การระเบิดที่รุนแรง หลินหยางจึงตอบสนองด้วยสัญชาตญาณล้วน ๆ เขากอดแม่ลูกคู่นั้นเอาไว้แน่น
โชคดีที่การระเบิดครั้งนี้ไม่ใช่ระเบิดจริง แต่เป็นระเบิดแสง บอดี้การ์ดที่อยู่ข้างนอกรีบเข้ามาทันทีเมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ควันที่ฟุ้งเต็มห้องในตอนนี้ใช้เวลานานถึงสลายตัวไปได้
ส้งเจียวและส้งซูยี่ถูกหลินหยางกดเอาไว้ใต้ร่างแน่น ทั้งสามคนจ้องตากันเป็นตาเดียว
หลินหยางรีบร้อนลุกขึ้น “เอาล่ะ ปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องคิดเลยว่าหมอนั่นวางแผนทั้งหมดเอาไว้นานแล้ว เพียงแต่ไม่แน่ชัดว่าเขาวางแผนอะไรไว้กันแน่”
ส้งเจียวจัดเสื้อผ้าแล้วพูดกับบอดี้การ์ดอย่างเย็นชา “ไม่มีอะไรแล้ว พวกนายรีบไปตรวจสอบว่าไอ้เวรหลูยี่นั่นหนีไปที่ไหน ฉันต้องการตัวเขาทั้งตัว!”
ส้งเจียวโมโหแบบนี้เป็นครั้งแรก ใบหน้าบอบบางน่ารักของเธอไร้ร่องรอยของกาลเวลา แต่ตอนนี้มันกลับค่อนข้างบิดเบี้ยว หลินหยางทำเป็นมองไม่เห็น เอ่ยอย่างพิจารณา “ต้องการให้นายกเทศมนตรีจ้าวช่วยมั้ยครับ?”
“ยังไม่จำเป็นต้องรบกวนเธอ เรื่องในวันนี้…..” ส้งเจียวชะงักเล็กน้อย
“ผมรู้ ไม่สิ ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!” หลินหยางพูดพลางแบมือ
ส้งเจียวยิ้ม “คุณเป็นคนฉลาด สามารถมีความคิดที่รอบคอบเพื่อคาดเดาจิตใจโฉดชั่วของเจ้านั่นได้ นั่นดีมาก ฉันหวังว่าคุณจะทุ่มกำลังกายใจพวกนั้นกับอาการป่วยของซูยี่ต่อจากนี้!”
“เรื่องนั้นคุณวางใจได้ ตราบใดที่กระบวนการรักษาของผมไม่ถูกรบกวน ผมจะทำให้เธอฟื้นตัวโดยเร็วที่สุด!” หลินหยางเอ่ยอย่างหนักแน่น
ส้งเจียวสูดหายใจลึก ระหว่างเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อครู่นั้น การแสดงออกของชายคนนี้ทำให้เธอเปลี่ยนมุมมองใหม่ อย่างน้อยเขาก็ถือว่าเป็นคนที่เชื่อถือได้
“แม่คะ หนูบอกแล้วว่าหมอนั่นเป็นคนไม่ดี เชื่อใจไม่ได้ ยังดีที่เจ้าสัตว์ร้ายเก่งสุดยอด!” ส้งซูยี่มองไปที่หลินหยางด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ประธานส้ง น่ากลัวว่าครั้งนี้หลูยี่ถูกผมเปิดโปงก็คงไม่ยอมวางมือ เขาเป็นคนที่ไตร่ตรองก่อนจะลงมือ เบื้องหลังจะต้องมีจะต้องมีแผนสำรองอีกไม่น้อยแน่ ไม่รู้ว่าเขาจะทำเรื่องอะไรบ้า ๆ อีก คุณจะต้องระวังตัวไว้นะ!” หลินหยางเตือน
ส้งเจียวพยักหน้า “ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ ต่อจากนี้ก็ฝากซูยี่ด้วยนะ!”
“ไม่มีปัญหา อีกอย่าง ฉันรู้สึกว่าเสี่ยวชัยหงจะต้องเคยกำจุดอ่อนบางอย่างของชายคนนั้นเอาไว้แน่ ดังนั้นหลูยี่จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำลายการรักษาของผม” หลินหยางพูด
ส้งเจียวมองลูกสาว ตัวเธอเองเป็นหนี้เธอมาก หากไม่ใช่เพราะการข่มเหงของเธอ เธอคงไม่ทำเรื่องโง่ ๆ อย่างการหนีออกจากบ้าน และก็คงไม่มีอันตรายอย่างวันนี้หรอก
หลินหยางเอ่ยลาทันที ปล่อยให้แม่ลูกได้อยู่กันเงียบ ๆ เรื่องใหญ่ขนาดนี้สาวน้อยคงยังไม่เคยได้สัมผัส
เมื่อกลับมายังเซียนเฉ่าเก๋อ ไป๋เซียนเฉ่ากำลังอนุมัติเอกสารอย่างไร้ชีวิตชีวา
“มีข่าวดีกับข่าวร้าย เธออยากฟังอันไหน?” หลินหยางยิ้มกริ่ม
ไป๋เซียนเฉ่าพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “รีบพูดมาเถอะ ฉันอยากจะฟังดูซิว่ามันจะยังแย่ไปได้ถึงไหน!”
“หลูยี่เจ้าคนบ้าเสียสตินั่น ดูเหมือนจะมีจุดอ่อนบางอย่างอยู่ในมือของส้งซูยี่ ขัดขวางการรักษาของฉันจนถูกเปิดโปง ส้งเจียวบังคับให้เขายอมรับ ข่าวร้ายก็คือเจ้าหมาจนตรอกนั่นทิ้งระเบิดแสงแล้วหนีไป ตอนนี้กำลังหนีตายไปทั่วแล้ว” หลินหยางหัวเราะฮิฮิ
ไป๋เซียนเฉ่าลุกยืนขึ้นทันที พูดอย่างตื่นเต้นประหลาดใจ “มีเรื่องแบบนี้ด้วย?”
“ถูกต้อง ตอนเช้าวันนี้นี่เอง! ครั้งนี้หลูยี่คงจะหนีไม่รอด เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้โง่เขลาแบบนี้!” หลินหยางทอดถอนใจ
“เฮอะ เจ้าหมอนั่นไม่ได้โง่หรอก เพียงแค่มาเจอนายเข้าเท่านั้นแหละ!” ไป๋เซียนเฉ่าจ้องตรงไปที่หลินหยาง
หลินหยางชอบคำพูดนั้น โอบเธอแล้วเอ่ย “ครั้งนี้ส้งเจียวมองผิดไป เอาคนอกตัญญูมาเป็นผู้ช่วย ครั้งนี้เธอคงคลั่งไปเลย เธอได้ออกคำสั่งจับตัวหลูยี่ น่ากลัวว่าทั้งเมืองเจียงหลิงคงต้องวุ่นวายจนไก่หมากระเจิงแล้วล่ะ!”
“ฉันไม่สนว่าเธอจะทำยังไง แค่เห็นหลูยี่ไม่ได้อยู่ดี ฉันก็วางใจแล้ว!” ไป๋เซียนเฉ่าหัวเราะร่า
ผู้หญิงคนนี้ได้รับความทุกข์ทรมานมามาก ในที่สุดครั้งนี้ก็ได้โล่งใจ เธอคลอเคลียบนตัวหลินหยาง “แต่ว่า มันไม่ค่อยเหมือนกับที่ฉันจินตนาการไว้ ทำไมหลูยี่ถึงได้จนตรอก เขายังพูดอะไรอีก?”
หลินหยางนึกย้อนไป ตอนนั้นท่าทีของหลูยี่เหมือนจะสงบมาก ราวกับไม่สนว่าตัวเองจะถูกเปิดโปง
“เจ้าหมอนั่นทิ้งคำพูดไว้ว่าคงได้เจอกันอีก ฉันอยากจะเห็นว่าเขาจะรอดไปได้อีกนานเท่าไหร่!” หลินหยางเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
ไป๋เซียนเฉ่าส่ายหน้า ใคร่ครวญแล้วจึงพูด “น่ากลัวว่าคนชั่วนั่นจะมีคนหนุน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่กล้าต่อกรกับส้งเจียวหรอก เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของตระกูลส้งเป็นอย่างดี ล่วงเกินส้งเจียวก็ไร้ทางรอดแล้ว! เว้นแต่เขาจะซ่อนตัวบนเกาะร้างในต่างประเทศ ไม่อย่างนั้นให้ตายส้งเจียวก็ไม่มีทางปล่อยเขาไป!”
คำพูดนั้นดึงสติหลินหยาง เขาเอ่ยถาม “หลูยี่ยังมีเบื้องหลังหรือภูมิหลังอะไรอีกรึเปล่า?”
“ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องนั้นเหมือนกัน แต่เขามรการติดต่อกับพวกตระกูลชั้นสูงอยู่ เกี่ยวข้องลึกซึ้งแค่ไหนนั้นตรวจสอบไม่แน่ชัดอยู่ระยะหนึ่ง ฉันคิดว่าเขาคงหาเจ้าของใหม่เจอแล้ว ถึงได้กล้าหักหน้าส้งเจียวแบบนี้ ถ้าหากเป็นแบบนั้น นายเองก็ต้องระวังตัวแล้วล่ะ ความชั่วร้ายของมันฉันรู้ดี!” ไป๋เซียนเฉ่าพูดอย่างเป็นห่วง
หลินหยางส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจ “ถึงเขาจะพึ่งคนอื่นได้ ก็ยังเป็นหมาข้างถนนตัวหนึ่ง อาศัยอำนาจคนอื่นสร้างผลกระทบอะไรไม่ได้หรอก ตอนนี้ที่เขาต้องกังวลก็คือตัวเขาเอง สิ่งที่เขาต้องเผชิญคือความโกรธมหึมาของส้งเจียว!”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกันอยู่นั้น ก็มีคนผลักประตูเข้ามา เป็นจ้าวหย่าจิ้งนั่นเอง
เห็นท่าทางหลินหยางโอบไป๋เซียนเฉ่าอย่างสนิทสนม เธอก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ประธานไป๋อารมณ์ดีแต่เช้าเลยนะ!”
“พี่จ้าว พี่ไม่งานยุ่งเหรอ แล้วมาทำอะไรที่นี่?” ไป๋เซียนเฉ่าจงใจโอบคอหลินหยาง
เมื่อเห็นทั้งสองคนนัวเนียกันแบบนั้น ในใจของจ้าวหย่าจิ้งก็เกิดไฟขึ้นมา เธอจ้องไปที่หลินหยาง “ฉันมาคุยธุระกับประธานโจว ประธานไป๋จะให้ฉันยืมตัวเขาสักครู่ได้มั้ย?”
หลินหยางใจเต้นแรงขึ้นมาทันใด ผู้หญิงคนนี้นั้นหากไม่มีเรื่องก็จะไม่มาหา น่ากลัวว่าคงเจอเรื่องวุ่นวายเข้าแล้ว เขาฝืนพูด “เซียนเฉ่า ฉันไปคุยกับนายกเทศมนตรีจ้าวสักเดี๋ยวนะ!
ไป๋เซียนเฉ่าจึงได้ลงมาจากตัวหลินหยาง แล้วยังจัดคอเสื้อที่ยุ่งเหยิงให้เขา เอ่ยอย่างออดอ้อน “คุยก็คือคุยนะ อย่าทำเรื่องอะไรผิดศีลธรรมล่ะ!”
จ้าวหย่าจิ้งหน้าขึ้นสีแดงก่ำ ขณะกำลังจะเกิดโทสะ หลินหยางก็รีบพยักหน้าแล้วดึงตัวจ้าวหย่าจิ้งออกมา
“ปล่อยนะ นายดึงอะไรขนาดนั้น!” จ้าวหย่าจิ้งเอ่ยอย่างหงุดหงิด
หลินหยางรีบปล่อยเธอ แล้วกระแอมเบา ๆ “ขอโทษด้วยครับ ไม่ได้รีบร้อนหรอกเหรอ?”
“ฉันบอกให้ปล่อย นายก็ปล่อยเหรอ?” จ้าวหย่าจิ้งท้าวเอวถาม
ผู้หญิงคนนี้ หากไม่มีเหตุผลคุณจะไม่สามารถสื่อสารกับเธอได้เลย หลินหยางแบมือ “งั้นคุณจะให้ผมดึงคุณ หรือไม่ดึงกันล่ะ?”
จ้าวหย่าจิ้งบิดตัวเดินไปเบื้องหน้าของเขา คล้องแขนเขาไว้แน่น “คนโง่ ผู้หญิงพูดอะไร บางครั้งก็ต้องคิดกลับกันบ้างสิ!”
หลินหยางหายใจลำบากกับความรู้สึกรัก ๆ ใคร่ ๆ ในช่วงนี้ และมันช่างเย้ายวนตามคาด!
หลินหยางตามเธอเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง จ้าวหย่าจิ้งรีบใช้ขาปิดประตู แล้วผลักเขาลงบนโซฟา
“เช้าตรู่แบบนี้ คุณไม่ควรทำอะไรตามอำเภอใจ บางที…” หลินหยางเอ่ยอย่างกังวล
จ้าวหย่าจิ้งมองเขาอย่างโมโห “บางทีอะไร? บางทีไป๋เซียนเฉ่าผู้หญิงบ้านั่นอาจจะบุกเข้ามา? ถ้าเธอบุกเข้ามา ฉันจะบอกเธอว่านายมีเจตนาร้าย ต้องการจะข่มขืนฉัน!”
หลินหยางหดคอ มันยากมากที่จะไม่ต่อสู้กับผู้หญิง การเถียงกับผู้หญิงนั้นไม่มีทางชนะ!
จ้าวหย่าจิ้งนั่งลงข้างหลินหยาง จ้องไปที่เขาแล้วเอ่ยขึ้น “บอกฉันมา เรื่องที่ฉันขอร้องนายเป็นยังไงบ้าง?”
“เรื่องไหนครับ? อ๋อ…เรื่องนั้นผมยังอยู่ในการวิจัยขั้นพื้นฐาน ถึงยังไงนี่ก็เป็นยาตัวใหม่ ผมต้องศึกษามันให้ดี!” หลินหยางพูดอย่างขอไปที
“ไร้สาระ นายไม่ได้เอาคำพูดของฉันไปใส่ใจเลยชัด ๆ ไม่นานมานี้แม่ลูกส้งเจียวเข้ามาหา นายคงเคลิบเคลิ้มไปเลยใช่มั้ย? เห็นแม่ลูกคู่นี้แล้วใจเต้นเลยล่ะสิ? นายอยากจะเกาะชายกระโปรงเธอรึเปล่า?” จ้าวหย่าจิ้งซักถาม
หลินหยางนั่งยืดตัวขึ้นเอ่ยอย่างโกรธเคือง “จะเป็นไปได้ยังไง? ผมเป็นคนยังไงกัน? ผมจะไปเกาะเธอกินได้ยังไง เธอเป็นถึงราชินีผมเองก็ไม่มีความคิดอะไรเลยเถิดกับเธอด้วย!”
“จริงเหรอ? งั้นทำไมนายถึงเอาเรื่องของเธอมาทำเป็นเรื่องเป็นราว แล้วเรื่องของฉันถึงบ่ายเบี่ยงไปมากันล่ะ?” จ้าวหย่าจิ้งถาม
หลินหยางรีบกลบเกลื่อน “ผมไม่ได้บ่ายเบี่ยงนะครับ เพียงแต่เรื่องของคุณมันค่อนข้างยากจริง ๆ ความคืบหน้าจึงค่อนข้างช้าไปด้วย!”
จ้าวหย่าจิ้งจ้องตรงไปที่เขา ราวกับกำลังจับผิดว่าเขาโกหกอยู่หรือไม่ ดีที่สีหน้าของหลินหยางนั้นสงบนิ่ง ไม่มีอะไรผิดปกติ เธอหมุนตัวขึ้นมานั่งบนต้นขาของหลินหยางแล้วยิ้มน่ารัก “ฉันยังไม่ได้ให้รางวัลนายสินะ นายถึงไม่มีแรงจูงใจ?”
หลินหยางกลืนน้ำลาย ก้มหน้าเหลือบมองหญิงสาวในอ้อมแขน สูทตัวเล็กที่เว้าคอต่ำเผยให้เห็นเนินเนื้อสีขาวนวลสองลูก ร่องหุบเขานั้นลึกจนมองไม่เห็นก้น ทิวทัศน์ที่สวยงามแบบนี้เข้าสู่สายตา หลินหยางจึงมีปฏิกิริยาทันที
หญิงสาวจับคลำส่วนล่างอย่างไม่ลังเล เธอยิ้ม “ดูซิว่าจะพูดความจริงมั้ย ในนี้ซ่อนอะไรอยู่นะ?”
“นั่นมันกล่องดวงใจนะ อย่าทำตามอำเภอใจสิ!” หลินหยางหัวเราะ
“ก็รู้ว่าเป็นกล่องดวงใจ นายยังไม่ซื่อสัตย์อีก? แข็งขนาดนี้คิดจะทำอะไรเหรอ?” จ้าวหย่าจิ้งพูดพลางเลียริมฝีปาก
การเคลื่อนไหวเล็กน้อยอย่างยั่วยวนนี้ ปั่นป่วนหัวใจของหลินหยาง สีหน้าเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวคิ้วขมวดของผู้หญิงคนนี้ช่างน่าหลงใหล
หลินหยางเกาหัว “ผมซื่อสัตย์มาก การวิจัยขั้นพื้นฐานกำลังดำเนินการอยู่จริง เรื่องของส้งเจียวลูกสาวของเธอก็แค่เรื่องง่ายแทบไม่ต้องออกแรง ดังนั้นนั่งเผชิญหน้ากันง่าย ๆ หน่อยเถอะ!”
เรื่องพูดไปเรื่อยของหลินหยางทำให้จ้าวหย่าจิ้งสบายใจขึ้นมาหน่อย ความจริงขอแค่หลินหยางไม่ได้จงใจถ่วงเวลา ไม่ทำไปลวก ๆ เธอก็คงไม่มาหาเรื่อง ที่เธอมาก็เพราะโกรธที่ส้งเจียวที่กดขี่เธอตั้งแต่เด็กมาเอาคนของเธอไป กลัวว่าชายคนนี้จะจิตใจวอกแวกขึ้นมา
“ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ฉันก็ไม่เร่งรัดนายแล้ว แต่นายห้ามเดี๋ยวทำเดี๋ยวเลิกไม่จริงจัง!” จ้าวหย่าจิ้งลูบไล้ใบหน้าของหลินหยาง
หลินหยางพยักหน้าอย่างจริงจัง จ้าวหย่าจิ้งยิ้มบาง “เด็กดีจริง ๆ ! งั้นวันนี้ฉันจะให้รางวัลสักหน่อย นายจะได้ตั้งใจมากขึ้น!”
รางวัล? หลินหยางตกตะลึง มือเล็กของจ้าวหย่าจิ้งไล้เข้ามาแล้วเริ่มคุ้ยเขี่ยเสื้อผ้าของเขา ไม่นานทั้งสองก็เผชิญหน้ากันอย่างตรงไปตรงมาด้วยร่างเปลือยเปล่า
“ที่นี่เป็นห้องทำงาน เช้าตรู่แบบนี้….” หลินหยางกล่าวด้วยความรู้สึกผิด
จ้าวหย่าจิ้งกอดเขาแน่น ซาลาเปาสองลูกที่หน้าอกหยอกเย้าอย่างอ้อยอิ่ง “นายกลัวอะไร? ไป๋เซียนเฉ่าจะกินนายรึไง? เธอก็แค่ให้รางวัลนายด้วยความตั้งใจดี นายจะไร้น้ำใจไม่ได้นะ!