ตอนที่89 นี่คือเสียงอะไร
“เอาล่ะๆ ทุกคนนั่งลงกันก่อนนะ” เซี่ยหยวนหยวนเอ่ยเรียกทุกคน แล้วรินน้ำชาให้กับหยางเฟิน
“คนนี้เป็น……” หยางเฟินมองไปที่หลินหยาง แล้วมองไปยังจางเยว่อีกครั้ง แล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ : “แฟนของเสี่ยวเยว่หรือ?”
“ไม่ใช่ค่ะ นี่คือหลินหยาง ส่วนนี่คือหยางเฟิน ถึงแม้ว่าจะอายุมากกว่าฉันอยู่หลายปี แต่ฉันก็เรียกเขาว่าน้าเฟินล่ะ” จางเยว่เอ่ยแนะนำขึ้น
“สวัสดีครับน้าเฟิน ผมหลินหยางครับ” หลินหยางพยักหน้าแล้วเอ่ยทักทายขึ้น
“ไม่เลวเลยนี่ หน้าตาใช้ได้เลยนะ เธอกับเสี่ยวเยว่เป็นอะไรกันจ๊ะ?” เรื่องขี้เมาส์แบบนี้นับว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิง เมื่อเห็นความสัมพันธ์ที่ดีเช่นนี้ของหลินหยางและจางเยว่ อีกทั้งก็ไม่เคยได้ยินพูดถึงหลินหยางอีกด้วยแล้ว หยางเฟินจึงรีบเอ่ยถามขึ้นมาโดยทันที
“ก่อนหน้าที่ไม่ใช่ว่าเสี่ยวเยว่เกือบจะตายในหน้าที่แล้วไม่ใช่หรือ แล้วเสี่ยวหยางก็ช่วยชีวิตเอาไว้ คนนี้แหล่ะที่ช่วยรักษาเสี่ยวเยว่จนหายดีแล้ว ตอนนี้ก็เลยพากลับมาส่งที่บ้านน่ะ” เซี่ยหยวนหยวนอธิบายขึ้นอยู่ข้างๆ
“มีฮีโร่มาช่วยนี่เอง ฉันดูแล้วเด็กคนนี้ไม่เลวเลยนะ เสี่ยวหยางใช่ไหม เธอดูสิเสี่ยวเยว่เองก็เป็นคนดีนะ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันว่าพวกเธอสองคน…….” จางเยว่หัวเราะออกมา ทันใดนั้นเองจางเยว่ที่ถูกพูดถึงก็รู้สึกเกรงใจขึ้นมา
“น้าเฟิน ก่อนหน้านี้น้าบอกว่าไปทำอะไรในเมืองมานะคะ? ฉันได้ยินไม่ชัดเลย”
ได้ยินที่จางเยว่พูดแล้วนั้น หยางเฟินก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย แล้วมองบนใส่จางเยว่พลางเอ่ยขึ้น : “ทำไม น้าช่วยเธอพูดไม่ดีใจหรือ นี่ยังจะกล้ามาล้อน้าอีก”
“เสี่ยวเยว่ อย่าเสียมารยาทลูก นี่น้าของลูกนะ” เซี่ยหยวนหยวนเอ่ยพูดกับลูกสาวตัวเองขึ้นมา
“ไม่ใช่เพราะหนูเป็นห่วงน้าเฟินหรอกหรือคะ” จางเยว่พึมพำออกมาอย่างไม่พอใจ
“เอาล่ะๆ ลูกสองคนนั่งคุยกันในห้องรับแขกไปก่อน หยางเฟิน มาที่ห้องฉันมา” เซี่ยหยวนหยวนเอ่ยเรียกหยางเฟิน
เดิมทีหยางเฟินที่อยากจะปรึกษากับเซี่ยหยวนหยวนว่าจะต้องดูแลตัวเองอย่างไรนั้น เมื่อได้ยินดังนั้นแล้วจึงรีบเดินออกไปกับเซี่ยหยวนหยวน
สายตาหยาดเยิ้มนั่นมองมายังหลินหยาง จางเยว่จึงดึงมือหลินหยางเดินไปยังห้องนอนของตัวเอง แล้วนั่งลงบนเตียงนุ่มอีกครั้งหนึ่ง จางเยว่หัวเราะพลางเอ่ยถามขึ้น : “เมื่อกี้เธอมีปฏิกิริยาตอบกลับไปเร็วมากเลยนะ อีกนิดเดียวก็มีพิรุธออกมาแล้ว เมื่อกี้ที่เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้ว แต่ทำไมเอากลับเข้าไปล่ะ?”
“ซอฟต์แวร์ของเกมหั่นผลไม้ ผมเพิ่งจะนึกออกว่าวันนั้นมือถือมีการตั้งค่ากลับตามเดิมก็เลยทำให้เกมนั้นหายไปแล้วน่ะครับ” หลินหยางเลี่ยงไม่ได้ที่จะหัวเราะแบบฝืนๆออกมา
ได้ยินดังนั้นแล้วจางเยว่จึงกรอกตามองบน แล้วจิ้มลงบนหน้าผากของเขา พลางเอ่ยขึ้นเบาๆ : “ยังดีนะที่ไม่ถูกจับได้ ให้รางวัลเธอทีนึง”
ว่าแล้วริมฝีปากแดงก็พุ่งตรงเข้าไปประกบกับปากของหลินหยางในทันที หลินหยางเองก็ตอบรับจางเยว่อย่างร้อนแรงไม่แพ้กัน และไม่นานที่ทั้งสองคนก็กอดกัน มือใหญ่ของหลินหยางเองก็เริ่มอยู่ไม่สุข ลูบคลำไม่หยุดบนเรือนร่างของจางเยว่
และเพียงแค่ชั่วเวลาเดียวเท่านั้นเสื้อผ้าของจางเยว่ก็ถูกหลินหยางถอดออกจนหมด และลำตัวที่งดงามก็ปรากฏออกมา มองดูผิวพรรณที่เงางามเช่นนี้ คลื่นที่นูนออกมาตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้น หลินหยางอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลง ไฟชั่วร้ายที่ไม่ได้ระบายออกมาก่อนหน้านี้ ตอนนี้เริ่มครุขึ้นมาอีกครั้ง
“อือ—” ในที่สุดจางเยว่ก็เก็บอารมณ์ไว้ไม่ไหว ปากจึงส่งเสียงเย้ายวนขึ้นมา หลินหยางเองก็ทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน พลิกตัวของจางเยว่ให้มาอยู่ใต้ร่างของเขา แล้วเริ่มดำเนินกิจกรรมก่อนหน้านี้ต่อ
แต่เสียงร้องอันยั่วยวนนี้ของจางเยว่ก็ดังออกมาเป็นระลอกอยู่ภายในห้อง
ในใจของทั้งสองคนนั้นต่างก็พากันคาดเดาว่าหยางเฟินและแม่ของจางเยว่จะคุยกันนาน ดังนั้นจึงปลดปล่อยออกมาทั้งหมด รับรู้ถึงความรู้สึกเต็มอิ่มนี้ จนจางเยว่เองก็ลืมตัวไปว่าตัวเองกำลังร้องออกมาอยู่
“พี่หยวน ผิวของพี่ดูแลอย่างไรกันคะ น่าอิจฉาจริงๆ ถ้าไม่ได้เป็นเพื่อนบ้านกับพี่มานานขนาดนี้ ฉันต้องคิดว่าพี่อายุสามสิบกว่าแน่ๆ” หยางเฟินมองอย่างรู้สึกอิจฉาผิวพรรณของเซี่ยหยวนหยวน
ได้ยินหยางเฟินพูดความในใจออกมาเช่นนั้นแล้ว เซี่ยหยวนหยวนจึงหัวเราะออกมา : “มีวิธีดูแลอะไรที่ไหนกันล่ะ ไปสถานบันเสริมความงามเดือนละครั้ง ถ้าเดือนไหนมีปัจจัยอะไรขึ้นมาล่ะก็ ก็ค่อยแช่ด้วยน้ำนม…..”
ตั้งใจฟังที่เซี่ยหยวนหยวนพูดออกมา แล้วจึงเอ่ยถามขึ้น : “พี่หยวน แล้วหน้าอกของพี่ทำไมถึงได้ดูเต่งตึงแบบนี้? น่าอิจฉาจริงๆ ตอนนี้สามีฉันดูจะไม่ให้ความสนใจอะไรกับร่างกายของฉันเลยเสียด้วยซ้ำ”
“มีวิธีดีๆที่ไหนกัน ปกติแล้วฉันเองก็ทำตามแพทย์แผนจีนนี่แหล่ะที่บีบนวดด้วยตัวเอง อีกอย่างคงเป็นเพราะเสื้อชั้นในของฉันที่ค่อนข้างรัดหน้าอกด้วย จริงๆแล้วก็หย่อนลงไปบ้างเหมือนกัน” ต่อให้วิธีการบำรุงรักษาดีขนาดไหน หลีกหนีเวลาที่ผ่านไปกับเรื่องอายุที่มากขึ้นไม่ได้หรอก เซี่ยหยวนหยวนเองก็ถอนหายใจออกมาด้วยเช่นกัน
“พี่นวดอย่างไรคะ? วันนี้ฉันโมโหมากจริงๆนะ สถานบันเสริมความงามที่นั่นแย่มากจริงๆ ต่อไปจะไม่ไปที่นั่นอีกแล้ว”
“เจ้าตัวเขาไม่อยากจะให้เธอร่วมรักด้วยเธอก็ยังต้องการ ให้คนอื่นจับจุดอ่อนของตัวเองได้แล้วสิ”
“ใครจะทนได้กัน? แล้วอีกอย่างการร่วมรักก็ไม่เห็นจะเกี่ยวเรื่องที่ฉันจะเสริมหน้าอกเลย สถาบันเสริมความงามนั่นไม่มีเทคนิคอะไรต่างหาก พี่หยวน พี่ได้ยินเสียงอะไรรึเปล่า?” ภายในห้องที่กำลังปรึกษาเรื่องการดูแลตัวเองกับเซี่ยหยวนหยวนอยู่นั้น จู่ๆก็เงี่ยหูฟัง แล้วเอ่ยพูดขึ้นเบาๆ
“เสียงอะไรกัน?” เซี่ยหยวนหยวนขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามขึ้น
ประตูห้องนอนของพวกเธอนั้นไม่ได้ปิดสนิท หลังจากที่หยางเฟินเปิดประตูออกมาฟังแล้วนั้น เสียงบางๆนั้นดังออกมาจากห้องของจางเยว่
ทั้งสองคนสบตา ในใจก็รู้สึกกังวลว่าจางเยว่จะเป็นอะไรหรือเปล่า แล้วจู่ๆใบหน้าของเซี่ยหยวนหยวนก็แดงขึ้นมา ก่อนหน้านี้ที่เห็นลูกสาวออกมาจากห้องกับหลินหยาง ก็รู้สึกได้ว่าลูกสาวตัวเองนั้นดูผิดปกติไป ราวกับว่าสูญเสียความพึงพอใจบางอย่างไป ตอนนั้นตัวเธอเองก็ยังไม่เชื่อว่าเขาสองคนจะมีอะไรกันจริง แต่ตอนนี้ที่จู่ๆก็ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้ เธอก็สามารถยืนยันความคิดเดิมของตัวเองได้แล้ว
หยางเฟินยังไม่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ภายใน แล้วจึงย่องเข้าไปใกล้ๆ ใบหน้าก็แดงขึ้นมาทันที เธอหันกลับมามองเซี่ยหยวนหยวน กลับพบว่าคนข้างหลังแก้มทั้งสองข้องของเธอนั้นกลายเป็นสีแดงไปเรียบร้อยแล้ว
ใบหน้าแดงนั้นปรากฏรอยยิ้มแห่งการหยอกล้อขึ้น หยางเฟินทำมือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าพวกเขากำลังร่วมรักกันอยู่ เซี่ยหยางหยางจึงมองบนใส่เธอไป
อยากจะดึงหยางเฟินกลับห้อง แต่หยางเฟินกลับดูเหมือนไม่ค่อยเต็มใจเท่าไรนัก ดึงมือของเซี่ยหยวนหยวนไว้ แล้วกระซิบเบาๆที่หูของเธอ : “รีบร้อนทำไมกันคะ? พวกเราอยู่ฟังกันซักหน่อยสิ”
“เธอโรคจิตหรือ!” เซี่ยหยวนหยวนกล่าวขึ้นอย่างหน้าแดง
เธอหัวเราะมาอย่างสนุกสนาน หยางเฟินดึงมือของเซี่ยหยวนหยวนให้เข้าไปใกล้กับห้องของจางเยว่มากขึ้น
เสียงร้องที่ยั่วยวนดังออกมาจากทางด้านในนั้นอย่างไม่หยุด ทั้งสองคนที่ฟังอยู่ด้านนอกนั้นถึงกับใจสั่น ราวประมาณยี่สิบนาที เซี่ยหยวนหยวนจึงดึงหยางเฟินกลับมายังห้องนอนของตัวเอง
“พี่ลากฉันกลับมาทำไม?” หยางเฟินบ่นพึมพำออกมาอย่างไม่พอใจ
“เธอจะบ้ารึไง เธอนี่ติดเป็นนิสัยแล้วสินะ” เซี่ยหยวนหยวนเอ่ยขึ้นอย่างโกรธๆ
“หลินหยางและเสี่ยวเยว่ มีความสัมพันธ์กันแบบไหนคะ? ทำไมพวกเขาถึงทำเรื่องแบบนี้กัน?” หยางเฟินมองเซี่ยหยวนหยวนอย่างสงสัยพลางเอ่ยถาม
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ ก็คงจะเป็นเพื่อนกับหลินหยางนั่นแหล่ะ ไม่ใช่คนรักหรอก” เซี่ยหยวนหยวนเองก็รู้สึกโมโหอยู่บ้าง ลูกสาวของเธอนั้นไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนเลยมาตั้งหลายปีแล้ว ตอนนี้ตัวเธอเองก็ยังอยู่ในบ้าน ไม่คิดว่าจะยังกล้าทำอะไรแบบนี้กับหลินหยางเด็กคนนั้น
“ฮ่าๆ ปีนี้เสี่ยเยว่ก็สามสิบแล้ว ที่เขาบอกกันไงคะว่าผู้หญิงหากอายุสามสิบแล้วก็จะเหมือนกับหมาป่า จะว่าไปแล้วเสี่ยวเยว่เองก็ไม่ได้ผ่านผู้ชายคนไหนมาตั้งหลายปีขนาดนี้แล้ว ทนไม่ได้ก็เป็นเรื่องปกตินี่คะ อีกอย่างฟังจากเสียงร้องของเสี่ยวเยว่แล้ว ต้นทุนของเสี่ยวหยางนี่คงมหาศาลมากเลยนะ” หยางเฟินหัวเราะออกมาอย่างหยอกล้อ แล้วเอ่ยพูดขึ้นต่อ : “ฉันว่าพี่หยวน ไม่อย่างนั้นก็ให้เสี่ยเยว่แต่งงานกับเสี่ยหยางเลยสิคะ ถึงแม้ว่าจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูธรรมดา แต่อาศัยความสัมพันธ์ของพี่จางแล้ว ก็ยังสามารถหางานดีๆให้เขาได้นี่”
“ฉันเองก็รู้สึกร้อนใจอยู่เหมือนกัน ปัญหาสำคัญเลยก็คือเรื่องอายุของทั้งสองคนที่ต่างกันค่อนข้างมาก แล้วอีกอย่างเสี่ยวหยางก็ไม่ใช่คนที่ผูกสัมพันธ์กับคนที่มีอิทธิพลเพื่อหวังผลประโยชน์ แล้วเหมือนกับว่าตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ด้วยว่าพ่อของเสี่ยวเยว่ทำอะไร แล้วอีกอย่างนะเสี่ยวหยางเองก็มีเงินทองมากด้วย ได้ยินเสี่ยวเยว่บอกว่า ความสามารถเพียงไม่กี่วันอย่างเขารักษาอาการป่วยให้กับคนมีเงินหาเงินมาได้หลายล้านเลยล่ะ”
ได้ยินที่เซี่ยหยวนหยวนเล่าให้ฟังนั้น หยางเฟินอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้ : “พระเจ้า รักษาอาการป่วยให้ไม่กี่คนก็มีรายได้เป็นล้านแล้วหรือ? ทักษะทางการแพทย์ของหลินหยางนี่คงจะมีสูงมากเลยสินะคะ?”
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ลูกสาวของฉันก็เขานี่แหล่ะที่เป็นคนช่วยเอาไว้ คงจะไม่เลวเลยล่ะมั้ง” เซี่ยหยวนหยวนเองก็ไม่รู้ว่าเทคนิคทางการแพทย์ของหลินหยางเป็นอย่างไรเช่นกัน
ผ่านไปอีกยี่สิบนาที เสียงภายในห้องของจางเยว่นั้นก็ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งสองคนที่ได้ยินนั้นก็ต่างพากันหน้าแดงขึ้นมา
“ฉันว่าพี่หยวน เสี่ยวเยว่อยู่กับหลินหยางที่นั่นจริงๆใช่ไหม? ทำไมนานขนาดนี้แล้ว ยังไม่หยุดกันอีก?” หัวใจของหยางเฟินเต้นแรงขึ้นมา ใบหน้าแดงระเรื่อ ปีนี้เธออายุสามสิบกว่าแล้ว และก็เป็นช่วงอายุที่มีความต้องการทางเพศที่คึกคักด้วยเช่นกัน แต่สามีของเธอไม่เพียงแค่ไม่มีกำลังสู้รบแบบนี้เท่านั้น ตอนนี้ราวกับว่าไม่ได้เกิดความรู้สึกสนใจใดๆกับร่างกายของเธอเลยเสียด้วยซ้ำ
ตอนนี้ที่จู่ๆก็มาได้ยินเสียงร้องยั่วยวนเช่นนี้ของจางเยว่ ในใจของเธอนั้นก็มีความปรารถนานี้กับหลินหยางอยู่ด้วยเช่นกัน จึงฝืนความคิดนี้ของตัวเองไว้ แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆแทน
“ฉันจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะ เธอจะไปสนใจอะไรกัน” คนที่อยู่ข้างในนั้นคือลูกสาวของเธอ เธอมองไปยังหยางเฟินอย่างเคืองๆ และนั่งลงบนเตียงโดยที่ไม่สนใจหยางเฟิน
“ใช่แล้ว พี่บอกว่า หลินหยางเป็นหมอใช่ไหม?” แววตาของหยางเฟินเป็นประกายพลางเอ่ยถาม
“ใช่ ทำไมหรือ?”
“งั้นเดี๋ยวฉันจะลองถามเขาดูว่ามีวิธีดูแลตัวเองไหม ถึงตอนนั้นแล้วถ้าฉันถามได้เรื่องยังไงเดี๋ยวฉันจะมาแชร์ให้พี่ฟังอีกทีนะ” หยางเฟินกล่าว
เรื่องนี้เซี่ยหยวนหยวนไม่มีความคิดเห็นอะไร ผู้หญิงทุกคนก็อยากจะคงความสดใสของวัยหนุ่มสาวของตัวเองไว้อยู่แล้ว จึงพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดนี้ของหยางเฟิน
“หลังจากนั้นฉันก็จะถามเขาด้วย ว่าเขาทำเรื่องอย่างว่านั้นกับเสี่ยวหยางนานขนาดนี้เลยจริงๆหรือ” หยางเฟินเอ่ยพูดขึ้นต่อ
เซี่ยหยวนหยวนได้ยินดังนั้นแล้วก็ยื่นมืออกไปตีตรงสะโพกของหยางเฟินอย่างโมโห แล้วเอ่ยพูดขึ้น : “โตขนาดนี้แล้ว ยังจะไม่จริงจังแบบนี้อีก กวนจริงๆ”
“ฮ่าๆ พี่หยวน ฉันก็แค่สงสัยเอง ว่าทำไมถึงได้นานขนาดนี้ เสี่ยวเยว่จะต้องฟินมากแน่ๆเลย” หยางเฟินหัวเราะออกมา
“ดูสิว่าฉันจะตีเธอให้ตายยังไง” เซี่ยหยวนหยวนปิดประตูลงแล้วผลักหยางเฟินลงไปบนเตียง ทันใดนั้นเองทั้งสองคนก็หยอกล้อกันอยู่บนเตียงนั้น
ในที่สุดเวลาก็ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง จางเยว่นอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ จ้องมองไปยังหลินหยาง แววตานั้นเต็มไปด้วยความพอใจและความอบอุ่น
“เสี่ยวหยาง เธอเก่งมากจริงๆ ฉันแทบจะถูกเธอจัดการจนจะตายอยู่แล้ว” จางเยว่เอ่ยเสียงเบา นิ้วของเธอกำลังวาดวนไปมาอยู่ตรงหน้าอกของเขา
หลินหยางโอบกอดร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง หัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น : “คุณส่งเสียงร้องออกมาดังขนาดนั้น ไม่กลัวว่าแม่ของคุณจะได้ยินหรือครับ?”
“อา!” ได้ยินดังนั้นแล้วจางเยว่จึงร้องออกมาอย่างน่ารัก ใบหน้าแดงนั้นมองไปยังหลินหยาง แล้วรีบเอ่ยถาม : “เมื่อกี้ฉันส่งเสียงร้องออกมาดังขนาดไหน?”
เมื่อเห็นจางเยว่ที่ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความกังวล ในใจของหลินหยางยิ้มออกมา แล้วลูบจมูกของเธอพลางเอ่ยขึ้น : “ทำไมครับ คุณยังรู้สึกเกรงใจอยู่อีกหรือ?”
“บ้าสิ บอกมาเร็วๆ” จางเยว่อุทานออกมา
“ก็ไม่ดังมากหรอกครับ พอๆกับตอนที่อยู่บ้านผมนั่นแหล่ะ ถ้าหากประตูที่กั้นไว้เก็บเสียงได้ดี ก็คงจะไม่สามารถเล็ดลอดออกไปได้หรอกครับ” หลินหยางพูดออกมาตามความจริง
“เธอที่มันร้ายจริงๆ!” กำปั้นเล็กๆพุ่งตรงไปยังหน้าอกของหลินเยาง จางเยว่เอ่ยขึ้นมาอย่างไม่พอใจ : “ทำไมเธอถึงไม่รู้จักคิดอะไรเลยแบบนี้กัน ฉันร้องออกมาเสียงดัง ไม่ใช่เป็นเพราะเธอทำฉันหรอกรึไง?”
“ครับๆ เป็นความผิดของผมเองโอเคไหม เรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว อีกอย่างประตูห้องของแม่คุณก็ปิดด้วยแล้ว ป้องกันถึงสองชั้นแบบนี้ จะต้องไม่ได้ยินแน่นอนครับ” หลินหยางพูดปลอบใจเธอขึ้นมา
ได้ยินดังนั้นในใจของจางเยว่ก็รู้สึกวางใจขึ้นมาบ้าง ที่หลินหยางพูดนั้นก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน
เมื่อก้มลงไปมองป่าผืนนั้นที่เฉอะแฉะอยู่นั้น ใบหน้าของจางเยว่ก็ยิ่งแดงขึ้น มือของเธอนั้นจับไปตรงหว่างขาของหลินหยาง แล้วเอ่ยขึ้น : “ถ้าหากเล็กกว่านี้อีกซักครึ่งนึงก็คงจะดี”
“คุณตัดใจได้หรือ?” มือทั้งสองของหลินหยางนั้นยังคงอ้อยอิ่งอยู่ตรงคลื่นลูกนั้นของจางเยว่ แล้วบีบอยู่ตรงเม็ดองุ่นตรงนั้นพลางเอ่ยถามขึ้น
“เธอนี่มันร้ายจริงๆ!” หมัดเล็กๆของจางเยว่ทุบไปที่ไหล่ของหลินหยางอีกครั้ง แล้วซุกศีรษะตัวเองไว้ในอ้อมกอดของหลินหยาง