหยางสามารถย้ายคนเดียวได้สบายๆ
“ดูไม่ออกเลยว่าเธอจะมีแรงเยอะขนาดนี้”เมื่อยกโซฟาเข้าที่แล้วหวงเฟิ่งเสียก็พูดออกมา
“ตอนเด็กๆผมเคยเรียนกังฟูกับคุณปู่น่ะครับร่างการเลยแข็งแรง”หลินหยางยิ้มอธิบาย
“อันนี้ฉันรู้อยู่แล้วตอนเธอเข้าเรียนก็ไม่มีใครสู้เธอได้ตอนนั้นเธอซะอีกที่ชอบแกล้งคนอื่นจนร้องไห้ครูก็ลงโทษเธอไปไม่น้อย”หวงเฟิ่งเสียคิดถึงอดีตตอนที่หลินหยางเข้าเรียนแล้วก็ยิ้ม
“ผมก็ไม่เคยอยากมีเรื่องกับใครเลยนะครับถ้าคนอื่นไม่มาหาเรื่องผมก่อนแล้วอีกอย่างวิธีที่อาจารย์ลงโทษผมก็ไม่เหมือนอาจารย์คนอื่นๆ”หลินหยางคิดถึงอดีตที่ถูกหวงเฟิ่งเสียลงโทษเมื่อก่อนหวงเฟิ่งเสียลงโทษเขาไม่เหมือนใคร
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหยางหวงเฟิ่งเสียก็หน้าแดงระเรื่อทุกครั้งที่หลินหยางแกล้งนักเรียนคนอื่นหวงเฟิ่งเสียจะเรียกหลินหยางมาหลังเลิกเรียนที่ห้องทำงานไม่มีใครอยู่แล้วหวงเฟิ่งเสียจะให้หลินหยางถอดกางเกงออกแล้วยืนอยู่ข้างๆ
“ไปๆไม่อนุญาตให้พูดต่อ”หวงเฟิ่งเสียคิดถึงเรื่องในอดีตหน้าก็ร้อนผ่าวสายตาก็มองไปที่ต้นขาของหลินหยางอย่างไม่ตั้งใจสายตาที่มองไปก็ทำให้ใจเต้นไม่เบา