แม้ว่าฝานลี่เทียนและเล้งลั่วจะได้เห็นและสัมผัสถึงสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่เมื่อได้ยินแบบนั้นพวกเขาก็ยังตกใจอยู่ดี
เจียงอาเฉียนเสียหลักก่อนที่จะล้มลงบนเก้าอี้
หมิงซี่หยินมองมาที่ผู้เป็นอาจารย์ของตน ใบหน้าของเขามันมีทั้งความกลัวและความตกใจผสมปนเปรกัน เล้งลั่วเป็นคนแรกที่พูดออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่า “ท่านได้เห็นคำตอบในตอนที่แข่งหมากกระดานอย่างงั้นสินะ?”
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพยักหน้าและตอจบกลับมา “หยุนเทียนลั่วได้ปิดผนึกความทรงจำเกี่ยวกับวิธีการฝึกฝนเพื่อที่จะไปมีพลังอวตารดอกบัวขั้นเก้าไว้ที่กระดานหมากนั่น…”
แม้ว่าตัวเขาจะมีตัวอย่างให้อ้างอิงถึงอย่างจำกัด แต่ลู่โจวก็สามารถสร้างข้อสรุปของตัวเองได้โดยอาศัยความรู้และประสบการณ์ที่มีในอดีต
“ดอกบัวดอกคำที่อยู่ในร่างอวตารจะเป็นสิ่งที่หยุดไม่ให้ผู้ฝึกยุทธสามารถผลิกลีบดอกบัวกลีบที่เก้าออกมา”
ทุกๆ คนที่ได้ยินแบบนั้นตกตะลึง ในเวลานี้ไม่มีใครรู้ว่าตัวเองควรจะพูดตอบอะไรกลับมา นี่เป็นเพราะคำพูดของลู่โจว คำพูดของผู้ที่มีพลังฝีมือรวมไปถึงความรู้กว้างขวางมากที่สุดในนี้ เป็นที่รู้กันดีว่าผู้ฝึกยุทธทุกคนที่มีพลังอวตารร้อยวิถีต่างก็ต้องการที่จะผลิกลีบดอกบัวทองคำออกมา…ดอกบัวทองคำที่มีมากเท่าไหร่ก็จะหมายความคนคนนั้นเก่งกาจมากขึ้นเท่านั้น
ลู่โจวพูดออกมาอย่างช้าๆ “เมื่อผู้ฝึกยุทธเลือกที่จะฝึกฝนตัวเองให้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบไปเก้ากลีบ คนเหล่านั้นก็จะพบกับเหตุการณ์นี้ ท้ายที่สุดแล้วดอกบัวทองคำก็จะดูดซับพลังและชีวิตของคนนั้นไป…นี่คือความจริงของขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่”
มีผู้ฝึกยุทธนับไม่ถ้วนที่จะพยายามฝึกฝนตัวเองให้ไปถึงขั้นนั้น ความล้มเหลวมากมายหลายครั้งนำไปสู่ความจริงของขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่ ขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่คอยกั้นขวางไม่ให้ทุกคนฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้…และแล้วเรื่องการฝึกตัวเองให้ไปถึงขั้นที่เก้าจึงเป็นเรื่องที่ดูเป็นไปไม่ได้อีกต่อ
“ดอกบัวทองคำจะดูดซับชีวิต…เมื่อข้าได้เห็นหยวนดู่ในตอนนั้น ข้าเองก็คิดแบบเดียวกัน แต่ข้าก็ยังไม่แน่ใจ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงแล้วดอกบัวทองคำจะสูบพลังชีวิตของคนคนนั้นไปมากเท่าไหร่กัน?” ฝานลี่เทียนได้มองออกไปด้านนอกห้องโถงใหญ่ก่อนที่จะพูดต่อ “ถ้าหากอัจฉริยะผู้ที่ฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้ตั้งแต่ยังหนุ่ม เขาคนนั้นก็จะสามารถใช้อายุขัยที่มีมากกว่าคนอื่นเพื่อฝึกฝนตัวเองจนมีอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้อย่างงั้นหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นผู้ฝึกยุทธที่จะสามารถฝึกฝนตัวเองไปถึงขั้นนั้นได้ก็คือหยวนเอ๋ออย่างงั้นหรอ?”
ในสถานการณ์ตอนนี้เจียงอาเฉียนและหมิงซี่หยินได้แต่ฟังอยู่อย่างเงียบๆ
เล้งลั่วส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้…โลกยุทธภพนั้นมีมาหลายปีแล้ว โลกใบนี้กว้างใหญ่จนทำให้มีผู้มีพรสวรรค์จนน่าตกใจปรากฏตัวขึ้นมาเสมอ ข้าแน่ใจว่าไม่มีผู้ฝึกยุทธคนไหนจะสามารถฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้”
ลู่โจวได้พูดต่อ “ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า…ดอกบัวทองคำจะสูบอายุขัยอย่างน้อยก็ 1,000 ปี ยังไงล่ะ”
ทั้งห้องโถงใหญ่เงียบลง ไม่แม้แต่จะมีเสียงหายใจหลุดรอดออกมา
เวลา 1,000 ปี…นั่นคือเวลาที่ยืนยาวที่สุดที่ผู้ฝึกยุทธจะสามารถมีได้ ผู้ฝึกยุทธส่วนใหญ่ยังไม่อาจมีอายุไปถึงขั้นนั้นได้ นับประสาอะไรกับเวลา 1,000 ปี สำหรับพวกเขาแล้วการจะฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบมันจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยังไงกัน?
เล้งลั่วและฝานลี่เทียนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ในตอนนี้เจียงอาเฉียนไม่อาจที่จะอดทนได้อีกต่อไป เขาโค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าขอเสนอความเห็นสักสองอย่างจะได้ไหม”
“ว่ามา”
“ในตอนที่ข้าอยู่ที่พระราชวัง ข้าได้อ่านหนังสือจากในคลังเก็ฐของมา…มันเป็นหนังสือที่บันทึกเกี่ยวกับพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ ในตอนนั้นข้าไม่ได้คิดมากอะไร แต่ในตอนนี้ข้าจำได้แล้วว่าข้อมูลบางส่วนมันคล้ายกับสิ่งที่ผู้อาวุโสพูดออกมา…” เจียงอาเฉียนลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพูดต่อ “ข้าจำข้อความต้นฉบับทั้งหมดไม่ได้จริงๆ แต่มีข้อความหนึ่งในนั้นที่กล่าวถึงผู้ฝึกยุทธที่จะสามารถฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้ก็ต่อเมื่อคนคนนั้นสามารถฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์มารดา”
เล้งลั่ว, ฝานลี่เทียน และหมิงซี่หยินต่างก็พูดไม่ออก แม้ว่าคำพูดนั้นจะฟังดูหยาบคายและไม่มีประโยชน์อะไร แต่มันก็คล้ายคลึงไม่ต่างกับสิ่งที่ลู่โจวพูดออกมาอยู่ดี
ถ้าหากผู้ฝึกยุทธฝึกฝนจนมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา คนคนนั้นก็อาจจะมีอายุขัยเหลือ 1,000 ปี คนคนนั้นก็จะมีโอกาสที่จะฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้ แต่ถึงแบบนั้นจะเป็นไปได้ยังไงหรอ? การที่จะฝึกฝนตัวเองในครรภ์มารดาจนมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้?
หมิงซี่หยินได้กลอกตามองบนก่อนที่จะพูดต่อ “แม้ว่าเจ้าจะบอกว่าแบบนั้น แต่เจ้าจะรับประกันได้ยังไงว่าดอกบัวทองคำจะไม่ดูดซับอาวุขัย 1,500 ปี หรือ 2,000 ปีกันล่ะ?
คำพูดของหมิงซี่หยินทำให้ทุกคนนิ่งเงียบ ลู่โจวเหลือบมองไปที่หมิงซี่หยิน
เล้งลั่วและฝานลี่เทียนเองก็ได้แต่ถอนหายใจ พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นยอดฝีมือผู้ที่ฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ
เป็นธรรมดาที่ทั้งคู่จะรู้ถึงความยากลำบากที่กว่าจะฝึกฝนตัวเองไปถึงขั้นนั้นได้ดี “สุดท้ายแล้วนี่ก็ยังเป็นปัญหาที่ไม่อาจจะแก้ไขได้” เล้งลั่วได้พูดออกมาก่อนที่จะถอนหายใจ
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก” ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างห้วนๆ ในทันใดนั้นเองสี่คนที่เหลือก็มองไปหาลู่โจวอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขาเห็นสีหน้าของลู่โจวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจดี
ลู่โจวได้พูดต่อ “ลองคิดกลับกัน”
“คิดในทางกลับกันอย่างงั้นหรอ?” เจียงอาเฉียนและหมิงซี่หยินได้เกาหัวของตัวเอง เล้งลั่วและฝานลี่เทียนเองก็ไม่เข้าใจสิ่งที่ลู่โจวพูดเช่นกัน ไม่ว่าทั้งสองคนจะคิดยังไงมันก็ไม่มีทางที่จะแก้ไขได้ “ได้โปรดอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้ด้วยเถอะท่านปรมาจารย์” เล้งลั่วได้ลุกขึ้นพูด
ฝานลี่เทียนไม่กล้าที่จะพูดออกมา แต่ตัวเขาก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน หมิงซี่หยินและเจียงอาเฉียนเองก็ทำแบบเดียวกัน ดวงตาของลู่โจวสว่างไสวราวกับเปลวไฟ ตัวเขาได้จต้องทุกคนที่มารวมตัวกันก่อนที่จะพูดออกมา “เนื่องจากดอกบัวทองคำจะสูบอายุขัยของผู้ฝึกไป…สิ่งที่เราจะต้องทำนั่นก็คือการตัดมันออก”
เล้งลั่ว, ฝานลี่เทียน, เจียวอาเฉียน และหมิงซี่หยินตกใจราวกับถูกสายฟ้าฟาด คำพูดพวกนี้ได้ทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นรั่ว
เล้งลั่วและฝานลี่เทียนผู้ที่ใกล้จะมีอายุและประสบการณ์เกือบพันปีกับเจียงอาเฉียนและหมิงซี่หยินที่ยังเป็นคนหนุ่มอยู่ต่างก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
เจียงอาเฉียนกลืนน้ำลาย “เดี๋ยวก่อน…ข้าขอพักหายใจก่อน” ตัวเขาได้เอามือลูบหน้าอกก่อนที่จะพูดต่อ “ถ้าหากท่านผู้อาวุโสคิดตัดดอกบัวทองคำไป พวกเราก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่ พวกเราที่อยู่ในสภาพที่ไม่ได้เพียบพร้อมสมบูรณ์จะฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้ยังไงกัน?”
ทั้งสี่คนที่มารวมตัวกันต่างก็ลืมเรื่องของวัยไปหมดแล้ว นี่เป็นคำถามที่ทุกคนต่างก็อยากจะรู้ ลู่โจวได้ยิ้มอย่างอบอุ่นก่อนที่จะตอบกลบัมา “แล้วไม่มีวิธีที่จะตัดดอกบัวทองคำโดยไม่ได้รับผลกระทบงั้นหรอ?”
ทั้งสี่คนรู้สึกตกใจอีกครั้ง จากสถานการณ์ปัจจุบัน ลู่โจวคิดว่ามีสองวิธีด้วยกันที่จะฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้ วิธีแรกก็คือการทำตามข้อกำหนดของอวตารดอกบัวแปดกลีบก่อนที่จะค่อยๆ ฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้ วิธีนี้ยากมาก เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าดอกบัวทองคำจะดูดซับอายุขัยของผู้ฝึกไปได้มากที่สุดกี่ปี มันอาจจะดูดซับอายุขัยไปกว่า 2,000 ปีก็เป็นได้…นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ลู่โจวเก็บสะสมการ์ดพลังชีวิตเอาไว้ ส่วนวิธีที่สองที่ลู่โจวคิดได้นั่นก็คือการตัดดอกบัวทองคำ
น้ำเสียงของลู่โจวฟังดูเยือกเย็นได้พูดออกมาอีกครั้ง “พวกเจ้าเคยคิดบ้างไหม…ถึงวิธีที่ผู้ฝึกยุทธจะตัดดอกบัวทองคำน่ะ?”
ทั้งสี่คนกลืนน้ำลาย วิธีการฝึกฝนตัวเองแบบนั้นไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อน แต่อย่างไรก็ตามการที่จะบอกว่าไม่มีใครเลยเคยศึกษาเรื่องแบบนี้มันก็ดูเป็นไปไม่ได้เช่นกัน “พลังขั้นที่เก้าโดยที่ไม่มีดอกบัวทองคำ…นี่อาจถือได้ว่าขั้นที่เก้าเป็นขั้นมากที่สุดแล้วที่ผู้ฝึกยุทธอย่างพวกเราจะไปถึง” เจียงอาเฉียนพูดออกมา
“แม้ว่าจะไม่มีดอกบัวทองคำแต่การที่จะฝึกฝนไปถึงขั้นที่สูงกว่าได้มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้ผู้ฝึกยุทธคนนั้นอยู่เหนือผู้ใดและบดขยี้ศัตรูทุกคนด้วยความต่างนี้ได้…ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงพลังอวตารของคนคนนั้นจะต้องมีความสูงไม่ต่ำกว่า 150 ฟุตแน่” หมิงซี่หยินได้พูดออกมา เล้งลั่วและฝานลี่เทียนต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย ทั้งสองคนถอนหายใจอย่างพร้อมเพรียงกัน ส่วนฝานลี่เทียนเองก็ถอนหายใจก่อนจะพูดออกมา “ข้าแก่มากแล้ว ความคิดและจิตใจข้าไม่เฉียบแหลมเหมือนกับคนหนุ่มแล้วจริงๆ”
หลังจากที่พูดจบเจียงอาเฉียนและงหมิงซี่หยินก็หันไปมองลู่โจว
ใบหน้าของฝานลี่เทียนกำลังแดงระเรื่อ ตัวเขารู้สึกอับอายนิดหน่อยที่ไม่อาจช่วยอะไรได้ ‘ถ้าหากข้าอายุมากขึ้นแล้วข้าจะไปช่วยอะไรปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าได้กัน?’
ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่การสนทนาของพวกเขาในวันนี้จะเปลี่ยนแปลงวิธีการฝึกยุทธก่อนหน้านี้ไปอย่างสิ้นเชิง เล้งลั่วและฝานลี่เทียนได้โค้งคำนับออกมาอย่างพร้อมเพรียง “คำพูดของท่านทำให้พวกข้ามีความรู้กว้างขวางมากกว่าการอ่านหนังสือเป็นเวลากว่าร้อยปีซะอีก”
หมิงซี่หยินและเจียงอาเฉียนพูดไม่ออก ลู่โจวลูบเคราของตัวเองด้วยความพึงพอใจก่อนที่จะพยักหน้าและพูดต่อ “ยังไงซะนั่นก็เป็นแค่ความคิดเห็น…พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องทดลองฝึกฝนอย่างระมัดระวัง”
ทั้งสี่คนได้โค้งคำนับให้กับลู่โจวอย่างเคารพ พวกเขารู้ดีว่าการจะฝึกฝนตัวเองไปถึงขั้นเก้าได้โดยการตัดดอกบัวทองคำออกโดยที่ไม่ได้เตรียมความพร้อมมาอย่างสมบูรณ์แบบเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่มีทางเลือกอื่น วิธีนี้เป็นวิธีที่น่าตกใจจนเกินไป นี่เป็นเพียงหนึ่งในวิธีใหม่ที่ลู่โจวเพิ่งจะคิดค้นออกมาเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วใครจะเต็มใจทดลองด้วยตัวเองกัน? สำหรับลู่โจวตัวเขายังมีการ์ดพลังชีวิตอยู่ ตัวเขาสามารถทดลองฝึกฝนตัวเองได้เมื่อตัวเขากลับไปมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบอีกครั้ง แต่ในตอนนี้เรื่องของความเสี่ยงและผลกระทบจากการฝึกวิธีนี้ยังไม่ถูกค้นพบออกมา
ในขณะเดียวกันที่ทางออกของสุสานแห่งดาบ มีคนคนหนึ่งผมยุ่งเหยิงหน้าตาบูดบึ้งปรากฏตัวขึ้น คนคนนี้แต่งตัวด้วยเศษผ้าธรรมดาๆ แต่ถึงแบบนั้นที่ร่างกายของเขาก็มีพลังอันแปลกประหลาดไหลเวียนอยู่ ชายคนนั้นได้ก้าวออกมาก่อนที่จะลากเชือกเส้นหน้าที่พาดบ่าของตัวเองไปด้วย ชายคนนั้นกำลังเดินออกมาจากสุสานแห่งดาบ…ที่อีกด้านหนึ่งเชือกที่พาดบ่าชายคนนั้นก็ได้ลากศพของใครบางคนออกมา ศพของคนคนนั้นถูกคลุมไปด้วยเสื้อคลุมนักบวชที่ขาดรุ่งริ่ง เมื่อชายคนนั้นเดินต่อ เขาก็ได้ปรากฏตัวอีกทีในระยะที่ไกลหลายร้อยฟุตด้วยกัน