เจียงอาเฉียนตอบกลับอย่างเขินอาย “มีไม่กี่คนเท่านั้น”
ลู่โจวจ้องไปยังเจียงอาเฉียน
เจียงอาเฉียนได้ตอบกลับมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ “หลิวหยวนเป็นคนที่ฉลาดแกมโกงมาก ครั้งหนึ่งข้าเคยส่งคนของข้าไปแอบแฝงรอบกายเขา แต่พวกเขากลับ…กลับเปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าท้ายที่สุดเขาจะถูกม่อหลี่ควบคุมไป ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ข้าก็ไม่อาจไว้ใจคนจำนวนมากได้อีก คนที่ข้าไว้วางใจได้มีเพียงหยิบมือเท่านั้น”
ด้วยคำอธิบายนี้ทำให้ในที่สุดลู่โจวก็เข้าใจว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงสามารถปลอมตัวเป็นเจียงอาเฉียนเพื่อส่งจดหมายกลับมาได้ “นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเจ้าก็เขียนจดหมายมาให้กับศาลาปีศาจลอยฟ้าด้วยตัวเองซะ”
“ไม่มีปัญหาท่านผู้อาวุโส” เจียงอาเฉียนได้ตอบกลับไป ท้ายที่สุดแล้วช่องโหว่ที่ตรวจพบยังไงซะก็ต้องได้รับการแก้ไขปรับปรุงอยู่ดี
เอี๊ยด! เอี๊ยด! เอี๊ยด!
รถม้ากว่าหลายคันได้แล่นเข้าสู่หมู่บ้านฤดูร้อน
หยวนเอ๋อได้ปรากฏตัวออกมาจากรถม้าเพื่อจ้องมอง จากนั้นนางก็กลับเข้าไปด้านในก่อนที่จะพูดออกมา “ดูเหมือนว่าพวกเราจะไม่ใช่พวกเดียวที่มาถึง”
เจียงอาเฉียนได้ตอบกลับไป “นี่ถือเป็นเรื่องธรรมดา…องค์ชายสองรู้ดีอยู่แล้วว่าอัครมเหสีชอบอะไร เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงจ้างเหล่าผู้คุ้มกันรวมไปถึงนักแสดงทั้งหลายเพื่อให้มาที่นี่”
ลู่โจวไม่ได้มองออกไปที่นอกหน้าต่าง ในตอนนั้นเองทหารกว่าหลายคนก็ได้เดินตรงมาหารถม้าของพวกเขา
เจียงอาเฉียนได้พูดออกไปด้วยเสียงที่แผ่วเบา “พวกเขาต้องการที่จะยืนยันตัวตนของพวกเราแน่ ให้ข้าได้พูดเถอะ”
ลู่โจวไม่ได้เป็นกังวลเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ตัวเขากำลังกังวลว่าจะต้องทำยังไงต่อไปมากกว่าถ้าหากเล้งลั่วทำภารกิจล้มเหลว บางทีตัวเขาอาจจะต้องใช้พลังวิเศษเพื่อที่จะหนีไปทางด้านหลังด้วยวิซซาร์ดจริงๆ ถ้าหากเป็นแบบนั้นชื่อเสียงของเขาก็จะต้องถูกครหาอย่างแน่นอน ในท้ายที่สุดลู่โจวก็ได้ถามออกมาในขณะที่ลูบเครา “เจ้ามีแผนอะไรดีๆ อย่างงั้นหรอ?”
เจียงอาเฉียนได้ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม “เป็นธรรมดาที่คนรักชีวิตอย่างข้าจะมีทางหนีทีไล่หลายทาง ไม่ว่าจะยังไงข้าก็ไม่คิดว่าท่านผู้อาวุโสอยากที่รู้แน่”
ลู่โจวไม่ได้กดดันโดยถามอะไรเพิ่มเติมออกมา
ในตอนนั้นเองทุกคนก็ได้ยินเสียงดังจากภายนอกรถม้า
“นายท่าน…นายท่านของข้าองค์ชายสองได้จ้างให้พวกเราทำการแสดงให้กับอัครมเหสีเชิญมาที่นี่…ไม่จำเป็นที่จะต้องสงสัยพวกเราแม้แต่น้อย ข้ามีแซ่ว่ารี ท่านจะเรียกว่าหัวหน้ารีก็ได้ ข้าได้เตรียมการนี้มาเป็นเวลานานแล้ว พวกเราจะทำให้ดีที่สุดเองท่านไม่ต้องห่วงไป”
“ขอบคุณมากที่มา ข้าจะรอดูพวกเจ้าเอง”
หลังจากที่ตรวจสอบตัวตนของนักเดินทางคันแรก พวกเขาก็ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าไปยังหมู่บ้านได้
หยวนเอ๋อปิดปากก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านอาจารย์…เจ้าหมอนั่นแปลกมาก”
ลู่โจวไม่ได้อยากรู้อยากเห็นอะไรเหมือนกับหยวนเอ๋อ ดังนั้นตัวเขาจึงไม่ได้มองออกไปข้างนอก แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ได้ยินสำเนียงแปลกๆ ที่ชายคนนั้นเพิ่งพูดออกมา ในโลกใบนี้ช่างมีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้นทุกวันจริงๆ
ไม่นานนักก็ถึงคราวของรถม้าลู่โจว
เมื่อทหารเข้ามาตรวจสอบตัวตน เจียงอาเฉียนก็ได้กระโดดออกไป “นายท่าน…ข้าเป็นส่วนหนึ่งของรถม้าคันก่อนหน้านี้ ข้าก็เป็นหนึ่งในคนขององค์ชายสองเช่นกัน”
ทหารผู้ตรวจสอบตัวตนไม่อยากที่จะเสียเวลาทำอะไรเดิมๆ ตัวเขารีบปล่อยรถม้าเข้าไปในหมู่บ้านเช่นกัน
เจียงอาเฉียนที่กลับเข้ามาได้พูดขึ้น “ก็แค่รู้ว่าคนที่อยู่ด้านหน้าเราอย่างคนแซ่รีมาที่นี่ทำไม นั่นก็เพียงพอแล้วที่พวกเราจะเอาตัวรอดจากการตรวจสอบไปได้”
“ข้าไม่ใช่คนของเจ้าแซ่รีไรนั่นสักหน่อย!”
เอี๊ยด! เอี๊ยด!
รถม้าได้หยุดตัวลงก่อนที่พวกเขาทั้งสามจะกระโดดออกมา คนอื่นๆ เองก็ลงมาจากรถม้าเช่นเดียวกัน ทุกๆ คนต่างก็อยู่ในลานเล็กๆ เป็นการส่วนตัว ทุกๆ กลุ่มต่างก็แยกตัวกัน สภาพแวดล้อมของที่นี่ดูสงบร่มรื่นมาก แม้ว่ามันจะดูเข้มงวดไปหน่อยแต่มันก็ยังดูร่มรื่นอยู่ดี นอกจากทหารคุ้มกันส่วนใหญ่แล้วยังมีผู้ฝึกยุทธจำนวนมากอยู่ด้วย
เจ้าหน้าที่ที่ปล่อยเจียงอาเฉียนเข้ามาได้พูดกับเจียงอาเฉียนเอาไว้ “เตรียมตัวให้พร้อมซะล่ะ ข้าจะแจ้งให้ทราบเองถ้าหากเตรียมการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว”
“ไม่ต้องห่วงนายท่าน ปล่อยให้เห็นหน้าที่ข้าเอง!” เจียงอาเฉียนรับประกันก่อนที่จะทุบหน้าอกของตัวเองอย่างมั่นใจ
คนอื่นๆ เองก็เริ่มเตรียมข้าวของกันอย่างสุดความสามารถ
หลังจากที่ทหารคนนั้นจากไป เจียงอาเฉียนก็ได้เดินมาหาลู่โจวก่อนที่จะพูดออกมา “ผู้อาวุโส สิ่งที่ท่านต้องทำก็คือแกล้งทำเป็นแสดงในระหว่างการแสดง…ข้าเดาว่ายังไงม่อหลี่ก็คงจะไม่แสดงตัวแน่ พวกเราจะตามไปอย่างลับๆ เอง”
“แกล้งทำเป็นแสดง?”
“ข้าก็แค่ล้อเล่นหน่ะ ยังไงท่านก็สามารถกลายเป็นผู้ชมได้อยู่แล้ว” เจียงอาเฉียนได้พูดออกมา
‘เจียงอาเฉียนมันจะมากไปแล้ว เจ้านี่คิดว่าฉันจะแกล้งทำเป็นกระโดดไปมารอบๆ เหมือนกับเด็กๆ คนอื่นๆ อย่างงั้นหรอไงกัน? ฉันน่ะอายุมากแล้ว ใครจะไปทำแบบนั้นได้ลงคอกัน?’
ในตอนนั้นเองอัครมเหสีกำลังทรงพักผ่อนอยู่ที่ด้านลานแห่งหนึ่ง
องค์ชายสองหลินหยวนได้เดินมาหาอัครมเหสีจากทางด้านนอก “เสด็จย่า ข้าได้เตรียมพร้อมการแสดงที่ท่านชอบในอดีตมาแล้ว”
“เยี่ยมมาก”
จ้าวยู่มองไปที่หลิวหยวน หลังจากนั้นนางจึงช่วยพยุงอัครมเหสีเอาไว้ก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านย่า ท่านชอบฟังเพลงก่อนหน้านี้สินะ?”
อัตรมเหสีได้ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะตอบกลับไป “พระราชวังรกร้างและแสนจะน่าเบื่อ นี่ถือเป็นงานอดิเรกเพียงหนึ่งเดียวที่ข้ามี จ้าวยู่ ทำไมเจ้าไม่เลือกที่จะอยู่ในพระราชวัง อยู่เป็นเพื่อนย่าแก่ๆ คนนี้ล่ะ?”
จ้าวยู่ได้ตอบกลับไป “ท่านย่ามีหลายต้องมากมายหลายคนอยู่แล้ว…ข้าแน่ใจว่าจะต้องมีคนดูแลท่านได้ดีกว่าข้าแน่”
“เจ้าพวกนั้นล้วนแต่เป็นพวกหน้าไหว้หลังหลอก…คนที่ข้าชื่นชอบที่สุดก็คือพี่ชายของเจ้า องค์ชายสาม แต่น่าเสียดายที่เขาจะต้องจากไปตั้งแต่ยังเด็ก!” อัครมเหสีที่พูดเสร็จได้ถอนหายใจออกมา
“พี่สามของข้าอย่างงั้นหรอ?”
“อย่าพูดถึงเรื่องเศร้าแบบนั้นเลย มาฟังเพลงกับข้าเถอะ” อัครมเหสีที่พูดเสร็จได้ก้าวไปที่ด้านหน้าก่อนที่จะชะลอก้าวเดิน “หยุนเฉา”
หลี่หยุนเฉาได้เดินไปหาในทันที
อัครมเหสีได้พูดต่อ “ดูแลเรื่องทุกอย่างให้ดี”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
หลังจากที่พูดจบตัวเขาก็ได้เดินไปยังคฤหาสน์อย่างเชื่อฟัง
ทั้งเวที, อุปกรณ์ และฉากต่างก็ถูกจัดวางอย่างเตรียมพร้อมเป็นที่เรียบร้อย นักดนตรีเองก็รออยู่ที่ด้านข้างด้วยความเคารพ
อัครมเหสีได้เดินเข้ามาในคฤหาสน์ เมื่อหลี่หยุนเฉากลับมา เขาก็ได้พานางไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่ดีที่สุด มันเป็นเก้าอี้ที่มองเห็นการแสดงได้อย่างชัดเจนที่สุดแล้ว ที่นั่งข้างๆ อัครมเหสีเองก็ดีเช่นกัน “พวกเราก็เป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน เลือกที่นั่งได้ตามที่เจ้าต้องการเถอะ”
แม้ว่านางจะบอกแบบนั้นแต่ก็ไม่มีใครกล้าเลือกที่นั่งตามใจจริงๆ ในตอนนั้นเององค์ชายสองและองค์ชายสี่ก็เข้ามายังคฤหาสน์
อัครมเหสีได้ดึงตัวของจ้าวยู่มานั่งข้างนาง
ในตอนนั้นเองนักบรรเลงดนตรีก็เริ่มโค้งคำนับก่อนที่จะบรรเลงเครื่องดนตรีของตัวเอง
สำหรับผู้ที่ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับดนตรี นี่ถือเป็นสิ่งที่แสนจะน่าเบื่ออย่างแท้จริง คนที่จะเป็นแบบนั้นก็คือองค์ชายสี่และองค์ชายสอง พวกเขาทั้งคู่ต่างก็นั่งคิดถึงเรื่องอื่นๆ ดนตรีที่ถูกบรรเลงมักจะเข้าหูซ้ายก่อนที่จะทะลุหูขวาของตัวเขาไป
หลังจากนั้นไม่นานอัครมเหสีก็ได้อุทานออกมาด้วยความดีใจ “ยอดเยี่ยม ปรบมือ!”
ทุกๆ คนต่างก็ปรบมือตามนาง
“ถ้าหากเสด็จย่าบอกว่าดี มันก็ต้องดีตามที่เสด็จย่าได้บอกไว้อยู่แล้ว ตกรางวัลให้พวกเขาซะ!” หลิวหยวนโบกมือของตัวเองก่อนที่จะจ้องมองไปที่องค์ชายสี่หลิวปิง “เจ้าคิดว่ายังไงกันน้องสี่?”
“แน่นอน มันยอดเยี่ยมมาก” หลิวปิงเองตอบกลับมา
ทั้งสองได้ปรบมือให้กับการแสดงต่อไป อัครมเหสีไม่ได้สนใจพวกเขาทั้งสองแม้แต่น้อย นางยังคงตั้งใจดูการแสดงต่อไป
เมื่อถึงคณะแสดงที่สาม ทันใดนั้นเองดวงตาของจ้าวยู่ก็เปล่งประกายออกมา เมื่อนางเห็นชายคนหนึ่งที่แต่งกายประหลาดด้วยหมวกทรงสูงก้าวขึ้นเวทีนางก็ตื่นตกใจขึ้นมาในทันที ‘นั่นมันศิษย์พี่สี่นิ? เขามาทำอะไรที่นี่กัน?’
ไม่จำเป็นจะต้องบรรยาเลยว่าการแสดงมันแย่มากแค่ไหน
ผ่านไปครึ่งทางองค์ชายสองหลิวหยวนก็ได้ตบโต๊ะก่อนที่จะพูดออกมา “ดูยุ่งเหยิงอะไรแบบนี้! เด็กๆ!”
แม้แต่อัครมเหสีเองก็ยังไม่เข้าใจกับการแสดงเช่นกัน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพียงการแสดงโชว์ผาดโผนที่ไร้ซึ่งความหมาย
“พาตัวพวกเขาออกไป!” หลิวหยวนได้สั่งการขึ้น
แต่ในตอนนั้นเองจ้าวยู่ก็รีบพูดออกมา “ข้าคิดว่านั่นเป็นการแสดงที่ดีเลยทีเดียว”
“หืม?” หลิวหยวนมองไปที่จ้าวยู่
“ถ้าหากจ้าวยู่บอกว่าการแสดงดี…ข้าเองก็ชอบมันเช่นเดียวกัน” อัครมเหสีพูดเสริม
ชายที่สวมชุดแปลกๆ ได้โค้งคำนับขอบคุณ “ขอบพระคุณพระอัครมเหสี!”
“ปรบมือ!” อัครมเหสีได้พูดขึ้น
หลิวหยวนที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับทำอะไรไม่ถูก ตัวเขาได้โบกมือก่อนที่จะพูดต่อ “ให้รางวัลพวกเขาไป”
ตึ๊ก! ตึ๊ก! ตึ๊ก!
เสียงฝีเท้าจำนวนมากได้ดังขึ้นมา มีผู้คนเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้มากขึ้น นี่ไม่ใช่สถานที่สาธารณะ เหตุใดกันถึงมีเยี่ยมชมมากมายถึงขนาดนี้ได้
อัครมเหสีได้พูดออกมา “เจ้าหลี่”
หลี่หยุนเฉารีบลดตัวลงก่อนที่จะเอาหูตัวเองไปใกล้ๆ กับใบหน้าของอัครมเหสี
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?”
หลี่หยุนเฉาพยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับไป “ข้าน้อยจะไปตรวจสอบดูให้เอง” ตัวเขารีบลุกขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่จะหายไปในอากาศ หลี่หยุนเฉาได้ตรวจสอบทุกอย่างอย่างรวดเร็ว
‘หืม?’ ตัวเขาเห็นว่าตอนนี้ทั้งหมู่บ้านถูกล้อมเอาไว้แล้ว หลี่หยุนเฉารีบคุกเข่าลงข้างๆ กับอัครมเหสีอีกครั้ง “ฝ่าบาท ข้าเกรงว่าเรื่องนี้ต้องถามองค์ชายทั้งสองมากกว่า”
อัครมเหสีมองไปที่หลิวหยวนและหลิวปิง
หลิวหยวนได้ลุกขึ้นก่อนที่จะคารวะ “เสด็จย่า ดนตรีและการแสดงผาดโผนเป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเล็กๆ น้อยเท่านั้น ข้าได้เตรียมการอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นเอาไว้แล้ว”
“อะไรที่ยิ่งใหญ่ที่เจ้าว่ากัน?”
หลิวปิงหัวเราะก่อนที่จะพูดขึ้น “เร็วเข้าเถอะท่านพี่”
“เข้ามา!” หลิวหยวนที่พูดจบได้ปรบมือ
หญิงสาวที่มีท่าทางอันทรงเสน่ห์ได้เดินเข้ามาในหมู่บ้านแห่งนี้ นางได้เดินมาพร้อมๆ กับหญิงสาวอีกหลายคนด้วยกัน พวกนางทั้งหมดล้วนดูงดงาม