บทที่152 คัดค้าน
“จินฟ่ง ส่งกระดาษมาให้ฉันสองแผ่นหน่อย ฉันลืมเอากระดาษเข้ามา”หนานกงหยูนร้องเรียก
“จินฟ่งอยู่ข้างล่างน่ะ ให้ผมเอาให้ไหม”หลินหยางถามขึ้นอย่างสนใจ
ได้ยินเสียงของหลินหยาง ข้างในจึงเงียบกริบ เป็นนานกว่าจะมีเสียงลอดออกมา“ก็ได้ ห้ามแอบมองนะ”
หลินหยางฟังแล้วตะลึง หนานกงหยูนดันตอบรับด้วย จึงรีบยื่นกระดาษสองแผ่นให้ ผละประตูห้องน้ำแล้วเดินเข้าไป
เห็นแต่หนานกงหยูนนั่งอยู่บนชักโครก เผยให้เห็นต้นขาที่ขาวเนียน เห็นหลินหยางเดินเข้ามา เธอจึงดึงเสื้อเชิ้ตลงมาปิดขาอ่อน และพยายามปกปิดของดี
แววตาของหลินหยางมองไปทางด้านอื่น เดิมทีคิดว่าคงจะได้เห็นเนินหญ้าบ้าง คิดไม่ถึงว่าจะไม่เห็นหญ้าดำเลยแม้แต่น้อย
เสือขาวเหรอ ในประกายไฟ ในหัวของหลินหยางเป็นประกาย
จำได้ว่าเคยดูเอกสารทางการแพทย์ ผู้หญิงเป็นสัญลักษณ์ของเสือขาวที่มีพลังหยินเต็มเปี่ยม ผู้ชายทั่วไปเอาผู้หญิงแบบนี้ไม่อยู่หรอก แต่ว่าผู้ชายที่มีต้นทุนสูงก็อาจจะเอาชนะได้ ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อตัวผู้ชายมาก
แม้ว่าหลินหยางตอนนี้อาจจะไม่ได้มีกิเลสทางด้านนี้มากนัก แต่ในใจเขาหวังอยากจะให้ประสิทธิภาพทางด้านนี้สูงขึ้นอย่างไรเสียสมรรถภาพตัวเองก็ได้สูงขึ้นแล้ว ถึงได้ถ่ายทอดแพทย์แผนจีนที่ตกทอดมาได้อย่างเต็มที่
เมื่อเธอใช้กระดาษทิชชู่เช็ดที่ของลับ ในขณะที่กำลังจะลุกขึ้นยืนก็เห็นหลินหยางกำลังจับจ้องที่ต้นขาตนเองอยู่ หนานกงหยูนหน้าแดงก่ำ จ้องหลินหยางอย่างโกรธเคือง“ดูพอรึยังล่ะ ยังไม่รีบออกไปอีก!”
“ผม……”หลินหยางเดิมทีคิดจะดูเสือขาวของหนานกงหยูนให้ละเอียดหน่อย แต่เธอดันตัดหญ้าดำออกเสียอีก แต่ว่าคำพูดได้แต่ติดที่มุมปากแต่ต้องกลืนลงไป โอกาสยังมีอีกเยอะ บางทีเวลานี้อาจจะยังไม่เหมาะสม
เขามองที่ลับอันคลุมเครือของเธออย่างอาลัยอาวรณ์ เขาพยายามฝืนอารมณ์ความรู้สึก หลินหยางไม่กล้าอยู่กับผู้หญิงที่ตัดแต่งพลังของตัวเองหรอก เป็นเพราะการจู่โจมอย่างแรงเลยต้องตัดขนของรักของหวงตัวเอง
หลังจากที่กินอาหารเที่ยง หลินหยางก็ครุ่นคิดว่าตัวเองจะทำอะไรดี ก็ได้รับโทรศัพท์ของเซียวหวี่ จำได้ว่าผู้หญิงคนนี้ ตัวเขาเองได้รู้จักที่เมืองจินหลิง เธอเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลสูตินรีเวชเมืองเจียงหลิง
“ฮัลโหล หลินหยาง จำพี่ได้ไหม”เสียงดังกังวานของเซียวหวี่ดังลอดมาจากปลายสาย
“จำได้สิครับ พี่หวี่มีธุระอะไรกับผมเหรอครับ”หลินหยางยิ้มแล้วพูด
“ก็จะมีอะไรอีกล่ะ ก็เรื่องที่นายรับปากฉันก่อนหน้าไง!”เซียวหวี่น้ำเสียงโกรธเล็กน้อย
หลินหยางคิดก็รู้แล้วว่าคือเรื่องอะไร จึงถามพึมพำ“พี่หวี่ เรื่องทำงานที่โรงพยาบาลหรือเปล่าครับ”
“ไร้สาระน่า คงไม่ใช่เรื่องนี้หรอกใช่ไหม ตกลงกันไว้ก่อนนี่นา ว่านายจะมาทำงานกับพี่ สัญญานายก็เซ็นไว้แล้วถ้านายกล้าผิดสัญญา พี่จะไปฟ้องศาล!”เซียวหวี่ตอบเสียงพาลมาตามสาย
“ก็ได้ แต่พี่ต้องจ่ายเงินเดือนให้ตรงตามเวลา”หลินหยางยิ้มแล้วพูด
“บ้าเหรอ พี่เคยจ่ายเงินเดือนนายช้าหรือไง ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน พี่ไปรับ”เซียวหวี่ถาม
“ผมอยู่ที่เทคนิคการแพทย์ครับ พี่อยู่ที่โรงพยาบาลเหรอครับตอนนี้”
“นายมีรถสินะ ถ้าสะดวกก็มาหน่อย มาถึงแล้วโทรบอกพี่ด้วย”เซียวหวี่รีบตอบ
หลินหยางฟังแล้วตอบรับทันที พอได้กุญแจรถมา จึงบอกกล่าวจ้าวจินฟ่งกับหนานกงหยูน แล้วมุ่งหน้าไปทางโรงพยาบาล
โรงพยาบาลที่เซียวหวี่ทำงานอยู่ไม่ไกลจากหลินหยางนัก ขับรถประมาณสี่สิบนาทีก็ถึง เขาเห็นเงาของโรงพยาบาล เนื้อที่โรงพยาบาลไม่ถือว่าเล็ก หลินหยางอุทานว่าเซียวหวี่นี่ทั้งสวยทั้งรวย แค่มูลค่าตึกนี้ก็ไม่รู้ว่าเท่าไหร่แล้ว
คนไข้ที่นี่ก็นับว่าไม่น้อย หลินหยางอดฝืนยิ้มออกมาไม่ได้ เดิมทีที่นี่เป็นโรงพยาบาลสูตินรีเวช คนไข้ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง พอเห็นผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาเข้ามา ต่างก็จ้องมองกันเป็นการใหญ่ จนเกือบจะล้อมวงเข้ามา
“ห้องทำงานของเซียวหวี่ไปทางไหนครับ”หลินหยางเคาะโต๊ะประชาสัมพันธ์ เพื่อให้นางพยาบาลสนใจ
“มาหาท่านผู้อำนวยการมีธุระอะไรคะ นัดไว้หรือเปล่าคะ”นางพยาบาลมองหลินหยางอย่างสงสัย ผู้ชายตรงหน้า หน้าตาไม่เลว แต่ว่ามาหาท่านผู้อำนวยการด้วยเรื่องอะไร
“ท่านมีธุระหาผมครับ ถ้าทางคุณไม่สะดวกที่จะบอก ผมโทรเอาก็ได้ครับ”พูดจบหลินหยางก็หยิบโทรศัพท์ออกมา
“รอสักครู่นะคะ ขอดิฉันโทรถามประธานหลินก่อนนะคะ”นางพยาบาลพูดจบ จึงหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมา
ไม่นานนักนางพยาบาลจึงยิ้มออกมา“คุณหลินคะ ตามดิฉันมาค่ะ ดิฉันพาไป!”
“ไม่ต้องลำบากหรอกครับ แค่บอกผมว่าไปยังไงก็พอ”หลินหยางโบกมือ
“ห้องท่านผู้อำนวยการอธิบายยากค่ะ ดิฉันพาคุณไปดีกว่า”นางพยาบาลตอบหน้าแดง
หลินหยางได้ฟังแล้วจึงพยักหน้า นางพยาบาลพาหลินหยางไปที่ห้องทำงานของเซียวหวี่ เดินไปก็อดลอบมองหลินหยางไป แล้วคอยแอบเดาว่าหนุ่มคนนี้มาจากไหน น้ำเสียงของท่านผู้อำนวยการก่อนหน้า เหมือนกับว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นอาคันตุกะ
แต่ว่าสิ่งที่นางพยาบาลคิด พอไปถึงห้องผู้อำนวยการ หลินหยางเคาะประตูสองทีแล้วเดินเข้าไป
ไม่ได้เจอเซียวหวี่ครึ่งเดือน เซียวหวี่สวมสูทเต็มยศ ดูสะอาดสะอ้าน แว่นตาละเอียดประณีต จนดูเหมือนไม่มีเลนส์แว่น
พอเห็นหลินหยางเข้ามา เซียวหวี่จึงยิ้มเจื่อนๆ“ถ้าพี่ไม่โทรหาเนี่ย นายก็จะไม่มาทำงานใช่ไหม”
“ที่ไหนกันครับ แต่ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง ไม่งั้นก็มานานแล้วครับ ”หลินหยางหัวเราะฮ่าๆ“ผู้หญิงสวยๆแบบพี่หวี่ ผมอยากเจอทุกวันอยู่แล้วครับ”
“อยากเจอทุกวันเลยเหรอ งั้นนายเริ่มงานได้เลย ไม่ต้องใช้เรซูเม่ พี่เซ็นสัญญาห้าปีให้ทันทีเลย เงินเดือนๆละสองหมื่น เป็นไง”เซียวหวี่ยิ้มหรี่ตา
ได้ยินคำพูดของเซียวหวี่แล้ว หลินหยางอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกไป“แบบนี้ได้ไงกัน คนอื่นไม่รู้คิดว่าผมใช้เส้น เรามาคุยเรื่องงานกันเถอะครับ จะให้ผมทำอะไร”
“โรงพยาบาลสูตินรีเวช ก็ต้องตรวจเรื่องของผู้หญิงสิ ทางเราแบ่งเป็นแผนกผู้เชี่ยวชาญกับแผนกธรรมดา แผนกธรรมดามีหกกลุ่ม แผนกผู้เชี่ยวชาญมีสองกลุ่ม พี่จะให้เธออยู่แผนกผู้เชี่ยวชาญ”
“ก่อนหน้าที่เราคุยกัน นายจะต้องมาทำงานที่โรงพยาบาลทุกวันอังคารกับวันเสาร์ เวลาอื่นๆถ้าว่างก็มา จำไว้นะสองวันนี้ต้องมา ไม่งั้นหักเงินเดือนนะ!”เซียวหวี่พูดดุๆ
“ผมจำได้ว่าตอนนั้นให้ค่าคอม50% ส่วนเงินเดือนน่ะตอนนั้นโดนสาวใจร้ายยกเลิกไปแล้ว เป็นครั้งแรกที่ได้เจอทำงานไม่มีเงินเดือน”หลินหยางเบ้ปากอย่างไม่พอใจ
“ก็ได้ๆ เงินเดือนขั้นต่ำให้ห้าพันแล้วกัน”เซียวหวี่กลอกตาใส่หลินหยาง เธอเคยเห็นหลินหยางหาเงินเป็นสิบๆล้าน ทำไมขี้เหนียวจนเห็นแก่เงินเดือนเล็กๆน้อยๆแค่นี้
“ก็ได้ครับ วันนี้วันจันทร์พอดี เซ็นสัญญาแล้วพรุ่งนี้ผมมาเลย”หลินหยางยิ้มตอบ
“ตกลง นายเซ็นสัญญานี่หน่อย”เซียวหวี่ยื่นหนังสือสัญญา
หลินหยางมองดูข้างบน ช่างแตกต่างกับตอนคุยกันสองคนก่อนหน้า เขาเซ็นสัญญา หัวหน้าหลี่ประทับตราลงไป
“เสี่ยวซุน พาหลินหยางไปทำความรู้จักกับแผนกผู้เชี่ยวชาญหน่อย”เซียวหวี่พูดกับเลขาสาว
“ค่ะ”ซุนเซียงที่ยืนอยู่ข้างๆเซียวหวี่ ในใจเหมือนเกิดคลื่นระลอกใหญ่ ยามปกติเวลาผู้อำนวยการอยู่กับผู้นำระดับเมืองก็ยังไม่เป็นมิตรขนาดนี้ แต่วันนี้กับเป็นมิตรกับเด็กหนุ่มขนาดนี้ ทั้งคุยทั้งหัวเราะ ในใจก็อดแคลงใจในสถานภาพของหลินหยางไม่ได้
“ฉันชื่อซุนเซียง。”
“หลินหยาง ขอถามหน่อยได้ไหม โรงพยาบาลเรามีแผนกบำรุงสตรีมั้ย”หลินหยางถามอย่างอารมณ์ดี
“จะเป็นไปได้ไง ก็มีแผนกอื่นๆด้วย แต่โดยหลักแล้วเป็นแผนกสูติ ส่วนแผนกอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับสูติ ก็จะเป็นแผนกที่รักษาโรคเล็กๆน้อย เช่น เป็นหวัด และก็มีแผนกทันตกรรม”ซุนเซียงอธิบายอย่างมีน้ำใจ
หลินหยางฟังแล้วได้แต่กลอกดาขาวไม่หยุด จะให้ตัวเองอยู่แผนกไหนก็ได้ แต่ทำไมต้องเป็นแผนกสูติด้วย!
ยังไม่ทันได้ตัดพ้อเซียวหวี่ ซุนเซียงจึงพาหลินหยางไปที่อีกห้องทำงานหนึ่ง
“ตอนนี้ยังไม่มีคุณหมอมาที่ห้องประชุมแผนกสูตินะคะ!”หลังจากที่ซุนเซียงแจ้งข่าวสาร จึงค่อยๆมีคนทยอยเข้ามา
หลินหยางคอยสอดส่องดูคนที่ทยอยเข้ามา ห้องทั้งห้อง ดูเหมือนมีคนราวๆสี่สิบคน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มีเพียงเจ็ดคนที่เป็นผู้ชาย
“ขอแนะนำทุกท่านนะคะ นี่คือคุณหลินหยาง เป็นหัวหน้าแผนกผู้เชี่ยวชาญคนใหม่”ซุนเซียงตบมือ ดึงดูดความสนใจคนทั้งห้อง
“ว่าไงนะ เขาเนี่ยนะหัวหน้าแผนกผู้เชี่ยวชาญ แล้วยังแผนกสูติอีก”ทุกคนสบตามองไปมองมา มีความเคลื่อนไหวในช่วงเวลาหนึ่ง
“ซุนเซียง เป็นเด็กฝึกงานคนใหม่หรือเปล่า”ผู้หญิงอายุสามสิบกว่าที่นั่งด้านหน้ายิ้มขึ้น
“หัวหน้าเสิ่นคะ นี่คือหัวหน้าคนใหม่แผนกสูติค่ะ ท่านผู้อำนวยการเป็นคนเลือกเองเลยนะคะ”ซุนเซียงพูดเสียงเรียบ
“ท่านผู้อำนวยการเลือกเองเลยเหรอ ให้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมาทำหน้าที่สูตินี้น่ะนะ แถมยังอยู่ฝ่ายผู้เชี่ยวชาญอีก ไม่ใช่ว่าฉันจะหัวเราะเยาะเขานะ เจ้าหนู นายเคยเห็นตรงนั้นของผู้หญิงแล้วยัง”หัวหน้าเสิ่นลอบมองหลินหยางแล้วพูด
“ตรงไหน”หลินหยางถามเสียงเรียบ
พอได้ฟังคำหลินหยาง ผู้คนแทบกระอักเลือด เจ้าหนูนี่แน่จริงๆ แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
ส่วนหัวหน้าเสิ่นได้ฟังคำตอบของหลินหยางก็ตกตะลึง สีหน้าแดงก่ำ จ้องหลินหยางเขม็ง หัวหน้าเสิ่นพูดว่า“เจ้าหนูยังวัยรุ่นอยู่ แต่ปากคอเราะร้ายนะ ซุนเซียง เธอไปบอกผู้อำนวยการที เรื่องที่หลินหยางจะเป็นหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญ ฉันขอค้านเป็นคนแรก”
“เรื่องนี้ลงมติแล้วค่ะ หนังสือสัญญาก็เซ็นแล้ว”ซุนเซียงเข้าใจหัวอกหัวหน้าเสิ่น หัวหน้าเสิ่นอายุไม่มาก ปีนี้เพิ่งสามสิบเอ็ด เป็นมือหนึ่งของแผนกสูติ และกว่าจะได้มาซึ่งตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญนั้นไม่ง่าย
ตัวเองลำบากลำบนอยู่หลายปีกว่าจะได้ตำแหน่งมา ปรากฏว่าโดนเด็กหนุ่มที่ไหนมาฮุบไปก็ไม่รู้ ใครจะไปรับได้
“เรื่องนี้ฉันก็ขอค้าน”ผู้เชี่ยวชาญอีกคนของแผนกสูติลุกขึ้นยืน
มีหัวหน้าสองคนเปิดประเด็น คุณหมอที่เหลือก็แสดงความเห็นด้วย โดยส่วนมากต่างก็คัดค้านเช่นกัน มีไม่กี่คนหรอกที่ไม่เชิงสนับสนุน แค่ไม่ออกความเห็น
เมื่อเห็นบรรยากาศทั้งห้องยากแก่การควบคุม ซุนเซียงก็รู้สึกปวดหัวตงิดๆ เธอขมวดคิ้วแน่นหยิบมือถือออกมาโทรหาเซียวหวี่ แต่กลับโดนมือหนึ่งขวางเอาไว้
“ไม่ต้องรายงานท่านผู้อำนวยการหรอก ผมพูดกับทุกคนเอง”หลินหยางพูดเสียงเบา
เห็นหลินหยางมีสีหน้ามั่นใจ ซุนเซียงจึงต้องยอมพยักหน้า สง่าราศีที่กำจายออกมาจากผู้ชายคนนี้ ทำให้คนรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย
เขาหรี่ตายิ้มให้กลุ่มคน หลินหยางกระแอมเพื่อดึงดูดสายตากลุ่มคน“ทุกท่านครับ ผมชื่อหลินหยาง เป็นหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญแผนกสูติคนใหม่ครับ”