ไป๋เซียนเฉ่าโมโหจนยั้งอารมณ์ไม่อยู่ หลินหยางรีบดึงเธอออกไป
ทั้งสองนั่งลงบนโซฟา หลินหยางเอ่ยปลอบ “เรื่องบางเรื่อง ลืมมันซะดีกว่า! ยังจำตอนแรกที่เธอพาฉันไปที่ชานเมืองแล้วดูดาวกับฉันทั้งคืนได้มั้ย? เรื่องบางเรื่องก็ให้มันเป็นดาวที่ตกผ่านไปเถอะ! แผลเป็นบนหน้าเธอตอนนี้ก็ให้ฉันรักษาหายแล้ว”
“แผลเป็นบนหน้าหายแล้ว บาดแผลในใจชั่วชีวิตนี้ก็ไม่มีทางหาย! ส้งเจียวผู้หญิงคนนี้น่ารังเกียจเกินไปแล้ว ไม่นึกว่าจะใช้คนสารเลวนั่นมาเป็นผู้ช่วย!” ไป๋เซียนเฉ่ากัดฟันพูด
หลินหยางกุมมือเธอเอ่ย “ตอนนี้เธอเอาความแค้นไว้ในใจ ก็กลับจะเข้าทางเขาเสียอีก!”
“ที่ไอ้สารเลวนั่นทำบาปมหันต์กับฉันในตอนแรก นึกไม่ถึงว่าจะหาคนหนุนหลังใหญ่โตขนาดนั้นได้ มิน่าถึงได้ส่งภาพอัปลักษณ์พวกนั้นมาให้ฉันได้อย่างหน้าไม่อาย!” ไป๋เซียนเฉ่าเอ่ยอย่างชิงชัง
หลูยี่เจ้าคนน่ารังเกียจทอดทิ้งไป๋เซียนเฉ่าไปไม่ว่า ยังหาคนมาทำร้ายเธออีก ที่บ้ายิ่งกว่านั้นคือไม่นึกว่าเจ้าหมานั่นจะถ่ายรูปตัวเอง แล้วส่งรูปสกปรกพวกนั้นมา
“คนเลวแบบนั้น จะจัดการเขามันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร เธอจะเสียสติไปทำไมล่ะ?” หลินหยางเอ่ยยิ้ม ๆ
“นายก็พูดง่าย ตอนนี้เขาเป็นผู้ช่วยของส้งเจียว แตะต้องเขา จะผ่านระดับส้งเจียวไปได้เหรอ?” ไป๋เซียนเฉ่าพูดอย่างห่อเหี่ยว
หลินหยางหัวเราะแหะ ๆ ก่อนพูด “คนสารเลวพันนั้นทำไมถึงแอบซ่อนอยู่ข้างตัวส้งเจียวได้? ฉันรู้ว่าคนใจคดแบบนั้นไม่มีทางยอมเต็มใจอยู่ใต้คนอื่นแน่ ถึงจะเป็นหญิงสาวที่สวรรค์โปรดปรานอย่างส้งเจียวก็ตาม”
“เขาต้องมีแผนร้ายอยู่แน่ ตอนแรกที่รู้จักกับฉันก็เพราะลำดับศักดิ์ของฉันถึงได้เอาอกเอาใจฉันทุกวิถีทาง! คิดแบบนั้นแล้ว หลังมีเป้าหมายใหม่ก็โยนฉันทิ้งทันที แทบอดใจรอฉันตายไม่ไหวไม่ผิดแน่!” ไป๋เซียนเฉ่าเอ่ยอย่างเข้าใจ
“นั่นก็ถูกแล้ว ไม่แน่ว่าส้งเจียวก็เป็นเป้าหมายของเขา ได้เกาะชายกระโปรงของส้งเจียว ก็สามารถมีส่วนร่วมในอาณาจักรธุรกิจอันมหึมาของตระกูลส้งได้!” หลินหยางวิเคราะห์
ไปเซียนเฉ่าหัวเราะอย่างเย็นชา “คนหลักแหลมอย่างส้งเจียว น่ากลัวว่าจะมองความคิดของเขาออกตั้งนานแล้ว ดูท่าส้งเจียวคงอำพรางไว้เป็นอย่างดี แล้วใช้คนชั่วนั่นทำงานให้เธอ”
ก็ไม่ได้ดีอะไรนัก หลินหยางยิ้มขื่น “ก็ไม่รู้ว่าส้งเจียวจะตกอยู่ในแผนของเขา แล้วถูกเขาจับตัวไว้ได้รึเปล่า!”
“ผู้ชายอย่างพวกนายนี่มันเลวจริง ๆ แก่กว่าตัวเองสิบยี่สิบปีก็ไม่สนรึไง?” ไป๋เซียนเฉ่าเอ่ยอย่างรังเกียจ
หลินหยางนอนอยู่เฉย ๆ ดันโดนยิงซะได้ เขาพูดด้วยความกระอักกระอ่วน “ฉันไม่ได้จงใจเข้าหาหรือสมคบกับใครนะ!”
“นายร้อนตัว! นายมันสัตว์ร้าย ยั่วยวนผู้หญิงคนอื่นไปทั่ว ผู้หญิงอย่างเราช่างอาภัพจริง ๆ เกิดมาเพื่อให้ผู้ชายอย่างพวกนายรังแก!” ไป๋เซียนเฉ่าเอ่ยอย่างน่าสงสาร
หลินหยางโอบกอดเธอแล้วพูด “ฉันไม่กล้ารังแกเธอหรอก!”
“ยังจะบอกว่าไม่ได้รังแกฉันอีก นายยอมรับมาด้วยตัวเองสิว่านายยั่วยวนผู้หญิงมาเท่าไหร่แล้ว?” ไป๋เซียนเฉ่าเอ่ยอย่างเหยียดหยาม
หลินหยางเกาหัว ปากแข็งไม่ยอมรับ ไป๋เซียนเฉ่านั้นถามจี้ต่อ “นายได้รวมจ้าวหย่าจิ้งไปด้วยรึเปล่า?”
หลินหยางยังนิ่งเงียบต่อไป ไป๋เซียนเฉ่าส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา “ก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องดีที่จะให้นายออกไปกลางดึก นอนกับเธอสบายมั้ยล่ะ?”
“มันก็เหมือน ๆ กันไม่ใช่เหรอ?” หลินหยางถึงกับหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย
ไป๋เซียนเฉ่าหย่อนก้นลงบนตัวเขาแล้วพูด “เจ้าสัตว์ร้าย นายเองก็รังแกฉันแบบนี้ ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้จิตใจของฉันซะ!”
“ชดใช้ยังไง?” หลินหยางถามอย่างงุนงง
“เป็นหนี้ด้วยร่างกายก็ต้องจ่ายด้วยร่างกาย!” ไป๋เซียนเฉ่าพูดอย่างโมโห
วันนี้อารมณ์ของหญิงสาวคนนี้ออกจะทะแม่ง ๆ อยู่ แน่นอนว่าหลินหยางนั้นต้องยอมตามเธอไป เขากอดเธอไว้แน่น “ได้สิ ฉันเต็มใจ!”
ไป๋เซียนเฉ่ากอดคอของเขาแล้วพูด “เจ้าสัตว์ร้าย นายต้องดีกับฉันให้มาก ฉันไม่มีทางให้ถอยอีกแล้ว!”
ความไม่มั่นคงทางอารมณ์ของหญิงสาวทำให้หลินหยางปวดใจอย่างมาก เป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มรุกก่อน เขากอดเธอแน่น วางเธอลงบนเตียงใหญ่อย่างนุ่มนวล เสื้อผ้านั้นถูกปลดออกทีละตัว การกระทำทั้งหมดอ่อนโยนราวกำลังดูแลทารก
“รักฉันให้มาก!” ไป๋เซียนเฉ่าย้ำคำพูดนั้นซ้ำอีก
หลินหยางชักปืนเข้าสู่สนามรบอย่างไม่รีบร้อน เขาจูบเธออย่างละเอียดลออ ทุ่มเข้าไปทั้งกายใจเพื่อคลายอารมณ์ของเธอ จูบอันเร่าร้อนเป็นตัวช่วยผ่อนคลายที่ดีที่สุด ไป๋เซียนเฉ่าค่อย ๆ สลัดอารมณ์เมื่อครู่ทิ้งไป ก่อนจูบกลับอย่างดุเดือด
ลิ้นร้อนถูกไป๋เซียนเฉ่ากวาดไป หลินหยางนั้นรู้ว่าหญิงสาวมีอารมณ์อยู่แล้ว มือใหญ่คืบคลานไปที่หน้าอกอย่างเงียบเชียบ ก่อนบีบคลึงเม็ดองุ่นน้อย
“อ๊า….เบาหน่อย!” ในยามนี้ไป๋เซียนเฉ่าค่อนข้างอ่อนไหว การสัมผัสเพียงเล็กน้อยก็ไม่อาจทานได้
หลินหยางลงแรงหนักขึ้นอย่างจงใจ ในขณะเดียวกันก็ใช้ปากดูดดึงอีกข้างหนึ่ง ไป๋เซียนเฉ่าที่ร่างกายบิดเร่าเบื้องล่างนั้นมีน้ำเอ่อล้นอยู่นานแล้ว
“อย่า….” ไป๋เซียนเฉ่าในเวลานี้ดั่งหญิงพรหมจรรย์ เธอเขินอาย ตื่นเต้น ความรู้สึกที่พร่ามัวนั้นพันเกี่ยวกันปนเป
เมื่อเธออ้อนวอนอยู่หลายครั้งหลินหยางถึงได้ควักเอาปืนใหญ่ออกมา เจ้าหมอนี่จงใจยั่วเย้าเธอ ถูวนขึ้นลงอยู่ที่ปากทาง ไป๋เซียนเฉ่าเร่งคว้าเอาอาวุธหนักของเขายัดเข้าไปข้างในอย่างรีบร้อน นั่งเองทั้งสองจึงได้เชื่อมชิดสนิทกัน
“เจ้าสัตว์ร้าย คนบ้า จะทรมานฉันจนตายเลยเหรอ?” ไป๋เซียนเฉ่าเอ่ยอย่างขุ่นเคือง
จะให้เธอลืมสิ่งที่ผ่านมาทั้งหมด ก็ต้องมอบความสุขที่ต่างออกไปให้กับเธอ ทั่วร่างของหลินหยางร้อนระอุขึ้น นี่คือสัญญาณการระเบิดเต็มกำลังของพลังมังกรและหงส์สามเท่า หลินหยางดึงรั้งไป๋เซียนเฉ่าจนนอนแผ่หลาทำให้เนื้อหนังของทั้งสองคนแนบชิดเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์
เจินชี่แทรกซึมเข้าสู่ทุกรูขุมขนเล็กละเอียด หัวใจของไป๋เซียนเฉ่าสั่นไหว ในสมองไร้ซึ่งความคิดฟุ้งซ่านอื่นใดอีก คิดเพียงจะซึมซาบความงดงามของช่วงเวลานี้กับหลินหยางเพียงเท่านั้น
การเคลื่อนไหวของหลินหยางไม่นุ่มนวลอีกต่อไป แต่ได้กระแทกใส่ร่างของเธออย่างเต็มกำลัง จังหวะการโยกค่อนข้างบ้าคลั่ง ไป๋เซียนเฉ่าลืมเลือนทุกสิ่งไปตั้งแต่เริ่มต้นวินาทีแรก คลื่นความร้อนหลั่งไหลมาหาเธอเป็นระลอก
ในความทรงจำต่อจากนั้นของไป๋เซียนเฉ่า นี่เป็นประสบการณ์ที่ได้ชุบร่างใหม่เป็นครั้งแรก ร่างกายเหมือนถูกชะล้างโดยสมบูรณ์ ทั่วทุกที่รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือน นั่นทำให้เธอยอมแพ้ที่จะต่อต้านไปนานแล้ว กระแสน้ำที่ล้นทะลักจะมาถึงในอีกไม่กี่นาที
“คนบ้า ฉันจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!” ไป๋เซียนเฉ่าเอ่ยเสียงกระเส่า
“นี่มันเพิ่งเริ่มต้น วันนี้ฉันจะทำให้เธอบ้าคลั่งสิบรอบ!” หลินหยางเอ่ยอย่างห้าวหาญ
สิบรอบ? มันจะไม่กลายเป็นโคลนไปเลยรึไง! ไป๋เซียนเฉ่ามองไปที่เขาอย่างตื่นเต้นแล้วเอ่ย “เอาสิ ทำลายฉันให้ตายไปเลย! สิบรอบ ขาดไปแม้แต่รอบเดียวฉันจะไม่ให้นายลงจากเตียง!”
หลินหยางพูดจริงทำจริง เจินชี่พลังมังกรและหงส์รักษาพละกำลังช่วงล่างของเขาเอาไว้ รับรองว่ากำลังวังชาของเขาเต็มเปี่ยม น่าสงสารไป๋เซียนเฉ่า เพิ่มระดับแต่ละครั้งทำเอาเธอพ่ายแพ้ยับเยิน หลังจากนั้นแม้แต่แรงจะนับจำนวนครั้งก็ไม่มีอีกแล้ว
เตียงใหญ่โยกไปตามจังหวะ นาฬิกาที่ข้างเตียงบันทึกช่วงเวลาที่ไหลผ่านไป ในที่สุดเมื่อไป๋เซียนเฉ่าสั่นสะท้านเป็นครั้งที่สิบหลินหยางก็คำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง เขาเองก็ถึงจุดสุดยอดแล้ว
ไป๋เซียนเฉ่านั้นรู้สึกว่าภายในนั้นอยากจะร้องตะโกนออกมา แต่ในตอนนี้ตัวอ่อนยวบไปหมดแล้วจริง ๆ หลินหยางอุ้มเธอขึ้นอีกครั้ง แล้วทั้งสองก็เข้าไปในห้องอาบน้ำ
น้ำอุ่นบวกกับการดูแลอย่างใส่ใจของหลินหยางทำให้ชีวิตชีวาของไป๋เซียนเฉ่าฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอพิงไหล่ของหลินหยางเอ่ย “นายมันคนบ้าจริง ๆ เลย!”
“ตราบใดที่เธอเต็มใจ ฉันก็ให้เธอได้ทุกอย่าง!” หลินหยางเอ่ยสัญญา
ในดวงตาของไป๋เซียนเฉ่าเต็มไปด้วยประกายสดใส จ้องไปที่เขาอย่างไม่ละสายตา “ฉันไม่ต้องการอะไรอื่นทั้งนั้น ขอแค่นายดีกับฉันตลอดไป!”
หลังจากที่อ้อยอิ่งอยู่นาน ไป๋เซียนเฉ่าจึงประกาศออกมา “ตอนค่ำนายไปรับเจ้าคนชั่วนั่นที่สนามบิน ฉันจะทำให้เขาได้เห็น ว่าตอนนี้ฉันมีชีวิตสุขสบาย ถ้าเขาทำลายคนอื่นอย่างไร้ยางอายก็ทำให้เขาอิจฉาริษยาซะ! อีกอย่าง ถ้าเป็นไปได้ พยายามคิดทุกวิถีทางทำให้เขาเป็นไม่ได้แม้แต่หมา สิ่งคนอย่างเขากลัวที่สุดก็คือการ ขาดทุน! เป็นหมาหัวเน่ามานานขนาดนี้ ถ้าหากแม้แต่กระดูกสักแท่งยังเอามาไม่ได้ หนี้แค้นของฉันก็ถือว่าได้รับการชดใช้!”
ความคิดของหญิงสาวยากจะเข้าใจอย่างที่คิด หลินหยางพยักหน้าตกลง
ตอนค่ำ หลินหยางมาถึงสนามบิน เจอหลูยี่เจ้าสุนัขในคราบคนนั่นอยู่ท่ามกลางผู้คน เขาสวมสูทสีดำ ผมสั้นติดหนังหัวดูมีชีวิตชีวา
หลูยี่มาถึงยังเบื้องหน้าของหลินหยาง เอ่ยถาม “คุณโจว?”
“ถูกแล้วครับ ผมเอง ประธานไป๋ให้ผมมารับคุณ และถือโอกาสทักทายครอบครัวของคุณด้วย!” หลินหยางพูดด้วยรอยยิ้ม
หลูยี่สีหน้าแข็งทื่อ เอ่ยอย่างเย็นชา “ขอบคุณแล้วกัน ได้ยินมาว่าประธานไป๋ได้คุณรักษาจนหายเหรอ? ไม่ง่ายเลยจริง ๆ นะ แถมได้ยินว่าคุณหิ้วเธอขึ้นเตียงแล้วด้วย?”
“ไม่ใช่หิ้ว ผมไม่เหมือนใครบางคน เสียแรงพยายามเป็นได้แค่หมาตัวหนึ่ง!” หลินหยางผิวปาก แล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “ไปเถอะ จะได้พาคุณไปพบเจ้านายของคุณ!”
คำดูถูกแบบนี้ไม่นึกว่าหลูยี่จะทนได้ ถ้าเจ้าหมอนี่คิดจะลงมือ หลินหยางก็สามารถทำให้ครึ่งชีวิตที่เหลือของเขาต้องนอนอยู่บนเตียงได้ ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่บุคคลธรรมดาจริง ๆ ฝึกฝนวิชาการหัวหดมาอย่างดีเยี่ยม
เมื่อขึ้นรถของหลินหยางแล้ว หลูยี่ก็นิ่งเงียบไม่พูดจา หลินหยางเองก็คร้านจะสนใจเขา แล้วขับรถไปถึงโรงแรมที่แม่ลูกส้งเจียวพักอยู่ด้วยความรวดเร็ว
นึกไม่ถึงว่าไป๋เซียนเฉ่าจะมาด้วย เธอคุยกับส้งเจียวมากเต็มที เมื่อเห็นหลินหยางมาแล้ว ไป๋เซียนเฉ่าจึงเข้ามาโอบเอวเขาพูด “มาเร็วเข้า เมื่อกี้กำลังพูดถึงเรื่องสนุกของเสี่ยวชัยหงอยู่เลย!”
ละเลยและเมินคนข้าง ๆ อย่างสิ้นเชิง ราวกับคนคนนั้นไม่เคยปรากฏตัว และไม่ได้เหลือความทรงจำอะไรกับเธอทั้งสิ้น นี่เป็นการเย้ยหยันที่ใหญ่หลวงที่สุดสำหรับหลูยี่ เขากัดฟันอยากจะพูดอะไรตอบโต้ไปมาก แต่ในตอนนี้ส้งเจียวอยู่ต่อหน้ายังไม่ถึงทีที่เขาจะพูดอะไร
“รู้มั้ยคะ? เมื่อก่อนฉันชอบเลี้ยงสัตว์เล็ก ๆ อยู่บ้าง เคยเลี้ยงฮัสกี้อยู่ตัวหนึ่ง หมาแบบนั้นโง่เกินไป กัดคนไปทั่วทั้งวัน มีครั้งหนึ่งกัดฉันเข้า เลยให้คุณป้าฟาดหนีไปแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ว่าเร่ร่อนอยู่ที่ไหน พี่ส้งล่ะชอบเลี้ยงหมามั้ย?” ไป๋เซียนเฉ่าถามพลางหัวเราะร่า
“ก็ไม่ได้ชอบเลี้ยงสัตว์มากนัก โดยเฉพาะพวกสัตว์ไม่มีสมอง ฉันไม่อารมณ์จะไปเกลือกกับของแบบนั้น” ส้งเจียวกล่าวอย่างเฉียบขาด
หลูยี่เอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ประธานส้ง ผมขอตัวก่อน หากมีความต้องการอะไรโปรดบอกผมได้เลย”
“โอเค ตั้งแต่พรุ่งนี้ให้นายเริ่มคู่กับประธานโจว เขาเป็นหมอของซูยี่” ซ้งเจียวกล่าว
หลูยี่เหลือบมองหลินหยางเล็กน้อยก่อนพยักหน้าออกจากประตูไป
“หมาตัวนี้เชื่อฟังดีจัง!” ไป๋เซียนเฉ่ายิ้มเย็นชา
“เชื่อฟัง? นั่นน่ะแค่ปกปิดได้ดีเท่านั้นแหละ ถ้าเขาแสดงความทะเยอทะยานที่โฉดชั่วออกมาฉันจะไม่เป็นคนดีเหมือนเธอหรอก ฉันจะจับเขามาปรุงแล้วแบ่งให้ทุกคนกิน!” ส้งเจียวยิ้มบาง
พูดอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน พลิกแพลงกลับไปกลับมา นี่คือความสุดยอดของผู้หญิงคนนี้ หลินหยางอดรู้สึกนับถือไม่ได้ มิน่าถึงสามารถนำตระกูลส้งที่เสื่อมถอยกลับมาสู่จุดสูงสุดได้อีกครั้ง
“อย่าพูดถึงเรื่องน่าหมดอารมณ์แบบนั้นเลย หลินหยาง มาพูดเรื่องของเสี่ยวชัยหงกันเถอะ!” ไป๋เซียนเฉ่าเปลี่ยนเรื่อง
“เธอเหรอ? มาพูดถึงแผนการรักษากันก่อน พูดง่ายๆ ว่านี่คือการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ อย่าให้ความหวัง ผมมีทางเลือกในการรักษาสองทาง ทางหนึ่งค่อนข้างง่าย ตามสถานการณ์ปัจจุบันของเธอ จิตใจของเธอเพียงแค่ย้อนกลับไปตอนเจ็ดขวบเท่านั้น การฝึกฝนเล็กน้อยด้วยความเฉลียวฉลาดของเธอ ในไม่ช้าเธอก็จะสามารถกลับสู่วัยสิบแปดปีได้ วิธีนี้ไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บทางสมองของเธอได้ แต่สามารถทำให้เธอฟื้นฟูกลับไปยังลักษณะท่าทางในอดีตที่ผ่านมาได้ อีกทางหนึ่งค่อนข้างยาก ต้องการความร่วมมือในการรักษาหลายวิธี การกระตุ้นสมองของเธอค่อย ๆ ฟื้นความทรงจำของเธอ แต่ตัวเลือกหลังอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่าง เนื่องจากการบาดเจ็บทางสมองนั้นซับซ้อนมาก จึงต้องใช้ความอดทนและความกล้าหาญ” หลินหยางวิเคราะห์
ส้งเจียวนวดขมับของเธอ เอ่ยอย่างแน่วแน่ “ฉันต้องทำให้เธอฟื้นความทรงจำคืนมาให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม!”