ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit – ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit – บทที่ 607

ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit - บทที่ 607

607 – การบูชาจักรพรรดิผู้ล่วงลับ
การหายใจของฉินหนานได้สมดุลแล้วในตอนนี้
ตราแห่งจักรพรรดินั่นมีความอบอุ่นของมันในตัว มัน
กระตุ้นรูขุมขนของเขาให้เปิดออกอย่างสมบูรณ์ ทาให้
ความเจ็บปวดที่ปกคลุมทั่วร่างกายของเขาค่อยๆ จาง
หายไป
แม้กระทั่งพิษที่กัดกินเขาก็ได้หายไปช้าๆด้วยลมปราณ
จักรพรรดิ
“ใครจะคิดละลมปราณจักรพรรดิจะวิเศษขนาดนี้…..”
ฉินหนานได้เปล่งเสียงออกมาในใจของเขา
จากนั้น หัวใจของเขาก็สั่นไหวหลังจากได้ยินคาพูดของ
จักรพรรดินภาลัยโบราณ
ดูเหมือนว่าข้าควรเร่งขั้นตอนฟื้นฟูความแข็งแกร่งของ
ข้า และกาจัดพิษแล้วสิ
เหตุผลนั่นเพราะ พยัคฆ์ขาวนภาคารามและตี่เฟิงยวิน
กาลังวางแผนที่จะเคลื่อนไหวในช่วงการบูชาจักรพรรดิ
ผู้ล่วงลับ เพื่อเอาสมบัติจากภายในรูปปั้น
ขณะที่ฉินหนานกาลังฟื้นตัว ณ บนพื้นที่บูชาสวรรค์….
นักบวชชั้นสูงได้นาเอาอาหารรสเลิศ และไวน์ที่ทาจาก
สัตว์อสูรขอบเขตราชันย์จักรพรรดิต่างๆออกมา และได้
จุดธูปหอม จากนั้นพวกเขาจึงนากลุ่มคนเข้ามากล่าวคา
อธิษฐานบูชา พร้อมกับเสียงสะท้อนของเครื่องดนตรีที่
รวมเข้าด้วยกันอย่างเงียบสงบ
อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังภาพนี้ ก็ได้เกิดความเยือกเย็น
ที่มันปะทุอย่างฉับพลัน
โจรวปี่ฮวาและหลินเฟิงเซี่ยวเหลียวมองไปยังทิศทาง
ของพยัคฆ์ขาวนภาคารามและตี่เฟิงยวิน นอกจากพวก
เขาแล้ว ขุนนางทั้งสิบและเสนาบดีคนอื่นๆ ก็กาลังจ้อง
ที่พวกเขาด้วยเช่นกัน
มันเป็นไปได้สาหรับราชวงค์อื่นๆ หรือฝ่ายต่างๆ
สาหรับดาเนินการลอบสังหารเป้าหมายที่เป็นองค์ชาย
สาม
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องสงสัยรายใหญ่ที่สุดคือกองพัน
พยัคฆ์ขาว!
กองพันพยัคฆ์ขาวเป็นฝ่ายเดียวที่มีพลังและทรัพยากร
เพียงพอที่จะฝึกให้เป็นขั้นสูงสุดขอบเขตราชันย์
จักรพรรดิรับใช้ความตาย
ผู้เชี่ยวชาญบางคนสับสนว่า ทาใดผู้รับใช้ความตายถึง
ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ด๋วนฉิงแทน นั่นก็เพราะในสายตาของ
กองพันพยัคฆ์ขาว การปรากฏตัวของด๋วนฉิงเป็นภัย
คุกคามต่อกองพันพยัคฆ์ขาวต่าที่สุด เนื่องจากการบ่ม
เพาะของเขามันจิ๊บจ๊อยมากสาหรับการต่อสู้ที่เกิดขึ้น
ที่นี้
ในท้ายที่สุด ทุกอย่างมันมาจบลงที่การต่อสู้ระหว่าง
ผู้เชี่ยวชาญ!
ด๋วนฉิงทาอะไรได้บ้างละ?
อย่างน้อยที่สุด ด้วยการฆ่าองค์ชายสามก็จะทาให้
ตาแหน่งขององค์รัชทายาทถูกปล่อยวางไว้ ซึ่งจะทาให้
เกิดความสับสนวุ่นวายต่อสถานการณ์
โจรวปี่ฮวาสูดลมหายใจเข้า และลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่เขาจะส่งเสียงไปยังตี่เฟิงยวิน “นี้ข้าเองนะ!”
ร่างของตี่เฟิงยวินสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะตั้งสติ
อย่างรวดเร็วและตอบอย่างเย็นชาว่า
“มันคืออะไรงั้นหรอที่ผู้นากองพันวิหคเพลิงต้องการ
จากข้า?”
“อย่าไว้ใจพยัคฆ์ขาว” โจรวปี่ฮวากระซิบ “เขากาลัง
ใช้เจ้า!”
“ใช้ข้า? ฮ่าๆ ท่านทั้งหมดใช้ข้านั้นแหละ ข้าจะไม่รู้ได้
ยังไง? โจรวปี่ฮวาเลิกเสแสร้งสักที! ถ้าท่านคิดว่าข้าเป็น
ทายาทของท่าน แล้วทาไมถึงไม่สอนข้าเรื่องทักษะวิหค
เพลิงอมตะ? ท่านบอกว่ามันจะฆ่าข้า แต่กับด๋วนฉิงละ?
เขาก็ไม่ตายนี่?” ตี่เฟิงยวินกล่าวออกมาราวกับแผลเป็น
ของเขา ได้ถูกสัมผัส
โจรวปี่ฮวามีสีหน้าที่ทุกข์ใจ “เขาแตกต่าง…”
เขาเพียงสอนฉินหนานในเรื่องทักษะวิหคเพลิงอมตะ
เท่านั้น ในขณะที่เขามีพรสวรรค์อย่างมากในเรื่องของ
ทักษะการต่อสู้ และได้รับการยอมรับจากผู้นาศักดิ์สิทธิ์
ฉิงหลง
ถ้าตี่เฟิงยวินฝึกทักษะวิหคเพลิงอมตะ เขาจะตายจริงๆ
“เลิกตอแหลเถอะ จาไว้ นี่เป็นความอัปยศอดสูที่ท่าน
มอบให้ข้าก่อนหน้านี้ ข้าจะให้ท่านชดใช้คืนเป็นสิบ
เท่า!” ใบหน้าของตี่เฟิงยวินเต็มไปด้วยความเย็นชา ใน
สายตาของเขา โจรวปี่ฮวา กาลังดูถูกและสงสัย
ความสามารถของเขา โดยการที่ไม่ได้สอนทักษะวิหค
เพลิงอมตะให้แก่เขา!
โจรวปี่ฮวาถอนหายใจ ก่อนที่แววตาของเขาจะ
แปรเปลี่ยนไปอย่างเยือกเย็น
ปล่อยให้ความสัมพันระหว่างอาจารย์กับศิษย์ที่
เหลืออยู่ ถูกพัดพาไปตามสายลม
ขั้นตอนการบูชาสวรรค์ยังคงดาเนินต่อไปอย่างรวดเร็ว
ขั้นตอนทั้งหมดเสร็จสิ้นในเวลาที่น้อยกว่าธูปหอมถึง 3
ดอกด้วยซ้า
“จงบูชาองค์จักรพรรดิผู้ล่วงลับในเวลานี้! ผู้เชี่ยวชาญตี่
เฟิงยวินเป็นผู้รับผิดชอบ!” ผู้นาของพิธีกรรมประกาศ
ออกมา
ผู้คนมากมายต่างก็มองไปที่เขาทันที
ตี่เฟิงยวินลุกขึ้นจากที่นั่งและในพริบตา ร่างของเขาก็
มาถึงด้านหน้าของรูปปั้นจักรพรรดิผู้ล่วงลับ เขาได้
เปลี่ยนเครื่องแต่งกายของเขาเป็นเสื้อคลุมสีขาวขนาด
ใหญ่ที่คล้ายกับผู้นาพิธี
ดวงตาของผู้เชี่ยวชาญหลายคนเป็นประกาย
การบูชาองค์จักรพรรดิผู้ล่วงลับ ซึ่งตี่เฟิงยวินเป็นคน
เดียวเท่านั้นที่สามารถดาเนินการได้!
เฉพาะขั้นปฐพีระดับ 8 เท่านั้นที่สามารถกระตุ้นกับรูป
ปั้นจักรพรรดิผู้ล่วงลับได้ และได้รับการยอมรับ!
ในความเป็นจริง จิตวิญญาณการต่อสู้ของจักรพรรดิ
นภาลัยโบราณเองก็ได้อยู่ที่ขั้นปฐพีระดับ 8 เช่นดัน แต่
ด้วยการบ่มเพาะของเขาที่มาถึงขอบเขตเทวะ แน่นอน
ว่าคือข้นสูงสุดขอบเขตเทวะ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถ
กระตุ้นรูปปั้นจักรพรรดิผู้ล่วงลับได้
“ศิษย์รุ่นที่ 99 ของกองพันทั้งสาม โปรดมาที่แท่น
บูชา!”
ตี่เฟิงยวินตะโกนออกมา
หลงฮู่ และคนอื่นๆ ลุกขึ้นจากที่นั่งและบินไปตรงกลาง
อย่างพร้อมเพรียง
การขึ้นสู่สวรรค์ขององค์รัชทายาทได้ให้ลมปราณ
จักรพรรดิ ซึ่งถือเป็นเกรียติ์สาหรับพวกเขา ตอนนี้การ
บูชารูปปั้นจักรพรรดิผู้ล่วงลับนี้ก็อาจให้อัจฉริยะต่างๆ
ได้รับประโยชน์เช่นกัน
ด้วยผลประโยชน์เหล่านี้ อัจฉริยะได้สาบานว่าจะ
จงรักภักดีต่ออาณาจักรนภาลัยโบราณ
ในขณะนั้น กลุ่มคนจานวนมากก็จ้องมองไปที่ฉิน
หนาน
ด๋วนฉิงจะมีส่วนร่วมในการบูชาจักรพรรดิผู้ล่วงลับไหม
นะ?
ก่อนที่ทุกคนจะได้ตอบสนองใดๆ ตี่เฟิงยวินก็ตะหวาด
ออกมาอย่างน่ากลัว “ด๋วนฉิงได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลังจากที่ช่วยองค์ชายสามไว้แล้ว! เขาไม่จาเป็นต้องมี
ส่วนร่วมในพิธีกรรมนี้!!”
คาพูดเหล่านั้นถูกพูดอย่างมั่นคง โดยที่ไม่ให้ใครมี
โอกาสที่จะโต้แย้งได้
“ตอนนี้พิธีจะเริ่มขึ้นแล้ว! นักบวชยืนข้างหน้าและ
ปลดปล่อยจิตวิญญาณการต่อสู้ของพวกท่านซะ เริ่ม
ดาเนินพิธี!!”
ตี่เฟิงยวินเปล่งเสียงคารามออกมา
ต่อจากนั้น หญิงสาว 10 คนพร้อมสวมเสื้อคลุมสีขาว
ขึ้นไปยังพื้นที่แท่นบูชา พร้อมกับลาแสงลึกลับทั้ง 5 ที่
ถูกปล่อยออกมาจากด้านหลังของพวกนางแต่ละคน ซึ่ง
เป็นข้อบ่งชี้ว่าพวกนางทั้งหมดมีจิตวิญญาณขั้นแท้จริง
ระดับ 5
จิตวิญญาณเหล่านั้นล้วนเป็นจิตวิญญาณชนิดเดียวกัน
นั่นคือจิตวิญญาณแห่งกู่ฉิน (หยกพิณ)
จิตวิญญาณลอยเด่นอยู่กลางอากาศ ขณะที่หญิงสาว
ทั้ง 10 คน ได้บรรเลงเพลงอันไพเราะอย่างพร้อมเพรียง
ซึ่งดังสะท้อนไปทั่วทั้งสวรรค์และปฐพี
ทานองเริ่มจากเบาๆ จนค่อยๆหนักแน่น ราวกับว่ามี
ใครกาลังร้องเพลงด้วยจิตวิญญาณอันสูงส่ง ทาให้เลือด
ของฝูงชนเริ่มเดือดพล่าน
รูปปั้นขนาดยักษ์ปล่อยแสงส่องประกายพร้อมกับกลิ่น
อายปราบปราม
รูปปั้นจักรพรรดิผู้ล่วงลับ!
ในบางวิธี มันคล้ายกับพยัคฆ์ขาวนภาคาราม วิหค
เพลิงโลหิต และราชันย์เต่าทมิฬ ที่ได้รับการยกย่องว่า
เป็นผู้พิทักษ์แห่งอาณาจักรนภาลัยโบราณ
ดังนั้นพิธีบูชาองค์จักรพรรดิผู้ล่วงลับจึงได้ดาเนินการ
ในลักษณะที่สง่างาม
“ผู้รับใช้ตี่เฟิงยวินขอคารวะองค์จักรพรรดิผู้ล่วงลับ ข้า
สวดอ้อนวอนเพื่อให้ท่านตื่นขึ้น เพื่อเป็นสักขีพยานใน
การเกิดอัจฉริยะใหม่เหล่านี้!”
ตี่เฟิงยวินส่งเสียงคารามและก้าวไปข้างหน้า ลาแสงสี
ทองเริ่มปล่อยออกมาจากด้านหลังของเขาและหยุดที่
ลาแสงที่แปด เมื่อจิตวิญญาณการต่อสู้ในลักษณะของ
มนุษย์โผล่ออกมาและยืนอยู่อย่างมั่นคงระหว่างสวรรค์
และปฐพีด้วยกลิ่นอายที่งดงาม
จิตวิญญาณการต่อสู้ในลักษณะของมนุษย์นั่นสวมแผ่น
เกราะ ซึ่งมันปกคลุมไปด้วยเลือดสด
นี่คือจิตวิญญาณการต่อสู้ของตี่เฟิงยวิน!
ข่าวลือบอกว่ามันเป็นเปลี่ยนรูปของผู้เชี่ยวชาญ
ขอบเขตเทวะ หลังจากที่เขาได้ตายไปแล้ว
รูปปั้นเริ่มสั่นสะเทือนอย่างนุ่มนวล ราวกับว่ามันได้
รับรู้ถึงจิตวิญญาณขั้นปฐพีระดับ 8 ซึ่งเริ่มค่อยๆ
แข็งแกร่งขึ้นและในที่สุดก็ยิงรังสีที่น่ากลัวขึ้นสู่ท้องฟ้า!
ตู้มมม!
กลิ่นอายบางอย่างได้กวาดสะบัดไปทั่วสถานที่เช่นน้า
ท่วมพล่าน
ราวกับว่ารูปปั้นจักรพรรดิผู้ล่วงลับมีชีวิตชีวาขึ้น
ดวงตาของรูปปั้นเปล่งประกายระยิบระยับ ขณะที่มัน
เหลือบมองหลงฮู่ และศิษย์คนอื่นๆ
สายตาของพยัคฆ์ขาวนภาคารามที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หยก
ขาววูบวาบด้วยความตนื่ เต้น กี่ปีมาแล้ว ทุกคัรังที่รู้สึก
ถึงกลิ่นอายขององค์จักรพรรดิผู้ล่วงลับ ในหัวใจของข้า
มันเต็มไปด้วยความโกรธ
“แต่ยังไงซะ….”
พยัคฆ์ขาวนภาคารามกระตุกลิ้น และเลียริมฝีปาก
ชายชราเอ๋ย สมบัติที่เจ้าทิ้งไว้จะเป็นของข้าในไม่ช้า
แล้ว!!!
——————————

ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit

ประชันยุทธ์สะท้านฟ้า Peerless Battle Spirit

Status: Ongoing

รายละเอียด ในแผ่นดินหมอกคราม หากผู้ใดปรารถนาจักกลายเป็นยอดยุทธ์ ผู้นั้นจักต้องปลุกวิญญาณยุทธ์แห่งตนขึ้นมา เพื่อสื่อสารกับพลังฟ้าดิน และต้องบำเพ็ญตบะ เพื่อดูดซับลมปราณฟ้าดิน

วิญญาณยุทธ์มีมากมายมหาศาลมิอาจคณานับ ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสี่ระดับใหญ่… หวง เสวียน พิภพและสวรรค์

แต่ละระดับแบ่งย่อยอีกสิบขั้น ยิ่งวิญญาณยุทธ์สูงส่งเพียงใด คนผู้นั้นจักฝึกฝนได้อย่างรวดเร็ว แข็งแกร่งและมีศักยภาพที่สูงยิ่งขึ้น

ฉินหนาน มหาอัจฉริยะในใต้หล้าจักสร้างวิญญาณยุทธ์ไร้ผู้เทียบเคียง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท