บทที่ 211 กลืนกิน
ยามเมื่อเปิดประตูเข้ามา ฉีเยนเอ๋อร์ก็รู้ทันทีว่าตนเองนั้นทำผิดมหันต์ บริเวณท้องน้องของเด็กสาวอ้อนแอ้นคนนั้นมีแต่เข็มเงินปักเต็มไปทั่ว หลินหยางกำลังกดนวดเส้นให้เธออยู่ ภาพๆ นี้ ตนเองก็เคยผ่าน ณ จุดนี้มาแล้ว ทั้งหมดนี่คือกำลังรักษาอาการป่วยให้กับเด็กสาวคนนี้อยู่นี่!
“ทำไมคุณไม่เคาะประตู!” หลินหยางพูดถามหาเรื่องเล็กน้อย
อานเสี่ยวซิงรีบหันหลังให้อย่างรีบร้อน ส่วนฉีเยนเอ๋อร์ที่อารมณ์กำลังเดือดพล่านพลันลดลงไปเยอะ พร้อมทั้งพูดอย่างกล่าวโทษแทน “ก็นึกว่าคุณกำลังทำเรื่องสนุกๆ อยู่ในห้องอยู่นี่ คุณทำงานของคุณต่อไปเถอะ!”
เมื่อเห็นว่าฉีเยนเอ๋อร์หันศีรษะพร้อมทั้งเดินหนีไปแล้ว หลินหยางได้แต่ส่ายหน้าไปมา “วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะดึงออก ผ่านไปสองวันค่อยมาฝังเข็มใหม่!”
อานเสี่ยวซิงพยักหน้าเล็กน้อย ใบหน้าแดงแจ๋เป็นลูกแอปเปิลสุกลูกใหญ่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
จากนั้นหลินหยางก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับไปที่ห้องทำงานงานของตนเอง แท้จริงแล้วฉีเยนเอ๋อร์กำลังยืนรออยู่บริเวณหน้าประตูห้อง
“เป็นอะไรไป? ถึงได้ใช้สายตานั้นจ้องมองมาที่ฉันได้นะ!” หลินหยางยิ้มให้
“มองคุณไงว่าใช้วิธีไหนในการหลอกล่อสาวน้อยคนอื่น!” ฉีเยนเอ๋อร์ยิ้มตอบ
หลินหยางไม่ได้พูดต่อปากต่อกรกับเรื่องนี้ต่อ เขาถือเอกสารเป็นกองเดินเข้าไปด้านใน ฉีเยนเอ๋อร์ก็เดินตามเข้ามาพร้อมทั้งใช้หลังฝ่ามือผลักประตูให้ปิดตาม
เมื่อเธอเข้ามาด้านในห้องก็กอดรัดหลินหยางเอาไว้ พร้อมทั้งพูดอย่างออดอ้อน “สองวันนี้คุณไปไหนมา ฉันนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานจนเบื่อเต็มทนแล้ว!”
“คุณหนูไฮโซอย่างคุณมาเที่ยวเล่นก็พอแล้ว พวกเรายังต้องขยันทำงานกันอยู่นะ! สองวันก่อนไปช่วยชีวิตคนมา!” หลินหยางกล่าว
“ช่วยคน? ช่วยผู้หญิงเหรอ?” ในที่สุดฉีเยนเอ๋อร์ก็เดาได้
หลินหยางไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ “ช่วยเหมือนกับการที่ช่วยคุณนั่นแหละ!”
“ไม่เหมือน! เมื่อครู่คุณช่วยรักษาอาการป่วยให้กับผู้ช่วยคนนั้น อย่าได้ช่วยเหมือนตอนที่ช่วยฉันตอนนั้นแล้วกัน!” ฉีเยนเอ๋อร์เอนตัวตอนกล่าวออกมา
“หมอก็เป็นก็เป็นห่วงคนไข้เหมือนกับพ่อแม่ มันไม่เหมือนกันตรงไหน!” หลินหยางกล่าว
ฉีเยนเอ๋อร์ไม่ได้ตอบโต้กลับ ได้แต่ทำเสียงกระฟัดกระเฟียดใส่พร้อมทั้งใช้คางเกยไหล่ของหลินหยางเอาไว้ การได้แอบอิงเขาทำให้รู้สึกร่างกายผ่อนคลายไปทั้งตัว
ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดผ่านร่างกายที่แนบชิดกันอยู่ หลินหยางจะทนต่อไปได้อย่างไรไหว โดยเฉพาะฉีเยนเอ๋อร์ยิ่งแต่งตัวล่อแหลม จนเสื้อสเวตเตอร์คอกว้างลึก จนทำให้ลูกบอลอันอวบอิ่มโผล่นูนทะลักออกมาจนชวนให้น่าหลงใหล จนหลินหยางอยากจะกัดสักคำ
“สวยไหม?” ฉีเยนเอ๋อร์ถามอย่างมีความสุข
“สวย!”
ฉีเยนเอ๋อร์กระหวัดคว้าคอของเขาเอาไว้ บริเวณช่วงล่างก็เบียดติดกับร่างกายของเขา จนสัมผัสกับสิ่งบางอย่างที่กำลังแข็งและชูชันขึ้นมา พลางยื่นมือออกไปคว้าเอาไว้ จนเธอยิ้มอย่างเขินอาย “คุณดูสิ สิ่งที่ซื่อสัตย์ที่สุดมันคือตรงนี้!”
“มันไม่ใช่ซื่อสัตย์ มันก็แต่ไม่เชื่อฟังเท่านั้นเอง ไม่มีหลักการอะไรสักนิด!” หลินหยางพูดบ่นตนเอง
“แต่ฉันชอบที่มันไม่มีหลักการแบบนี้ หรือว่า ….อยากแล้วใช่ไหม!” ลมหายใจร้อนผ่าวของฉีเยนเอ๋อร์พ่นรดบริเวณใบหูของเขา มันก่อกวนปั่นป่วนหัวใจเสียจริง
หลินหยางกระแอมออกมา “ตอนนี้เป็นเวลาทำงานอยู่นะ!”
“เหรอ? งั้นเลิกงานล่ะ” ฉีเยนเอ๋อร์พูดอย่างออดอ้อน
ผู้หญิงคนนี้ยังคงมัวแต่ซุกซนบริเวณช่วงล่างของหลินหยาง เขารีบถอยตัวออกพร้อมทั้งกล่าวว่า “เลิกงาน เลิกงานแล้วเราค่อยมาว่ากันนะ!”
อีตาจอมเจ้าเล่ห์อย่างหมอนี่ ฉีเยนเอ๋อร์อดไม่ไหวจนต้องขบบริเวณลำคอของเขาไปครั้งหนึ่ง
หลินหยางมองเธอที่อาการโมโหกระฟัดกระเฟียดเต็มทนจนต้องยิ้มแล้วกล่าวออกมา “อย่างอแงเลยนะ เพิ่มจะจัดเก็บการทดลองเสร็จ ถ้าทำสำเร็จแล้วก็สามารถเปิดตัวสินค้าผลิตภัณฑ์ตัวใหม่!”
“ทำไมต้องยุ่งขนาดนี้ด้วย คุณก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินสักนิด!” ฉีเยนเอ๋อร์พูดอย่างไม่พอใจ
“ไม่ ไม่ใช่เรื่องเงินทอง! ทำเรื่องพวกนี้ต้องหาเรื่องอะไรทำสักหน่อย คุณว่าถูกมั้ย” หลินหยางพูดอย่างจริงจัง
นี่คงเป็นครั้งแรกที่หลินหยางพูดสิ่งที่อยู่ในใจของตนเองออกมา นี่เป็นจิตวิญญาณความรับผิดชอบของหมออันแรงกล้าคนหนึ่ง เรื่องเงินทองตอนนี้เขาเองก็ไม่ได้ขาดแคลน เขาต้องการพัฒนาเทคนิคทางการแพทย์ของตนเอง เพื่อมอบชีวิตชีวาใหม่ๆ ให้กับวงการแพทย์แผนจีนที่ใกล้เหือดแห้งไปทุกที
“คุณต้องการมีชื่อเสียงงั้นเหรอ?” ฉีเยนเอ๋อร์เอ่ยปากถาม
“ฉันไม่ต้องการ ขอแค่มีไป๋เซียนเฉ่าออกหน้ารับแทนให้ก็พอแล้ว นี่เป็นตัวผลิตภัณฑ์ของเซียนเฉ่าเก๋อเลยนะ!” หลินหยางหัวเราะ
ผู้ชายที่ไม่ค่อยสนใจชื่อเสียงสักเท่าไหร่ แถมยังค่อนข้างถ่อมตนอย่างจริงๆ ไม่งั้นอาศัยชื่อเสียงอันโด่งดังในการประชุมในครั้งนี้ของเขา จนสามารถประกาศชื่อเสียงของตนเองให้ดังไปทั่วในการพูดสุนทรพจน์ในครั้งนี้ เพราะว่าหลินหยางเองก็ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ในผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ จนทำให้ฉีเยนเอ๋อร์ยิ่งชื่นชมมากขึ้นกว่าเดิม ผู้ชายเช่นนี้ถือว่าเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์อย่างเต็มเปี่ยม!
เมื่อเห็นนัยน์ตาของฉีเยนเอ๋อร์ที่ทอดสายตาประกายระยิบระยับจนเตลิดไปไกล จนหลินหยางถึงกับยิ้มตอบ “เป็นอะไรไป?”
“ฉัน….หลงรักคุณจัง!” ฉีเยนเอ๋อร์กดริมฝีปากจูบหลินหยางอย่างแรง
ทั้งสองคนเกี่ยวกระหวัดรัดกันอยู่นาน ร่างกายของฉีเยนเอ๋อร์ร้อนผ่าวจนอยากจะพ่นมันออกมา หลายครั้งนักที่ใช้สายตาเชื้อเชิญหลินหยางอย่างกล่าวโทษ ทว่าอีตาหมอนี่เอาแต่นิ่งเงียบไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาเลย
ฉีเยนเอ๋อร์เริ่มเบื่อหน่ายแล้ว จนขบเม้มลำคอของเขา จนเป็นรอยซีฟันเล็กๆ เป็นวง
“นี่คุณกำลังจะทำไรเนี่ย?” หลินหยางพูดอย่างเจ็บปวด
“คนเลว คุณมาคลำตรงนี้!” ฉีเยนเอ๋อร์แหวกกระโปรงสั้นของตนเองออกจากกัน
จนเห็นกางเกงในผ้าสีขาวโผล่ออกมา ร่องรอยเรียวยาวมันเปิดเผยความในใจที่ร้อนผ่าวของฉีเยนเอ๋อร์ในเวลานี้ หลินหยางเริ่มอดทนไม่ไหว มือของก็เลื่อนไปสัมผัสตรงนั้นอย่างไม่รู้ตัว
มันทั้งแฉะ ทั้งลื่นๆ ฉีเยนเอ๋อร์หลับตาพร้อมทั้งเกร็งและหนีบขาทั้งสองข้างเอาไว้แน่น มือของหลินยางทำได้แค่ขยับขึ้นและลงวนไปมา โดยเริ่มจากการบี้บดบริเวณร่องน้ำลึก
ฉีเยนเอ๋อร์เริ่มขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว ร่างกายเหมือนกำลังถูกไฟช็อต
มือของหลินหยางเริ่มลงแรงอยากหนักหน่วง การจู่โจมอย่างระทึกใจเช่นนี้ฉีเยนเอ๋อร์จะทนไหวได้อย่างไร แค่เพียงชั่วเวลา เธอก็รู้สึกว่ามีกระแสร้อนที่ใกล้จะพวยพุ่งออกมาเต็มที
“เร็ว … รีบเอาออก!” ฉีเยนเอ๋อร์ร้องเสียงหลง
ทว่าไม่ทันการณ์เสียแล้ว มือของหลินหยางเปียกแฉะไปหมด ร่างกายของฉีเยนเอ๋อร์หมดเรี่ยวหมดแรง อาการที่ขี้เอาเมื่อครู่นี้มันช่างน่าขายหน้าเสียจริง เวลานี้เธออายจนไม่กล้ามองหน้าหลินหยางด้วยซ้ำ
“สารเลว คุณนี่มันช่างทรมานฉันได้ยังไงเนี่ย!” นานกว่าที่ฉีเยนเอ๋อร์จะพูดออกมาได้สักประโยค
หลินหยางเอามือออกมา พร้อมทั้งกลั้นยิ้มเอาไว้ “ก็คุณรัดซะแน่นขนาดนั้น ฉันไม่มีช่องว่างให้ขยับเลยสักนิด!”
ฉีเยนเอ๋อร์เริ่มตอบโต้กลับ พร้อมทั้งถอดเสื้อโค้ตออกอย่างไม่ลังเล จนทำให้เจ้ากระต่ายสีขาวตัวน้อยตัวนุ่มนิ่มเด้งดึ๋งจนกระโจนออกมาทันที รูปร่างของมันอวบอิ่มกว่าของอานเสี่ยวซิงตั้งเยอะ จนสามารถดึงดูดสายตาของหลินหยางได้อย่างทันทีทันใด
“คุณก็ถอดด้วยสิ!” ฉีเยนเอ๋อร์พูดแกมออกคำสั่ง
ถ้าไม่ยอมถอดผู้หญิงคนนี้คงบ้าคลั่งแน่นอน หลินหยางจงใจค่อยๆ ปลดเปลื้องกระดุมกางเกงของตนเองออก ถือว่านี่เป็นการยั่วยุจนรำคาญฉีเยนเอ๋อร์จนทำให้เธอต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อดึงกางเกงของหลินหยางออก
เสื้อผ้าตัวนี้ไม่ค่อยพอดีตัวสักเท่าไหร่ มันง่ายมากที่ทำให้ฉีเยนเอ๋อร์ทำได้ตามใจปรารถนา ทั้งสองคนตัวเปล่าโป๊เปลือยกอดรัดฟัดเหวี่ยงแนบชิดอยู่ด้วยกัน
ฉีเยนเอ๋อร์นั่งคร่อมอยู่บนลำตัวของเขาพลางกล่าวว่า “คนเลว ตอนนี้ถึงตาที่ฉันจะทรมานคุณบ้างแล้ว!”
พอพูดว่าทรมานเท่านั้นแหละ พฤติกรรมของฉีเยนเอ๋อร์เริ่มค่อยขยับเขยื้อนอย่างเต็มกำลัง จนทำให้หลินหยางนั้นทรมานยากจะทนไหว เพราะว่าทุกการกระทำนั้นตกอยู่ในมือของหญิงสาวคนนี้แทน ได้แต่จำใจปล่อยเลยตามเลยไปตามที่เธอกำหนด
ดีที่ว่าแรงของฉีเยนเอ๋อร์มีขีดจำกัด แค่ทรมานเขาอยู่หลายนาทีก็หมดเรี่ยวแรงแล้ว จนหลินหยางอุ้มเธอขึ้นมาแล้ววางพาดลงบนโต๊ะทำงาน พร้อมทั้งจ้องมองเธอเอาไว้
“คุณนี่มันเป็นเจ้าปีศาจตัวน้อยตัวจริงเสียงจริง เป็นปีศาจที่ดูดจิตวิญญาณของคนจนหมดเกลี้ยง!” หลินหยางพูดอธิบาย
“คุณก็พูดมั่วไป วิญญาณของฉันเพิ่งจะถูกคุณดูดหมดไปนะ!” ฉีเยนเอ๋อร์พูดจนหน้าแดง
ร่างกายที่งดงามชวนหลงใหล ผิวพรรณที่ขาวผ่องเนียนละเอียด ร่างกายของฉีเยนเอ๋อร์มีต้นทุนจนทำให้หลินหยางไม่สามารถปลดเปลื้องได้ เดิมทีสิ่งที่เขาคิดวางแผนเอาไว้ทั้งหมดนั้นมันดันไปอยู่ด้านหลังสมองทั้งหมดเพราะในเวลาในหัวสมองของเขาแค่คิดว่าต้องการดื่มด่ำความสุขไปกับเธอ ในช่วงเวลานี้
หลินหยางแรงเยอะมาก บวกกับการช่วยของพลังมังกรและหงส์ ทั้งสองคนก็ใช้เวลาอยู่ในนี้ตลอดทั้งช่วงบ่าย สิ่งที่ทำให้หลินหยางรู้สึกยินดีและประหลาดใจก็คือตนเองได้ก้าวข้ามผ่านระดับเหนือขึ้นของตนเองในอีกระดับ จนในที่สุดก็ถึงจุดสุดยอดเป็นครั้งที่สอง
เจินชี่อันพลุ่งพล่าน การกระทำที่ดุดันที่หล่อหลอมสายสัมพันธ์เข้าด้วยกัน จนทำให้ฉีเยนเอ๋อร์ปล่อยน้ำออกมาอีกครั้ง หลินหยางถึงยอมหยุดตัวลง
“โดยปกติแล้วผู้ชายจะเป็นคนปล่อยน้ำหมดแรง คุณนี่ดีจริงๆ ปล่อยน้ำออกมามากกว่าผู้ชายแล้ว!” หลินหยางพูดหยอกล้อ
ส่วนฉีเยนเอ๋อร์ขนาดเรี่ยวแรงจะตอบโต้ยังไม่มีเลย ใครจะไปรู้กันล่ะว่าร่างกายของตนเองนั้นจะพิเศษได้เช่นนี้ แต่ว่าหลินหยางกลับรู้สึกว่าพอใจเป็นอย่างมาก
ยามเมื่อมองเวลา ก็ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว ฉีเยนเอ๋อร์ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ขนาดใส่เสื้อผ้าหลินหยางยังเป็นคนช่วยใส่ให้เลย
ยามเมื่อเท้าแตะพื้นนั้น ตัวของฉีเยนเอ๋อร์ก็เกือบลื่นล้ม ดีที่ว่าจับโต๊ะทำงานเพื่อประคองตนเองให้ยืนตรงเอาไว้จนมือสัมผัสสิ่งที่แฉะลื่นๆ ตอนที่เธอหันกลับไปมองนั้น ก็อายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ที่แท้สิ่งที่อยู่กระจายเปรอะเปื้อนอยู่เต็มโต๊ะนั้นคือคราบน้ำ
“ยังจะมองอะไรอีก รีบจัดการเช็ดให้หมดเดี๋ยวนี้!” ฉีเยนเอ๋อร์กล่าวออกมา
ถ้าไม่คิดถึงหน้าตาที่เปราะบางของเธอแล้ว หลินหยางอดใจไม่ไหวจนอยากจะเอากล้องมาถ่ายรูปเพื่อบันทึกความรักเอาไว้สักหลายๆ รูป เพราะว่าความสามารถพวกนี้ใช่ว่าคนปกติจะทำได้!
เมื่อทั้งสองคนก้าวเท้าเดินออกจากประตู ก็เห็นว่าไป๋เซียนเฉ่าเป็นคนมารับหน้าเอาไว้
“พวกคุณสองคนทำไรกันกลางวันแสกๆ เนี่ยนะ? คิดว่าตนเองเป็นเด็กหรือไง?” เธอถึงกับกลอกตามองบน
“ขาของเธอเดินไม่ค่อยสะดวก ฉันเลยต้องประคองเอาไว้!” หลินหยางพูดปัด
ฉีเยนเอ๋อร์เริ่มพูดติดตลก “ใช่สิ หรือว่าพี่เซียนเฉ่าจะช่วยประคองฉันดีไหมล่ะ!”
ไป๋เซียนเฉ่าขี้เกียจประคองเธอ ได้แต่บ่นพึมพำ “พอแล้ว คืนนี้จางเยว่เลี้ยงข้าวเย็น ถ้าคุณไม่ไป ฉันจะไปกับหลินหยางเอง!”
“ไป ทำไมจะไม่ไปล่ะ ฉันขอไปสนุกด้วยคนสิ!” ฉีเยนเอ๋อร์ใช้มือเล็กกอดบริเวณเอวอันอ่อนนุ่มของหลินหยางเอาไว้อย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลินหยางกระแอมออกมา “ได้สิ ไปด้วยกันนี่แหละ!”
ผู้หญิงสามคนออกโรงพร้อมกัน หลินหยางไม่ใช่พระเอกในละครเรื่องนี้ เดิมทีเขาคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะเดือดพลุ่งพล่าน ไม่คิดเลยว่าทั้งคนพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนิทสนม จากเรื่องการแต่งหน้าไปถึงการแต่งตัว จนสุดท้ายเขาได้กลายเป็นตัวประกอบไปแทน
“เอาเหล้ามาให้ฉันขวดหนึ่ง!”
“เอาตะเกียบมาให้ฉัน!”
“ฉันจะเอาขนมหวานอันนั้น!”
หลินหยางกลายเป็นพนักงานที่ต้องคอยเสิร์ฟน้ำชาพร้อมทั้งหยิบจับนู่นนี่ให้ตลอด เพื่อปรนนิบัติพัดวีให้คุณหนูทั้งสามคน
“พวกคุณนี่ทำเกินเลยไปแล้ว!” หลินหยางเริ่มพูดประท้วง
“ทำไม? สาวสวยสามคนมากินข้าวเป็นเพื่อนคุณ คุณยังไม่พอใจอีกเหรอ? เชื่อไหมว่าถ้าฉันตะโกนออกไป คนที่ยอมมานั่งกินข้าวด้วยคงต่อแถวจากตรงนี้ยาวไปจนถึงเมืองจินหลิงแล้วแหละ!” ไป๋เซียนเฉ่าพูดอย่างภาคภูมิใจ
หลินหยางโบกมือพร้อมทั้งกล่าวว่า “พอแล้ว ถือว่าฉันโชคดีที่สุดแล้ว ที่ได้มานั่งกินเหล้ากับสาวๆ คนสวย!”
เมื่อเหล้าเข้าปากจนสายสัมพันธ์ดีขึ้นตามลำดับแล้ว หญิงสาวก็ถูกหลินหยางดึงเข้ามาอยู่ในจังหวะของเขาทันที จนบรรยากาศดูร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน ผู้หญิงหลายคนอยู่รวมตัว การที่สามารถจัดการให้อยู่หมัดได้นั้นถือว่าเป็นเทคนิคการปรับตัวที่สุดยอดจริงๆ
สุราถือว่าเป็นของดี ที่สามารถทำให้คนอื่นเมามายได้ จนทำให้คนเราลืมอาการเครียดไปชั่วครู่ ผู้หญิงสามคนก็ไม่ได้สร้างเรื่องให้หลินหยาง แถมยังไม่ได้ใช้สายตาจ้องมองเขาด้วยสายตาเย้ายวนจ้องมองเขา
ถ้าหากว่ามีผู้หญิงแค่คนเดียวนั้น หลินหยางก็สามารถโอบกอดเธออย่างเปิดเผยได้ พร้อมทั้งจูบดูดดื่มสักยก แต่ว่าหญิงสาวสามคนนี้ดันมาอยู่ด้วยกัน ไม่ง่ายเลยที่จะสามารถจัดการได้อยู่หมัด
เมื่อดื่มกันอย่างเต็มที่แล้ว ก็จัดการประคองหญิงสาวที่เดินเซทั้งสามคนออกมา พร้อมทั้งเอาตัวขึ้นรถ
หลินหยางรีบบึ่งรถไปที่เซียนเฉ่าเก๋อ เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในค่ำคืนนั้น จนหัวใจรุ่มร้อน
และพาหญิงสาวทั้งสามคนประคองมาจนถึงเตียงขนาดใหญ่ หลินหยางถึงกับหอบหายใจ จากนั้นก็หันหลังเพื่อจะไปอาบน้ำในห้องน้ำ ทิ้งสามสาวไว้ด้านหลัง
เวลานั้นเองสามสาวก็ลืมตาขึ้นมา พร้อมทั้งมองหน้ากัน จนยิ้มให้กันทันที
ที่แท้สาวสามกำลังแกล้งเมา พร้อมทั้งคิดแผนบางอย่างอยู่ในใจ!
“เสียท่าให้อีตานี่แล้ว!” ไป๋เซียนเฉ่าพูดออกมาพร้อมทั้งกลิ่นเหล้าออกมา
“ใครอยากจะขอตัวออกจากเกมนี้ก็รีบเขา เดี๋ยวพอตอนเขาออกมาแล้วหนีไม่ได้แล้วนะ!” จางเยว่พูดชวนหลงใหล
ฉีเยนเอ๋อร์ส่งเสียงกระแอมในลำคอ “พวกคุณต่างก็มีความคิดไม่ดี ฉันไม่ได้โง่นี่! ฉันก็จะไปอาบน้ำด้วย!”
ฉีเยนเอ๋อร์รีบกระโดดลงจากเตียงทันที ไป๋เซียนเฉ่าก็ไม่สนแล้ว เธอก็รีบกระโดดลงจากเตียงเช่นกัน ส่วนจางเยว่ได้แต่ลงจากเตียงเป็นคนสุดท้ายอย่างไม่พอใจ
หลินหยางที่กำลังอาบน้ำอยู่ในตอนนี้ กำลังอาบน้ำอุ่นอย่างสบายใจ ทันใดนั้นก็มีผู้หญิงสามคนกระโจนเข้ามาพร้อมทั้งเบียดเสียดกันจนเขาตกใจทันที
“พวกคุณกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” หลินหยางถาม
หญิงสาวทั้งคนต่างทำท่าคาดหวังตามแบบของตนเอง ใบหน้าที่แดงแจ๋ รูปร่างอันชวนพิศวาส ไป๋เซียนเฉ่ายืนเท้าสะเอวพูดก่อน “วันนี้แพ้คุณแล้ว พวกเราเลยจะมาอาบน้ำเป็นเพื่อนคุณแทน!”
ยังไม่ทันได้ตอบอะไร สาวสามก็กระโจนเข้ามาใต้ฝักบัวอย่างวุ่นวายสนุกสนาน
บรรยากาศอันร้อนผ่าวจนจุดประกายความเร่าร้อนของหลินหยาง ครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อน เพราะว่าผู้หญิงสองคนเริ่มแสดงอาการกระตุกเล็กน้อย คืนนี้ผู้หญิงสามคนต่างอยู่ในอาการร้อนรุ่ม จนอยากจะจัดการฉีกแบ่งหลินหยางออกเป็นสามส่วนแล้ว!
ฝักบัวที่ปล่อยน้ำอุ่นลงมาจนทำให้เสื้อผ้าของพวกเธอนั้นเปียกชุ่มไปทั่ว หญิงสาวสามคนที่รูปร่างงดงามกำลังจ้องมองหลินหยางจนอยากจะกระอักเลือดออกมาอยู่แล้ว!