ตอนที่85ค่าธรรมเนียมในการรักษาห้าแสน
สาวสวยตรงหน้า กลิ่นหอมเย็นจากร่างกายของเธอส่งกลิ่นออกมานั้น ในใจของหลินหยางรู้สึกสั่นไหวยิ่งนัก
ควบคุมอารมณ์ของตนเอง แล้วหลินหยางให้ฉีเยนเอ๋อร์นอนเอนลงในอ้อมกอดของตัวเอง หยิบเข็มเงินออกมาแล้วฝังไปยังตำแหน่งบนร่างกายของเธอ
ใช้เวลาไม่นาน ด้านหน้าร่างกายของเธอนั้นก็ถูกหลินหยางฝังเข็มเอาไว้สิบหกเล่ม เวลานี้เองการฝังเข็มถือว่าเสร็จสิ้นลงแล้ว หลินหยางหลับตาแล้วผ่อนลมหายใจออกมา
“เสร็จแล้วใช่ไหม?” ฉีเยนเอ๋อร์เอ่ยถาม
“ยังครับ ยังจะต้องให้ผมนวดให้อีกครับ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดของคุณ” หลินหยางสูดหายใจเขา แล้วหลงเฟิ่งในร่างกายของเขาก็เริ่มทำงาน มือยื่นออกไปกดตรงหน้าออกของฉีเยนเอ๋อร์
“อ๊ะ! หลินหยางบ้า คุณจะต้องตั้งใจจะเอาเปรียบฉันแน่ๆ ถึงได้มาจับตรงนี้?” จู่ๆถูกหลินหยางจู่โจม ฉีเยนเอ๋อร์จึงส่งเสียงร้องขึ้นมา
หลินหยางได้ยินฉีเยนเอ๋อร์ว่าดังนั้นแล้ว ในใจก็รู้สึกว่าตัวเองถูกใส่ร้าย ถึงแม้ว่าตัวเขานั้นจะอยากจับก็จริงอยู่ แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจถึงขั้นที่จะเอาเปรียบเธอ จึงอธิบายขึ้น : “ตรงนี้เป็นที่เดียวที่ไม่ได้ฝังเข็มลงไป อีกอย่างตรงจุดนี้เนื้อเยอะด้วยครับ นวดตรงจุดนี้จะมีส่วนช่วยให้เลือดหมุนเวียนได้ดี รอให้ผมนวดเสร็จก่อนแล้วคุณก็จะรู้เองว่าได้ผลมาก”
ได้ยินหลินหยางพูดเช่นนั้นแล้ว ฉีเยนเอ๋อร์จึงไม่ได้แก้ต่างอะไรอีก เดิมทีในใจที่ไม่รู้อะไรเลยนั้น ก็ไม่ได้ขัดขวางอะไรหลินหยางอีก เวลานี้ไม่ว่าหลินหยางจะตั้งใจหรือจะเป็นการรักษาจริงๆนั้น ก็แล้วแต่หลินหยางเลยแล้วกัน
หลับตาลงรับรู้ถึงมือใหญ่ของหลินหยางที่สัมผัสวนเวียนอยู่ตรงหน้าอกของตัวเอง ท่าทางที่ไม่ซื่อตรงเช่นนั้น ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงอยู่ตลอด ไม่นานใบหน้าของเธอก็ยิ่งแดงขึ้น และลมหายใจก็ค่อยๆหอบถี่ขึ้นด้วย
ส่วนหลินหยางที่ถูกฉีเยนเอ๋อร์กระตุ้นอยู่นั้น ดาบเล่นนั้นของเขาก็ยิ่งแข็งขึ้น นอนอยู่ในอ้อมกอดของหลินหยาง ร่างกายแนบชิดกับเขาเช่นนี้ จึงรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ของหลินหยาง ฉีเยนเอ๋อร์รับรู้ได้ทันทีว่านั่นคืออะไร หัวใจเต้นแรง ความรู้สึกแปลกๆนี้เกิดขึ้นมาอีกครั้ง
ประมาณราวห้านาที ฉีเยนเอ๋อร์เองก็อดทนไม่ได้แล้วเช่นกัน เสียงร้องดังออกมาจากปากเล็กๆนั่นของเธอ
“คุณทนไม่ได้ก็ร้องออกมาสิครับ ไม่มีอะไรเสียหน่อย” หลินหยางก้มลงเอ่ยขึ้นข้างๆหูของฉีเยนเอ๋อร์ ความรู้สึกคันๆ เป็นการกระตุ้นให้ฉีเยนเอ๋อร์ส่งเสียงออกมาอีกครั้ง
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดหลินหยางก็หยุดการเคลื่อนไหวของมือตัวเองลง ส่วนฉีเยนเอ๋อร์ในเวลานี้นั้น สีหน้าแดงก่ำราวกับหยดน้ำ ความงามที่หาที่เปรียบได้เช่นนั้น ร่างที่ถูกหลินหยางลูบคลำสัมผัสก่อนหน้านี้แทบไม่มีแรงหลงเหลืออยู่เลย จึงทำได้เพียงพิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง
ได้รับรู้ความรู้สึกของหลินหยางที่ส่งมานั้นแยกออกจากตัวเอง ฉีเยนเอ๋อร์ยิ่งใจเต้นแรง
“เสี่ยวหยาง เธอบ้าไปแล้ว มีที่ไหนที่รักษาให้คนอื่นแบบนี้กัน” ฉีเยนเอ๋อร์อุทานออกมาด้วยใบหน้าแดงๆ
“ผมรักษาแบบนี้ แน่นอนว่าจะต้องรักษาคุณให้หายอยู่แล้วครับ จะว่าไปแล้วการรักษาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นการรักษาที่มีการอ้างอิงทั้งนั้นด้วย ผมเองก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะเอาเปรียบคุณ ถ้าหากคุณให้คนอื่นมาจับมาคลำ ก็จะไม่เห็นผลอะไรอยู่แล้วครับ” หลินหยางแก้ต่างให้กับตัวเอง
“โอเคๆ คุณมีเหตุผลโอเคแล้วรึยัง?” ฉีเยนเอ๋อร์เอนนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ปากก็เอ่ยถามขึ้น : “ตอนนี้รักษาเสร็จแล้วรึยังคะ?”
“ใกล้แล้วครับ”
“ไม่ต้องลูบคลำหน้าอกแล้วใช่ไหม?” ฉีเยนเอ๋อร์เอ่ยถามออกมาอย่างหยอกล้อ
“ถ้าหากว่านวดเบาๆต่อนั้น บางทีอาจจะเห็นผลขึ้นมาอีกหน่อยครับ แน่นอนว่าจะไม่นวดต่อก็ได้นะ” เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้มีเจตนาที่จะเอาเปรียบเธอ หลินหยางจึงอธิบายออกมา
มองดูฉีเยนเอ๋อร์ที่ไม่ได้พูดอะไรออกมานั้น หลินหยางคิดว่าเธอคงจะไม่ต้องการ แล้วจึงลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมจะออกไปจากถังนั้น
“เดี๋ยวก่อน คุณทำต่อเถอะค่ะ” ฉีเยนเอ๋อร์เอ่ยออกมาเบาๆ เมื่อพูดจบแล้วนั้นเธอก็ก้มหน้าลงอย่างเกรงใจ
หลินหยางได้ยินดังนั้นถึงกับอึ้งไปชั่วครู่ แล้วจึงนั่งลงใหม่อีกครั้ง ให้ฉีเยนเอ๋อร์พิงอยู่ในอ้อมกอดของเขาต่อ สองมือก็บีบคลึงอยู่ตรงหน้าอกของเธอไม่หยุด ไม่นานฉีเยนเอ๋อร์ก็ส่งเสียงที่น่าฟังออกมาอีกครั้ง
ฉีเยนเอ๋อร์ถูกหลินหยางทำให้เธอไร้เรี่ยวแรงไปทั่วทั้งร่างกาย มือยื่นเข้าไปจับตรงหว่างขาของหลินหยาง สัมผัสถึงความยาวนั้นแล้วในใจก็ยิ่งรู้สึกกระสับกระส่าย
“หลินหยาง ฉัน…….”
“คุณเป็นอะไรครับ?” หลินหยางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่าตรงนี้ของคุณใหญ่เกินไปแล้ว ถ้าหากคุณกับแฟนทำเรื่องอย่างว่า แฟนของคุณจะรับไหวหรือเปล่ากัน?” ฉีเยนเอ๋อร์เอ่ยถามเสียงเบาๆ
“รับไหวหรือเปล่า? หากมองจากในมุมมองของทางการแพทย์ ตรงนี้ของผมผู้หญิงจะชอบมากกว่านะครับ” หลินหยางเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง
เมื่อเห็นอาการท่าทางที่จริงจังของหลินหยางแล้วนั้น ฉีเยนเอ๋อร์หัวเราะออกมาเบาๆ พลางเอ่ยขึ้น : “คุณนี่ไม่รู้จักอายจริงๆสินะ”
“รอให้อาการป่วยของคุณหายแล้ว คุณจะทำอะไรต่อหรือครับ?” หลินหยางเอ่ยถาม
ฉีเยนเอ๋อร์ก้มหน้าลงพลางคิด แล้วจึงเอ่ยตอบขึ้นมา : “ฉันอยากจะเข้ามหาวิทยาลัยค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยสิครับ ตอนนี้มีมหาวิทยาลัยตั้งหลายแห่ง ใช้เงินนิดหน่อยก็เข้าได้แล้วด้วย” หลินหยางว่า
“คุณอยู่ที่มหาวิทยาลัยการแพทย์เจียงหลิงใช่ไหมคะ? ถึงตอนนั้นแล้วฉันจะไปหาคุณนะ” ฉีเยนเอ๋อร์หัวเราะออกมา
“คุณอยู่ที่เมื่องนี้ก็ดีอยู่แล้ว จะมาที่นี่ทำไมครับ จะเป็นการหาเรื่องให้ตัวเองเปล่าๆ” หลินหยางยิ้มพลางเอ่ยขึ้น
“คิคิ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปที่ไหน ถึงตอนนั้นก็คงจะต้องฟังที่คุณปู่จัดการให้แหล่ะค่ะ”
ทั้งสองคนพูดคุยกัน มองดูน้ำที่เดิมทีมีสีฟ้า สีเปลี่ยนเป็นสีอ่อนลงไปอยู่มากแล้ว ทั้งยังมีสีแดงอยู่บ้างอีกด้วย หลินหยางหลับตาลงแล้วดึงชี่แท้ออกมา และสำรวจไปยังภายในร่างกายของฉีเยนเอ๋อร์
สำรวจอยู่พักหนึ่ง หลินหยางก็ยิ้มออกมา พิษภายในร่างกายของฉีเยนเอ๋อร์ ถูกเอาออกไปได้เกือบจะหมดแล้ว ต่อไปเพียงแค่ต้องบำรุงรักษาร่างกายดีๆจะต้องหายเป็นปกติอย่างแน่นอน
เมื่อดึงชี่แท้กลับมาแล้วลืมตาขึ้นมา หลินหยางก็เริ่มดึงเข็มออกจากร่างของฉีเยนเอ๋อร์ และเมื่อหลินหยางยืนขึ้นมา ฉีเยนเอ๋อร์ก็มองท่าทางของดาบเล่มนั้นของเขา ด้วยใบหน้าที่เขินอายมากยิ่งขึ้น ต้นทุนของเด็กคนนี้ มีเพียบพร้อมนับว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าฉีเยนเอ๋อร์จะไม่มีประสบการณ์เรื่องระหว่างหญิงชายแบบนี้ แต่เรื่องบางเรื่องเธอเองก็เข้าใจดี
รอจนกระทั่งเข็มเงินนั้นถูกดึงออกมาจากร่างกายของฉีเยนเอ๋อร์ทั้งหมดแล้ว หลินหยางยิ้มและเอ่ยพูดกับเธอ : “เสร็จแล้วครับ คุณออกมาได้แล้ว”
ใบหน้าแดงๆนั่นตอบรับขึ้นมา ฉีเยนเอ๋อร์ลุกขึ้นมาจากน้ำถัง เดิมทีกระต่ายหยกอวบอิ่มเป็นเนินขึ้นมาที เนื่องจากถูกหลินหยางนวดเป็นเวลานาน ดูเหมือนกับว่าจะเพิ่มขนาดขึ้นมาอย่างชัดเจน
ยกขาทั้งสองข้างขึ้นอย่างเขินอาย สายตาของหลินหยางมองไปยังลำธารที่มีน้ำไหลออกมาไม่หยุด แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยออกมา เขาหยิบผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งส่งให้กับฉีเยนเอ๋อร์ : “เช็ดตัวให้แห้งก่อนครับ”
เธอพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเช็ดหยดน้ำบนร่างกายของตัวเอง ใบหน้ามีความเขินอายเช่นเคย จนในที่สุดเธอก็มีความกล้าที่จะเอ่ยถามเขาออกไป : “เสี่ยวหยาง ตอนที่คุณลูบคลำฉัน รู้สึกสบายไหมคะ?”
หลินหยางที่ถูกถามเช่นนั้นจึงรู้สึกอึ้งไป มองไปยังฉีเยนเอ๋อร์ที่กำลังรู้สึกเขินอายเช่นนั้นมาตั้งแต่แรกแล้ว จึงหัวเราะออกมา : “สบายสิครับ ตรงนั้นทั้งใหญ่และเต็มไม้เต็มมือขนาดนั้น ต่อไปถ้าอยากจะสัมผัสก็คงจะไม่มีโอกาสแล้ว”
ฉีเยนเอ๋อร์ได้ยินดังนั้นแล้วจึงจ้องไปยังหลินหยางพลางเอ่ยขึ้น : “คุณยังคิดที่จะจับอีกหรือ? คุณนี่กล้าจริงๆเลยนะคะ”
“แฮะๆ ไม่ทันได้ระวังก็เลยพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาแล้วสินะครับ” หลินหยางหัวเราะ แล้วก็หาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดตัวด้วยเช่นกัน
ฉีเยนเอ๋อร์ยังเด็กอยู่ ยังคงรู้สึกอับอายอยู่บ้าง เธอเอาแต่จ้องมองตรงหว่างขาของหลินหยางอย่างไม่หยุด ไม่กล้ามองตรงๆ
ราวกับรับรู้ได้ถึงสายตาที่มองมาของฉีเยนเอ๋อร์ หลินหยางจึงหัวเราะพลางเอ่ยถามเธอ : “ทำไมหรือครับ อยากเห็น?”
“เฮ้ย ใครอยากเห็นกัน” ฉีเยนเอ๋อร์หน้าแดง พลางหันกลับไปอีกทางเพื่อที่จะไม่มองเขา
หลังจากที่ทั้งสองคนสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วออกไปทางด้านนอกแล้วนั้น ฉีหวนจึงรีบตรงเข้ามาหา มองหลินหยางอย่างร้อนใจพลางเอ่ยถาม : “เป็นอย่างไรบ้าง?”
“ไม่ได้มีอาการป่วยอะไรแล้วครับ ผมจะออกใบสั่งยาให้คุณฉีสองรายการ วันละหนึ่งชุด แล้วหลังจากนั้นครึ่งเดือนก็ค่อยเปลี่ยนมาเป็นสามวันหนึ่งชุด ทำแบบนี้ไปอีกสามครั้ง ก็จะหายเป็นปกติครับ” หลินหยางยิ้ม พลางหาปากกาและกระดาษ แล้วเขียนลงในใบสั่งยา
ได้ยินดังนั้นแล้วร่างของฉีหวนก็รู้สึกอึ้งไป มองหลินหยางด้วยความตื่นเต้นดีใจ พลางเอ่ยถามขึ้นเสียงดัง : “เธอหมายความว่า อาการของเยนเอ๋อร์หายแล้วอย่างนั้นใช่ไหม?”
“นับว่าหายขั้นหนึ่งเท่านั้นครับ ถ้าหากต่อไปการดูแลรักษาไม่เหมาะสม จะยังคงมีอาการเล็กๆน้อยๆอยู่บ้าง แต่ถ้าหากมีการดูและรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม จะต้องหายอย่างแน่นอนครับ” หลินหยางพยักหน้าแล้วยิ้มออกมา
“เธอว่าจะต้องดูแลอย่างไร ฉันจะฟังที่เธอบอกทุกอย่างเลย” ฉีหวนเอ่ยพูดขึ้นอย่างรีบร้อน
“ไม่มีอะไรที่จะต้องดูแลมากเลยครับ เพียงแค่ทานยาให้ตรงเวลา ทั้งยังต้องบำรุงอาหารในปริมาณที่เหมาะสม ถ้าหากกังวลว่าจะอ้วน ยังจะต้องหมั่นออกกำลังกายด้วยนะครับ” หลินหยางกล่าว
ฉีหวนจดจำคำพูดเหล่านี้ของหลินหยาง มองไปยังใบสั่งยาที่หลินหยางพับให้ยื่นส่งให้กับตัวเอง แล้วจึงเอ่ยพูดขึ้นอีก : “เสี่ยวหยาง บุญคุณครั้งนี้ ฉันฉีหวนจะจำเอาไว้”
“เหล่าฉีเกินไปแล้วครับ รักษาและช่วยเหลือคนอื่นเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วครับ” หลินหยางรีบอธิบาย
“เสี่ยวหยาง ดูแล้วเธอเป็นคนตรงไปตรงมา เธอบอกมาเลยว่าค่ายาค่ารักษาครั้งนี้ทั้งหมดราคาเท่าไหร่ ไม่ต้องเกรงใจฉันนะ” ฉีหวนเอ่ยพูดขึ้นกับเขา : “รักษาโรคได้ก็ต้องให้เงินเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดอะไรถ่อมตัวเองออกมาอีกนะ”
หลินหยางที่นั่งลงตรงโซฟาได้ยินดังนั้นแล้ว นั่งไขว่ห้างพิจารณาว่าตัวเองจะเรียกเงินเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม ถึงแม้ว่ายาเหล่านี้ ส่วนมากแล้วจะเป็นยาที่ฉีหวนเตรียมมาให้ แต่ต่อให้ยาจะดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่ได้เทคนิคทางการแพทย์ของเขาก็คงช่วยไม่ได้อยู่ดี
เห็นได้ชัดว่าครอบครัวของฉีหวนนั้นไม่ธรรมดา คิดดูแล้วคงจะไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง หลินหยางรู้สึกลังเลอยู่พักหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยขึ้นมา : “ในเมื่อรู้จักกันมานาน ถ้าอย่างนั้นค่ารักษาครั้งนี้คิดห้าแสนแล้วกันนะครับ”
เงินห้าแสนสำหรับหลินหยางแล้ว ยังคงเป็นเงินมหาศาลเหมือนเคย แต่ในใจของหลินหยางนั้นยอมรับว่าเทคนิคทางการแพทย์ของตัวเองนั้นคุ้มค่ากับเงินจำนวนนี้
“ได้ พรุ่งนี้ฉันจะเอามาให้ เธอว่าอย่างไร?” ฉีหวนยิ้มพลางเอ่ยถามขึ้น
“ไม่ต้องรีบก็ได้ครับ เหล่าฉีเป็นคนที่น่าเชื่อถือได้อยู่แล้ว” หลินหยางพยักหน้ารับ
จางเยว่ที่อยู่ข้างๆถึงกับขมวดคิ้วขึ้นมา ค่ารักษาของเด็กคนนี้ เป็นค่ารักษาที่สูงที่สุดเลยตั้งแต่ตัวเองเคยเห็นมา เขามาเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น ก็ต้องจ่ายตั้งห้าแสนแล้ว ไม่รู้เลยว่าหลินหยางที่ช่วยตัวเองเอาไว้แบบนี้ ถ้าหากจะต้องคิดค่ารักษาจะเก็บเงินเธอเท่าไหร่กัน?
ทุกคนก็พูดคุยกันพอเป็นพิธีรีตองอยู่ซักพักหนึ่ง แล้วก็ถึงเวลาอาหารกลางวันอีกครั้ง
“ผมไปซื้ออาหารและเหล้ามาซักหน่อยดีกว่าครับ” จางเด๋อหัวเราะพลางเอ่ยขึ้น
“เสี่ยวหยาง เธอขับรถเป็นหรือเปล่า?” ฉีหวนเอ่ยถาม
“เป็นครับ มีอะไรหรือเปล่าครับเหล่าฉี?”
“เธอไปซื้อมาหน่อยแล้วกันนะ จางเด๋อยังไม่คุ้นเคยกับเมืองนี้ อาหารที่ทำออกมาใช่ว่าจะอร่อย” ฉีหวนว่าพลางหัวเราะ
“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมไปเอง” หลินหยางรับกุญแจจากมือของจางเด๋อมา แล้วจะเดินออกไปทางด้านนอก
“ฉันไปกับคุณแล้วกันค่ะ” ฉีเยนเอ๋อร์ที่เพิ่งจะรักษาตัวเสร็จ รู้สึกว่าทั้งร่างกายของตัวเองนั้นผ่อนคลายลงมากแล้ว จึงกระโดดตามหลังหลินหยางออกไปด้วย
“ฉันก็ไปด้วยค่ะ” จางเยว่ไม่อยากจะอยู่กับฉีหวนคนแก่คนนี้ บุคคลที่อายุมากคนนี้นั้นดูมีความน่าเกรงขาม เมื่อเทียบกับพ่อของตัวเธอเองแล้ว เขาดูมีอำนาจมากกว่าเสียอีก คุยด้วยแล้วจะรู้สึกกดดันอยู่บ้าง
เปิดรถอย่างเชี่ยวชาญ มองดูรถเบนซ์แล้ว หลินหยางรู้สึกว่าได้ขับรถดีๆแบบนี้คงจะสบายน่าดู คงจะนั่งสบายกว่ารถที่โรงเรียนอยู่มาก
ขับรถมุ่งหน้าไปยังตำบลป๋ายสาร ทั้งสามคนพูดคุยกันอยู่ภายในรถ
“คุณขับรถเป็นด้วยหรือคะ? ฉันคิดว่าเต่าที่เอาแต่อยู่ในกระดองอย่างคุณจะขับไม่เป็นเสียอีก” จากที่ได้สัมผัสกับหลินหยางมาไม่กี่ครั้ง ฉีเยนเอ๋อร์มองออกว่าหลินหยางเป็นคนที่สามารถพูดล้อเล่นด้วยได้คนหนึ่ง
“ฮ่าๆ ตอนที่อยู่โรงเรียนผมเคยเรียนน่ะครับ”
“คุณรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเรียกคุณว่าเต่าในกระดอง?” จู่ๆฉีเยนเอ๋อร์ก็เอ่ยถามขึ้น
“หน้าเหมือนอย่างนั้นหรือ?” จางเยว่ที่นั่งอยู่ที่นั่งทางด้านหลังเอ่ยถาม
“ฮ่าๆ หน้าเหมือนก็เป็นส่วนหนึ่งค่ะ เมื่อกี้นี้ตอนที่จะบอกราคา ฉันเห็นคุณดูลังเลอยู่นาน ฉันเลยคิดว่าคุณจะบอกราคามาเป็นสิบล้านเสียอีก สรุปว่าต้องการแค่ห้าแสนเอง” ฉีเยนเอ๋อร์ยิ้มแย้มออกมา
จางเยว่ที่ได้ยินอยู่ข้างๆนั้น ในใจของเธอนั้นรู้สึกสั่นสะท้านไปหมด ในฐานะที่เป็นตำรวจหญิงที่เก่งคนหนึ่งนั้น จางเยว่ดูก็รู้ว่าฉีเยนเอ๋อร์มีภูมิหลังดี แต่สามารถพูดออกมาเป็นจำนวนเงินสิบล้านได้นั้น ผู้หญิงคนนี้มีภูมิหลังที่ดีขนาดไหนกันแน่?
“สิบล้าน? ให้หลินหยางใช้เขาจะใช้หมดหรือคะ?” จางเยว่หัวเราะพลางเอ่ยออกมา
“ก่อนหน้านี้คุณปู่ฉันกับคุณปู่เซียวคุยกันไว้ ถามคุณปู่เซียวว่าครั้งนี้ค่าธรรมเนียมในการรักษาจะประมาณเท่าไหร่ คุณปู่เซียวบอกว่าเทคนิคทางการแพทย์ของหลินหยางในโลกของแพทย์แผนจีนนั้นเขาเป็นถึงระดับปรมาจารย์ อาการป่วยของฉันแบบนี้ถ้าหากรักษาหาย ขั้นต่ำสุดค่าธรรมเนียมในการรักษาจะอยู่ที่ห้าล้านบาท แล้วอีกอย่างคุณปู่รักฉันขนาดนี้ ต่อให้เงินมากกว่านี้เขาก็สามารถจ่ายได้ ปรากฏว่าเสี่ยวหยางต้องการเพียงแค่ห้าแสน ทำให้ฉัน…..ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาจริงๆ” ฉีเยนเอ๋อร์อยากจะหัวเราะออกมา แต่ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสมซักเท่าไหร่นัก จึงทำได้เพียงแค่อดกลั้นเอาไว้
จางเยว่ได้ยินที่ฉีเยนเอ๋อร์เอ่ยพูดออกมาแล้ว ในใจกลับยิ่งรู้สึกหวั่นไหว เห็นสายตาของหลินหยางที่เปลี่ยนไปอย่างใจเต้น แบบนี้ผู้ชายที่เพียบพร้อมไปด้วยความสามารถ เงินทอง และรูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาเช่นนี้ ไม่ใช่ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบที่อยู่ในใจของผู้หญิงหลายๆคนหรอกหรือ?