บทที่161หลงเฉียนถูกซ้อม
อยู่บ้านไป๋หยุนถึงห้าทุ่ม หลังจากหลินหยางได้เอาเปรียบไป๋หยุนอีกครั้ง ในที่สุดก็ไปจากบ้านเธอ
พอคิดได้ว่ากำลังจากจากไป หลินหยางคิดไปครู่นึง หลังจากกลับไปซื้อของกลับไปฝากสักหน่อย
นั่งแท็กซี่กลับมาถึงโรงแรม แต่กลับไม่เห็นคนของโรงเรียน ไม่นึกเลยว่าผู้อำนวยการเถาพวกเขาจะไม่อยู่
“เบี้ยวนัดฉันงั้นหรอ?” หลินหยางจับจมูกอย่างจนปัญญา หยิบมือถือออกมาโทรหากั่วเหมิง
“พวกคุณอยู่ไหนกัน? ผมกลับมาไม่เห็นใครสักคนเลย” หลินหยางบ่น
“พวกเราอยู่ที่โรงพยาบาลค่ะ กำลังช่วยเหลือฉุกเฉินหลงเฉียนอยู่ค่ะ” เสียงร้อนรนใจของกั่วเหมิงก้องมา
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” หลินหยางได้ยินแล้วตกใจ จึงถามด้วยความเร่งรีบ
“ถูกคนอื่นซ้อมค่ะ แต่ถูกใครซ้อมยังไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัดค่ะ” กั่วเหมิงรีบพูด
“พวกคุณอยู่โรงพยาบาลไหน? ผมไปดูหน่อย” หลินหยางหายใจลึกๆแล้วพูด ถึงแม้หลงเฉียนค่อนข้างหยิ่งยโส แต่ก็ไม่เหมือนคนโง่ที่ตั้งใจหาเหาใส่หัว จู่ๆถูกซ้อม หลินหยางรู้สึกปละหลาดใจมาก
ศูนย์บำบัดสุขภาพซินไห่
หลังจากรู้ที่อยู่แล้ว หลินหยางรีบนั่งแท็กซี่มาถึงที่ศูนย์บำบัดสุขภาพ หลังถามสถานที่ชัดเจน ก็ได้มาถึงที่หน้าห้องฉุกเฉินโดยตรง
ผู้อำนวยการเถา กั่วเหมิง โจวโต่ต่างก็อยู่หน้าห้อง ทั้งสามยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินอย่างร้อนรนใจ โดยเฉพาะผู้อำนวยการเถา สีหน้ายิ่งอยู่ยิ่งมืดมน
เดิมทีครั้งนี้เข้าร่วมงานแลกเปลี่ยนศิลปะ ได้ผลงานที่เพอร์เฟค ผู้ฝึกงานสองคนของตัวเองจะได้เข้าร่วมสถาบันวิจัยโรงพยาบาลจังหวัด ผลลัพธ์แบบนี้ทำให้ตัวเองจิตใจเบิกบานอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ปรากฏตอนจากไป ก็ได้เจอเรื่องแบบนี้
“โจวโต่ นี่มันอะไรกัน? ทำไมหลงเฉียนถึงถูกซ้อมได้?” หลินหยางเห็นทั้งสามคน ได้รีบถามในทันที
“เป็นเพราะฉันเองค่ะ ฮือๆ…….” ได้ยินคำพูดของหลินหยาง โจวโต่ที่อยู่ข้างๆเสียงสะอึกสะอื้น
“เพราะคุณ?” หลินหยางมองโจวโต่อย่างประหลาดใจ เหมือนตกอยู่ในสภาวะสะลึมสะลือ
“เดิมทีครั้งนี้เขาสองคนอยู่ในงานแลกเปลี่ยนทางการแพทย์ได้คะแนนดี อนาคตของวันข้างหน้าสดใส ภายใต้ความดีใจเลยออกไปฉลองหน่อย นึกไม่ถึงว่ามีคนเห็นโจวโต่สวย และอยากลวนลามเธอ
หลงเฉียนทนดูต่อไม่ไหวก็เลยโต้แย้งกับพวกเขา แต่ปรากฏฝ่ายตรงข้ามมีกันห้าคน ก็เลยซ้อมหลงเฉียนจนบาดเจ็บสาหัสค่ะ” กั่วเหมิงพูดด้วยความโกรธ
“คนของฝ่ายตรงข้ามคือใคร? ทำไมไม่เห็นมีคนมาชดใช้ค่าเสียหายเลยครับ?” หลินหยางขมวดคิ้ว ในใจเดาว่าคนของฝ่ายตรงข้ามน่าจะมีภูมิหลังไม่เบาเลย
“คนของฝ่ายตรงข้ามซ้อมคนเสร็จก็ไปแล้วค่ะ พวกมันเพิ่งไปตำรวจก็มาตรวจสอบ แต่ก็ตรวจสอบไม่ได้ความอะไรค่ะ” โจวโต่นึกย้อนถึงสถานการณ์ของตอนนั้น
“ผมคาดว่าคนของฝ่ายตรงข้ามพวกนั้นอยู่ในเมืองซินไห่น่าจะมีผู้หนุนหลัง ไม่งั้นเรื่องนี้ก็ได้ข้อสรุปตั้งนานแล้ว เฮ้อ” ผู้อำนวยการเถาถอนหายใจยาวเสียงนึง และเดินไปเดินมา
หลินหยางแววตาเยือกเย็น พร้อมถามด้วยเสียงเย็นชา: “คุณแจ้งตำรวจไปนานเท่าไหร่ ตำรวจถึงมาครับ?”
“ประมาณสิบกว่านาทีมั้งคะ” ชัดเจนว่าโจวโต่โกรธกับความเร็วที่ตำรวจมามาก
หลินหยางได้ยินแล้วพยักหน้าและพูดว่า: “ฝ่ายตรงข้ามน่าจะมีภูมิหลังอยู่ในเมืองซินไห่ ไม่งั้นตำรวจก็มาถึงตั้งนานแล้ว อย่าเพิ่งไปสนใจว่าฝ่ายตรงข้ามคือใครเลย รักษาหลงเฉียนให้หายดีก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ดิ๊งด่อง” จู่ๆขณะนี้ประตูกลับถูกเปิดออก คุณหมอท่านนึงออกมาจากด้านใน
“คุณหมอ เป็นยังไงบ้างครับ?” เห็นหมอเดินออกมา ผู้อำนวยการเถารีบถามในทันที
“อาการของคนไข้แย่มาก ตำแหน่งหัวใจมีเลือดออก มีอันตรายถึงขั้นชีวิตได้ทุกเมื่อ นี่เป็นข้อตกลงการเสียชีวิตฉบับนึง พวกคุณใครเป็นคนรับผิดชอบรบกวนช่วยเซ็นต์หน่อย ไม่งั้นทางโรงพยาบาลเราจะไม่ให้การรักษาครับ” หมอพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“อะไรนะ!” ผู้อำนวยการเถาได้ยินแล้วร่างกายทรงตัวไม่นิ่ง ถ้าครั้งนี้นักเรียนตาย ตัวเองต้องรับผิดชอบในส่วนใหญ่แน่นอน
“ผมลองเข้าไปดูซิ!” หลินหยางก็ไม่ลังเล อีกต่อไป ก็หายแว๊บเข้าไปเลย
“หยุด ใครให้คุณเข้าไป!” เห็นหลินหยางเข้าไปอย่างบ้าบิ่น หมอท่านนั้นตะคอกเสียงดังคำนึง และรีบตามเข้าไป ผู้อำนวยการเถาย่ำเท้าไปครู่นึง ก็ได้ตามเข้าไปด้วย
“คุณออกไป!” หมอท่านนี้ชี้หลินหยางพร้อมตะโกนใส่
ในห้องมีหมอทั้งหมดสามท่าน ทั้งหมดล้วนมองหลินหยางอย่างประหลาดใจ ไม่เข้าใจว่าไอ้คนบ้าบิ่นนี้บุกเข้ามาได้ยังไง
“ผมตรวจเช็คแป๊บนึง!” หลินหยางพูดอย่างราบเรียบ มือได้วางอยู่บนชีพจรของหลงเฉียนแล้ว
“ตอนนี้คนไข้มีอันตรายมาก คุณมามั่วซั่วอะไร!” หมอท่านนั้นพูด
“คุณก็แค่กลัวว่าคนไข้จะเกิดเรื่องความคาดหมายในเวลานี้ จากนั้นโรงพยาบาลก็หนีไม่พ้นไม่ใช่หรอครับ? วางใจเถอะ ถ้าผมรักษาไม่หาย ไม่ปัดความรับผิดชอบให้โรงพยาบาลพวกคุณหรอก” หลินหยางส่งเสียงฮึอย่างเย็นชาทีนึง ก็ไม่ได้สนใจหมอท่านนี้อีก
หมอท่านนั้นยังอยากพูดอะไรอีก กลับถูกผู้อำนวยการเถาขวางเอาไว้: “คุณรอก่อน ให้หลินหยางลองดูเถอะ”
“ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาจะทำยังไง?” หมอถามอย่างไม่สบอารมณ์
“ให้เขาลองดูเถอะค่ะ อีกอย่าง พวกคุณมีแผนการรักษาที่เหมาะสมกว่ามั้ยคะ?” กั่วเหมิงก็เดินเข้ามาด้วย เห็นหลงเฉียนที่นอนอยู่เตียง บนตัวมีเข็มเจาะอยู่เต็มตัว เธอส่ายหน้าอย่างห้ามใจไม่ได้
ผ่านไปสามนาที หลินหยางค่อยๆคลายมือออก สำหรับอาการของหลงเฉียนเขาได้ตรวจและรู้อย่างละเอียดถี่ถ้วน
แผลช้ำในของหลงเฉียนสาหัสมาก โดยเฉพาะเลือดที่คั่งอยู่ในหัวใจ มีความเสี่ยงที่จะอุดตันเส้นเลือดได้ทุกเมื่อ
“เอาล่ะ คนที่เกี่ยวข้องรีบออกไปซะ ถ้าคนไข้ไม่ได้รับการรักษาอีก จะอันตรายถึงขั้นตายได้ เซ็นต์ชื่อเถอะ” หมอยื่นข้อตกลงฉบับนึงให้ผู้อำนวยการเถา
“ผู้อำนวยการเถา เซ็นต์ชื่อเถอะครับ แต่ว่าครั้งนี้ไม่ต้องให้พวกเขารักษา ผมรักษาเอง” หลินหยางหยิบเข็มออกมาจากอ้อมอกแล้วพูด
“คุณเนี่ยนะ?”ผู้อำนวยการเถาเบิกตากว้างมองหลินหยางไว้ แววตายากที่เชื่อ
“เหลวไหล คุณนึกว่านี่เป็นการละเล่นเด็กหรอ? นี่มันชีวิตคนเชียวนะ!” หมอท่านนั้นรีบพูดเสียงดัง
“คุณยังรู้อยู่หรอว่านี่คือชีวิตคน? ถ้าก่อนหน้านั้นคุณไม่ออกมา และทำการผ่าตัดให้เขาโดยตรง เปอร์เซ็นต์ที่หลงเฉียนจะฟื้นขึ้นมาสูงมาก ก็เพราะคุณล่าช้าไปนานขนาดนี้ ก่อนทำเลือดคั่งในหัวใจอย่างร้ายแรงมาก”
“ถ้าผมเดาไม่ผิด วิธีที่คุณอยากใช้รักษาก็คือกรีดหัวใจออก และขับเลือดที่คั่งอยู่ในหัวใจออกมาใช่มั้ย? แล้วคุณเคยคิดมั้ย ถ้าจู่ๆเลือดที่คั่งอยู่ได้กระเซ็นออกมา ทำคุณตกใจคุณอาจกรีดเส้นเลือดขาดโดยตรงได้? อีกอย่างเลือดอุดตันได้สาหัสมาก คุณสามารถรับประกันว่าเสียเลือดมากไปจะไม่เกิดเรื่องเหนือความคาดหมาย?” หลินหยางสวนกลับด้วยเสียงเย็นชา แต่เขากลับไม่ให้มือว่าง ดึงเสื้อของหลงเฉียนออกโดยตรง ดึงเข็มบนตัวเขาออกหมด
หมอฟังแล้วบนหัวมีเหงื่อซึมออกมา ในฐานะที่เป็นหมอฝีมือชั้นเลิศของศูนย์บำบัดสุขภาพ เขาย่อมรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่หลินหยางพูดคือความจริง
เพียงแต่ไอ้หมอนี่ ดูแล้วก็อายุยี่สิบต้นๆเอง ทำไมถึงอุดมไปด้วยประสบการณ์ขนาดนี้ แม้กระทั่งยังตาแหลมกว่าตัวเองด้วย? อีกอย่างเมื่อกี๊ไอ้หมอนี่ไม่ได้ดูผลการวินิจฉัยเลย แค่จับชีพจรดู ในมือของเขายังถือเข็มไว้ หรือจะเป็นแพทย์แผนจีน?
“ผู้อำนวยการ เซ็นต์ชื่อเถอะค่ะ ฉันเคยได้ยินเพื่อนของหลินหยางพูดถึงฝีมือการรักษาของหลินหยาง เทียบกับแพทย์ทั่วไปถือว่าฝีมือเก่งกาจมาก ให้หลินหยางลองดูเถอะค่ะ” กั่วเหมิงมองดูหลินหยางแล้วพูด
สำหรับฝีมือทางการรักษาของหลินหยาง เธอได้ยินจ้าวจินฟ่งกับหนานกงหยูนเคยเอ่ยถึงอยู่
จ้าวจินฟ่งเคยเห็นหลินหยางทำการรักษาเองกับตา สำหรับโรคที่ยากและซับซ้อน สามารถบอกได้ว่าเป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย
ส่วนหนานกงหยูนเคยได้รับรู้การรักษาของหลินหยางเองกับตัว สำหรับฝีมือการรักษาของหลินหยาง เธอให้การประเมินแค่คำเดียวว่า: ล้ำลึกจนคาดการณ์ไม่ได้
ตอนนั้นเธอกับจ้าวจินฟ่งเป็นเพื่อนซี้กัน ฝีมือการรักษาของจ้าวจินฟ่งสามารถบอกได้ว่าดีเยี่ยม แต่ดูหน้าตาเธอที่เลื่อมใสหลินหยาง แล้ว ดูท่าฝีมือการรักษาของหลินหยางน่าจะยอดเยี่ยมมาก ส่วนหนานกงหยูนผู้หญิงคนนี้ ถึงแม้ปกติปิดซ่อนความคิดและพฤติกรรมของตัวเอง แต่การเผยบุคลิกที่ทำให้คนรู้สึกสบายโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ ทำให้คนยากที่จะดูถูก
คนแบบนี้ก็สรรเสริญหลินหยางด้วย จิตใต้สำนึกของ กั่วเหมิงก็ยกย่องฝีมือการรักษาของหลินหยางมาก
ผู้อำนวยการเถาลังเลไปพักนึง มองดูหลินหยางก็พยักหน้าให้ตัวเองด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดก็ตัดสินใจเซ็นต์ชื่อลงบนกระดาษ
“หลินหยาง คุณมีความมั่นใจเท่าไหร่?” ผู้อำนวยการเถาถามเสียงเบา
เพื่อขจัดความกังวลของผู้อำนวยการเถา หลินหยางพูดว่า: “อันตรายถึงขั้นชีวิตน่ะไม่มีแน่นอน แต่ถ้าหายเป็นปลิดทิ้งล่ะก็ อย่างน้อยก็ต้องบำรุงรักษาตัวครึ่งเดือนครับ”
“โอเค งั้นคุณก็ทำการรักษาเลย!” มองดูหน้าตาที่มีความมั่นใจของหลินหยาง ผู้อำนวยการเถาหลายปีมานี้เคยเห็นคนมานับไม่ถ้วน ย่อมดูออกว่าหลินหยางเป็นคนที่ไม่ยิงธนูโดยปราศจากเป้า
คนท่านนั้นเห็นผู้อำนวยการเถาเซ็นต์ชื่อ แววตามีความดีใจแว๊บผ่าน ปัญหาที่ยากจะรับมือนี้ ในที่สุดก็ไม่ต้องให้ทางโรงพยาบาลแบกรับกับผลที่ตามมาแล้ว
“ผมจะคอยดูซิว่าคุณจะรักษายังไง” หมอท่านนั้นพูดอย่างสบอารมณ์ด้วยและไม่พอใจด้วย
หลินหยางไม่ได้แคร์หมอสามท่านที่อยู่ในห้องผู้ป่วยเลย เขาพูดอย่างราบเรียบ: “งั้นก็ให้พวกคุณได้เปิดหูเปิดตากับแก่นแท้ของแพทย์แผนจีนหน่อย”
พอพูดจบ เข็มที่อยู่ในมือก็ได้ฝังเข้าไปในหกจุดของหัวใจตามลำดับ
ความลึก ความยาวหรือความสั้นของเข็มที่ฝังเข้าไป ภายใต้แสงไฟสาดส่องได้สะท้อนแสงสีเงินออกมา
ทุกคนเห็นหลินหยางเอาเข็มฝังไปที่ร่างกายของหลงเฉียน แต่ละคนตัวเกร็งไปหมด แต่พอเห็นหลงเฉียนไม่มีปฏิกิริยาที่ไม่สบายตัวเลย ถึงโล่งอกลงหน่อยนึง
หลินหยางสติตึงเครียด ถึงแม้ฝีมือการรักษาของตัวเองไม่ธรรมดา แต่นี่มันเกี่ยวข้องถึงตำแหน่งสำคัญของหัวใจ หลินหยางก็ไม่กล้าชะล่าใจอีกเช่นเคย
คนพวกนั้นลงมือหนักมาก จุดที่หลงเฉียนได้รับบาดเจ็บไม่เพียงแค่ตรงหัวใจ อวัยวะอื่นๆในร่างกายก็ได้รับความเสียหายไม่มากก็น้อยด้วย
ทุกคนเห็นแค่มือของหลินหยางเหมือนดั่งผีเสื้อทะลุดอกไม้ เข็มหล่นอยู่บนตัวหลงเฉียนดั่งหยดน้ำฝน ภายในไม่กี่นาที บนตัวของหลงเฉียนก็เต็มไปด้วยเข็ม นับคร่าวๆแล้วก็น่าจะมีเจ็ดแปดสิบเข็มได้
ทุกคนหายใจทางปากอย่างห้ามใจไม่ได้ ไม่พูดถึงอย่างอื่น แค่พูดถึงเทคนิกการฝังเข็มนี้ ถ้าหลินหยางไม่ใช่ฝังไปมั่ว งั้นฝีมือการแพทย์ของหลินหยางแค่เห็นส่วนน้อยก็สามารถคาดเดาภาพรวมได้แล้ว
หลังจากฝังเข็มทั้งหมดลงไปเสร็จ หลินหยางไม่ได้หยุดท่าทางของมือ ได้หมุนเข็มต่อ ไม่นาน เลือดก็ได้ซึมออกมาจากเข็มทีละนิดๆ
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ผู้คนไม่กล้าหายใจเสียงดังเลย แต่แววตาของรองคณบดีก็มีความดีใจแว๊บผ่านอยู่ ในฐานะที่เป็นรองคณบดีของมหาวิทยาลัยแพทย์เจียงหลิง การแพทย์เขาก็พอมีพื้นฐานอยู่
เห็นสีหน้าของหลินหยางจากซีดเซียวค่อยๆเปลี่ยนมามีเลือดฝาด คลื่นการหายใจสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในใจเขารู้ดี ชีวิตของหลงเฉียนถือว่าได้รักษาเอาไว้แล้ว
คนที่อยู่ในห้องล้วนเรียนเกี่ยวกับการแพทย์ทั้งนั้น เห็นปฏิกิริยาของหลงเฉียน แต่ละคนอ้าปากกว้างมาก
สายตาที่กั่วเหมิงมองไปที่หลินหยางเปล่งประกาย ไอ้หมอนี่ มีความสามารถจริงๆซะด้วย
หลังจากหลินหยางได้หมุนเข็มทั้งหมดเสร็จ ในที่สุดก็หายใจออกมายาวๆ ผู้คนนึกว่าหลินหยางเสร็จสิ้นการรักษาแล้ว กำลังจะเดินมาปลอบขวัญ ก็ถูกหลินหยางขัดขวางไว้: “อย่ามา การรักษายังไม่เสร็จเลย”
ทุกคนได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ มองดูหลินหยางทำการรักษาอย่างละเอียด
หลินหยางได้ดึงเข็มที่ยาวที่สุดออกมาอีก ประมาณสิบห้าเซนติเมตร เล็งหัวใจของหลงเฉียนแม่นยำแล้วฝังลงไป
ทุกคนเบิกตากว้างมองหลินหยาง โจวโต่เกือบจะตะโกนร้องออกมาด้วยความตกใจ ในยามคับขันก็ยังได้กุมปากตัวเองไว้
ไม่นึกเลยว่าเข็มยาวขนาดนี้จะฝังลงไปที่หัวใจ ถ้าตอนแรกหลินหยางก็ทำแบบนี้ คนอื่นต้องนึกว่าหลินหยางกับหลงเฉียนมีความแค้น อยากคร่าชีวิตของหลงเฉียนโดยตรงแน่นอน
“Puchh——”เลือดสีดำเส้นเล็กๆได้พ่นออกมา
มือของหลินหยางไม่หยุด ฝังและเอาออกอย่างไวเก้าครั้ง ในที่สุดถึงหยุดท่าทางของมือลง
หลังจากจบสิ้นหลินหยางได้นั่งลงที่พื้น และหายใจหอบหืดคำโต ปล่อยเจินชี่ออกมาติดต่อกันหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ถึงจะหลินหยางที่เป็นคนรุ่นหลังของพลังมังกรและหงส์ก็ยังรู้สึกยากที่จะรับไหว