หลี่หยุนเฉาถือว่าเป็นคนที่ต้องการพาตัวจ้าวยู่ให้ไปพบกับอัครมเหสีมากที่สุดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรับรองความปลอดภัยของจ้าวยู่ด้วยตัวเองอีกด้วย เป็นธรรมดาที่ลู่โจวจะต้องเอาเรื่องเขาถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น แต่ยังไงซะเมืองหลวงก็ยังเป็นเมืองหลวง ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้นต่อหน้าอัครมเหสีและหลี่หยุนเฉาคงจะต้องดูแลจ้าวยู่ได้แน่
“ม่อหลี่ถือว่าเป็นคนฝ่ายองค์ชายองค์ที่สอง องค์ชายองค์นั้นเป็นคนแบบไหนกันแน่?” ลู่โจวได้ถามออกมา
ฉินจานได้ตอบตามตรง “องค์ชายองค์ที่สองมีสายตาที่กว้างไกล เขายังเป็นคนที่มีความอดทนสูงอีกด้วย เขาเป็นคนที่จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาดถ้าหากทำตามเป้าหมายไม่ได้”
ลู่โจวมองไปที่ฉินจานก่อนที่จะพูดขึ้น “นั่นเป็นการประเมินของเจ้าที่มีต่อองค์ชายองค์ที่สองเป็นการส่วนตัวอย่างงั้นหรอ?”
ฉินจานได้ถอนหายใจก่อนที่จะตอบกลับมา “ในตอนแรกองค์จักรพรรดิมีองค์ชายทั้งหมดสิบองค์ด้วยกัน แต่ด้วยเหตุผลหลายๆ อย่างทำให้พระองค์เหลือองค์ชายเพียงแค่ห้าเท่านั้น องค์ชายองค์แรกหลิวฉี เขาเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน เขาจะต้องกลายเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ต่อถ้าหากไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเขา” จากนั้นฉินจานก็ได้พูดต่อ “แต่องค์รัชทายาทในตอนนี้กลับทรงขลุกตัวเองอยู่ที่หรงเป่ยจนไม่สามารถที่จะควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป นอกจากนี้เขายังสร้างเต็นท์การแสดงเพื่อให้ชนเผ่าอื่นๆ เข้ามาร่วมเฉลิมฉลองในพระราชวังอีกด้วย เมื่อองค์จักรพรรดิรู้เรื่องนี้เข้าก็ทรงโกรธมาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงยังไม่ได้ถูกแต่งตั้งให้กลายเป็นมกุฎราชกุมาร ส่วนองค์ชายองค์ที่สองหลิวห่วงมีความสามารถที่โดดเด่นอีกทั้งยังมีความเด็ดขาดยิ่งกว่าใคร นอกจากนี้เขายังเป็นคนชั่วช้ารวมไปถึงเจ้าแผนการอีกด้วย ส่วนองค์ชายองค์ที่สามอย่างหลิวเฉิน เขาคนนี้เป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิมากที่สุดแล้ว เขาถือว่าเป็นผู้ที่เป็นไปได้มากที่สุดที่จะได้รับสืบทอดตำแหน่งมกุฎราชกุมารไป แต่น่าเสียดายที่เขาจะต้องเจอกับเรื่องเลวร้ายซะก่อน มันเป็นเรื่องของคืนคืนหนึ่งที่ถูกไฟไหม้ในพระราชวังจิงเหอ ในคืนนั้นคนกว่า 1,000 คนได้ถูกไฟคลอกตาย ส่วนองค์ชายองค์ที่สามก็ได้หายสาบสูญไป ครั้งหนึ่งข้าได้มีโอกาสที่จะสืบหาความจริงเรื่องในคืนนั้น ผู้ที่บงการเรื่องในคืนนั้นทั้งหมดก็คือองค์ชายองค์ที่สองนั่นเอง!” หลังจากที่พูดจบฉินจานก็ได้โค้งคำนับเพื่อเป็นการแสดงความเคารพ ตัวเขากำลังพูดความลับทั้งหมดที่อยู่เบื้องหลังของพระราชสำนัก ถ้าหากมีใครรู้เรื่องนี้เข้า ไม่เพียงแต่ฉินจานจะถูกเนรเทศเท่านั้น เขายังจะต้องถูกตัดหัวเสียบประจานอีกด้วย
แม้แต่ลู่โจวเองก็ยังไม่คาดคิดว่าองค์ชายที่สองจะโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้ และเพราะม่อหลี่เต็มใจที่จะติดตามองค์ชาย เพราะแบบนั้นลู่โจวจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งคู่เป็นคนแบบเดียวกัน “เจ้าคิดว่าองค์ชายองค์ที่สองจะลงมือสังหารองค์ชายองค์ที่สี่อีกครั้งไหม?”
ฉินจานตอบกลับมาอย่างรีบร้อน “ข้าเองก็ไม่มั่นใจ แต่ถ้าหากคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตบางทีเขาอาจจะลงมือก็เป็นได้ การล่าสัตว์ที่ถูกจัดขึ้นบางทีอาจจะเป็นเพียงแค่ฉากหน้าเท่านั้น แม้ว่าตัวเขาจะลงมือสังหารพี่น้องไปจริงๆ แต่ก็ไม่มีใครที่จะเอาผิดองค์ชายที่สองได้อยู่ดี เพียงแค่เขาปฏิเสธทุกอย่างก็คงจะจบอย่างง่ายดาย”
“ข้าไม่สนใจเรื่องการแย่งชิงอำนาจในวังหรอกนะ การที่องค์ชายจะอยู่หรือจะตายก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับข้า” ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะโบกมือ “ส่งฉินจานลงภูเขาไปซะ”
“ครับ” โจวจี้เฟิงรีบพาฉินจานลงจากภูเขาทองในทันที
หลังจากนั้นลู่โจวก็เหลือบมองไปที่ต้วนมู่เฉิงที่กำลังอยู่ใต้น้ำตก ต้วนมู่เฉิงยังคงเพียรพยายามฝึกฝนตัวเองต่อไป หลังจากนั้นตัวเขาก็หันไปมองหยวนเอ๋อแทน “หยวนเอ๋อ เจ้าอย่าได้งดฝึกฝนตัวเองเด็ดขาด ฝึกฝนตัวเองต่อไปซะ”
“ค่ะ” หยวนเอ๋อยังคงปล่อยเพลงหมัดของนางพลางเฝ้าดูผู้เป็นอาจารย์ที่กำลังเดินจากไป
ในตอนนี้ศิษย์ที่เหลืออยู่บนภูเขามีเพียงแค่ต้วนมู่เฉิงและหยวนเอ๋อเท่านั้น ศิษย์คนอื่นๆ ล้วนแต่จากไปหมดแล้ว ลู่โจวไม่มีโอกาสที่จะเป็นอาจารย์ที่ดีให้กับใครได้อีก เมื่อเดินไปได้ครึ่งทางตัวเขาก็ตัดสินใจเดินไปทางถ้ำแห่งเงาสะท้อนแทน
เมื่อเห็นลู่โจว ซู่ฮ่องกงก็รู้สึกมีความสุขมาก ตัวเขารู้สึกตื้นตันจนดวงตาทั้งสองข้างเปี่ยมไปด้วยน้ำตา ซู่ฮ่องกงรีบโค้งคำนับก่อนจะพูดขึ้น “ท่านอาจารย์! ข้ามีความสุขจนนอนไม่หลบัสามวันสามคืนแน่ที่ท่านมาเยี่ยมข้าแบบนี้”
ลู่โจวเองก็เติบโตขึ้นมาก ตัวเขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคำเยินยอพวกนี้อีกต่อไป ตัวเขาได้เดินเข้าไปในถ้ำก่อนที่จะพูดขึ้น “บอกข้าว่าเจ้าทำผิดอะไรมา”
ซู่ฮ่องกงพยักหน้าก่อนเริ่มพูดออกมา “ความผิดแรกศิษย์ไม่ควรจะถูกศิษย์พี่เจ็ดหลอกให้ออกจากภูเขาทอง ความผิดที่สองศิษย์ไม่ควรจะยื่นมือช่วยศิษย์พี่เจ็ด ความผิดที่สามศิษย์ไม่ควรส่งข่าวของศาลาปีศาจลอยฟ้าให้กับศิษย์พี่เจ็ด ความผิดที่สี่ศิษย์ไม่ควรดัดแปลงเคล็ดวิชาพลังสายฟ้าหายนะทั้งเก้า”
“เจ้าจะไม่แก้ตัวหน่อยหรอ?”
“ศิษย์ไม่กล้า! ศิษย์ผิดไปแล้ว!” ซู่ฮ่องกงรีบคุกเข่าลง ร่างกายของเขาสั่นไปทั้งตัว
ลู่โจวสังเกตเห็นที่หลังของซู่ฮ่องกงเต็มไปด้วยบาดแผล มันเป็นรอยแผลเป็นที่เกิดมาจากการถูกลงโทษ นอกจากนี้ซู่ฮ่องกงยังต้องทุกข์ทรมานกับผลข้างเคียงที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาที่ไม่สมบูรณ์ และยังมีพลังไอเย็นที่มาจากถ้ำแห่งเงาสะท้อน ด้วยความทรมานที่ได้รับมาทำให้ซู่ฮ่องกงดูเหนื่อยล้าและยังมีสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่ แม้ว่าจะถูกลงโทษ แต่ค่าความจงรักภักดีที่มีก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ดูเหมือนว่าเสื้อคลุมวิถีเซนจะมีความสำคัญต่อซู่ฮ่องกงมากกว่าที่ลู่โจวคาดคิดเอาไว้ ในที่สุดลู่โจวก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “เอาล่ะลุกขึ้นพูดซะ”
“ขอบคุณท่านอาจารย์ที่เมตตา”
“เจ้าอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้ว?”
“เป็นเวลา 20 ปีแล้วที่ศิษย์อาศัยอยู่ที่นี่”
ลู่โจวเงียบ หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้เดินออกมาจากถ้ำแห่งเงาสะท้อน
“ขอให้เดินทางปลอดภัยท่านอาจารย์” แม้ว่าซู่ฮ่องกงจะสงสัยแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรออกมา
เมื่อลู่โจวก้าวออกจากถ้ำแห่งเงาสะท้อนไปได้ตัวเขาก็ได้หยุดเดินอย่างกะทันหันก่อนจะพูดออกมา “เคล็ดวิชาพลังสายฟ้าหายนะทั้งเก้ามีต้นกำเนิดมาจากพลังสายฟ้าฟาด พลังขั้นที่แปดเรียกว่าสังสารวัฏ ถ้าหากเจ้าฝึกฝนมันจนเชี่ยวชาญแล้วเจ้าก็จะเดินพลังทั้งหยินและหยางอย่างได้อย่างที่ไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อเจ้าทำแบบนั้นเจ้าก็จะไม่ตกอยู่ในสังสารวัฏอีกต่อไป ส่วนขั้นที่เก้าคือต้นแฝดสาละ ครึ่งหนึ่งเหี่ยวเฉา ครึ่งหนึ่งเบ่งบาน เมื่อทำให้ต้นสาละเบ่งบาน ผู้นั้นจะเจริญรุ่งเรืองหรือจะพังพินาศย่อยยับก็ได้ทั้งนั้น สิ่งที่ต้องทำมีเพียงการกำจัดผลร้ายภายในสามเดือน ถ้าหากเจ้าล้มเหลวเจ้าจะต้องใช้เวลาอีกสามปีด้วยกันอยู่ในถ้ำแห่งเงาสะท้อน ถ้าหากสำเร็จ เจ้าจงย้ายไปที่ศาลาทางทิศใต้ซะ” หลังจากพูดจบลู่โจวก็เดินจากไปโดยที่ไม่ได้รอคำตอบของซู่ฮ่องกง
ซู่ฮ่องกงที่ได้ฟังคำพูดทั้งหมดไปดูสับสน ครู่ต่อมาตัวเขาก็ได้สะดุ้งก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยความสุข ซู่ฮ่องกงรีบคุกเข่าก่อนที่จะก้มกราบด้วยความจริงใจ “ขอบคุณท่านอาจารย์…ขอบคุณท่านอาจารย์…ขอบพระคุณจริงๆ …” นักพูดเยินยออย่างซู่ฮ่องกงไม่อาจที่จะพูดอะไรได้นอกจากคำขอบคุณ ใบหน้าของเขาอาบไปด้วยน้ำตาแห่งความปีติ
ลู่โจวได้รับการแจ้งเตือนเมื่อเดินทางกลับไปยังห้องโถงหลัก… “ชี้แนะการฝึกเคล็ดวิชาพลังสายฟ้าหายนะทั้งเก้าสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1,000”
“ชี้แนะซู่ฮ่องกง ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 300”
ลู่โจวได้ให้คำชี้แนะบางส่วนกับซู่ฮ่องกงเพื่อให้เขาฝึกฝนตัวเองเท่านั้น ตัวเขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าการชี้แนะแบบนี้จะทำให้ได้รับแต้มบุญตอบแทนอย่างมหาศาล
ลู่โจวพยายามนึกย้อนถึงความทรงจำที่มีอีกครั้ง ในบรรดาสาวกทั้งเก้าของเขา ดูเหมือนว่าซู่ฮ่องกงจะเป็นคนสุดท้ายที่ได้รับวิธีการฝึกฝนตนไป การฝึกฝนตนของยู่เฉิงไห่, ยู่ฉางตง, สีวู่หยา และยี่เทียนซินล้วนแต่เสร็จสมบูรณ์ทั้งหมดแล้ว และเพราะแบบนั้นพลังวรยุทธของศิษย์ทั้งสี่จึงสูงกว่าศิษย์คนอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด
ลู่โจวเหลือบมองเมนูระบบอีกครั้ง
แต้มบุญ: 4,500
หลังจากนั้นตัวเขาก็หันไปหาอวตารร่างใหม่ เมื่อเห็นราคาแล้วตัวเขาก็ได้แต่ส่ายหัว ท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็ได้หลับตาก่อนที่จะทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ต่อ
ในสามเดือนต่อจากนี้ลู่โจวได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการสั่งสอนต้วนมู่เฉิงและหยวนเอ๋อ ตัวเขาจะแวะไปที่ถ้ำแห่งเงาสะท้อนบางเป็นครั้งคราวเพื่อดูความคืบหน้าของซู่ฮ่องกง และเพื่อให้แน่ใจว่าศิษย์คนนี้จะฝึกฝนตัวเองไม่ผิดทางอีก
น่าเสียดายที่ตัวเขาไม่ได้รับข่าวคราวอะไรจากหมิงซี่หยินและจ้าวยู่อีกเลย ถ้าหากพวกเขาทั้งคู่อยู่บนภูเขาด้วย ลู่โจวก็คงจะสั่งสอนศิษย์ทั้งหมดได้อย่างพร้อมเพรียงกัน
เช้าตรู่ของวันหนึ่ง
ลู่โจวเพิ่งจะเสร็จจากการทำความเข้าใจ ในตอนนั้นตัวเขาก็เห็นโจวจี้เฟิงเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่พร้อมกับจดหมายในมือ
มันถึงเวลาแล้วที่ตัวเขาจะได้รู้ข่าวคราวจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
“อ่านมันซะ”
“ท่านผู้อาวุโส จ้าวยู่คอยอยู่เคียงข้างอัครมเหสีอยู่ตลอด หลี่หยุนเฉาบอกไว้ว่าอาการของนางดูไม่สู้ดีนัก นอกจากนี้หมิงซี่หยินก็ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงอีกต่อไป แต่ถึงแบบนั้นหลี่หยุนเฉาก็รับประกันว่าจะปกป้องจ้าวยู่ด้วยชีวิตของเขา หลี่หยุนเฉาอยากจะให้ท่านผู้อาวุโสมั่นใจ ท้ายที่สุดแล้วองค์ชายสองกับองค์ชายสี่ก็ได้ออกเดินทางไปยังหรงเป่ยเพื่อล่าสัตว์ ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรที่เหนือความคาดหมาย อัครมเหสีคงจะจากไปในอีกไม่กี่วันนี้”
“ท่านปรมาจารย์ ข้ายินดีที่จะไปยังหรงเป่ยเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ให้เอง” โจวจี้เฟิงได้พูดออกมาหลังจากที่อ่านจดหมายเสร็จ
“เปล่าประโยชน์” ถ้าหากเจียงอาเฉียนและฉินจานที่อยู่ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ยังไม่รู้อะไรนอกจากนี้ โจวจี้เฟิงที่เป็นคนนอกจะไปรู้เรื่องอะไรได้กัน?
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะคิดว่าควรจะจัดการกับม่อหลี่ยังไง ในฐานะที่ตัวเขาเป็นอาจารย์ของสาวกทั้งหมด ตัวเขาคงจะปล่อยให้นางเดินเหินอย่างอิสระทำอะไรตามชอบไม่ได้อีกต่อไป ในตอนนั้นเองลู่โจวก็สังเกตเห็นภารกิจใหม่ ภารกิจสังหารม่อหลี่ มันเป็นภารกิจที่สมเหตุสมผลแล้ว แต่ไม่ว่าจะยังไงมันก็ไม่ต่าง ไม่ว่าจะมีภารกิจหรือไม่มีภารกิจชะตาของม่อหลี่ก็ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว