ดวงตาของลู่โจวกำลังสว่างไสวราวกับเปลวไฟที่โหมกระหน่ำ ตัวเขาได้เหลือบมองไปที่ไป๋หวู่ ในตอนนี้สัตว์ขี่อย่างไป๋หวู่มีขนาดเล็กเทียบเท่ากับฝ่ามือแล้วหลังจากที่บินหนีไปไกล ขนาดของตัวมันเริ่มเล็กลง เล็กลง ในแต่วินาทีที่ผ่านไป ลู่โจวได้ยกธนูจันทราขึ้นมาด้วยมือซ้ายก่อนที่จะเริ่มท่องเนื้อหาของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์อยู่ภายในใจ
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีต้นกำเนิดมาจากความว่างเปล่า เรียนรู้ที่จะอยู่ในสังสารวัฏและเรียนรู้จากมัน นี่คือพลังของชีวิตที่ผ่านมา!
เมื่อพลังพิเศษของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ถูกใช่งาน พลังมันก็ได้พุ่งออกจากตัวของลู่โจว ที่นิ้วมือของลู่โจวกำลังเปล่งประกายแสงสีฟ้าจางๆ
เหล่าสาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็เคยเห็นลู่โจวใช้พลังแบบนี้มาก่อนแล้ว แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
ชานหยุนเจิ้งจ้องมองไปที่ลู่โจวด้วยสายตาอันสับสน นางถือว่าเป็นมือธนูที่มีทักษะสูงส่งแล้ว แต่สำหรับนาง การยิงธนูในระยะนี้เป็นอะไรที่ยากจนนางเองไม่อาจทำได้แน่ นอกจากสัตว์ขี่ตัวนั้นจะบินหนีไปด้วยความเร็วจนไกลมากแล้ว มันยังขยับตัวอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะยิงตรงเป้าก็ตามทีแต่สัตว์ขี่ตัวนั้นก็มีโอกาสที่จะหลบการโจมตีได้เช่นกัน แค่จะยิงให้โดนก็ยากพอสำหรับชานหยุนเจิ้งแล้ว ไม่ต้องพูดถูกเลยว่าการโจมตีจะไปโดนมันได้ไหม
ในตอนนั้นเองคันธนูจันทราก็ถูกง้างออกมามากยิ่งขึ้น ตัวของคันธนูสั่นไปทั้งคัน จนถึงตอนนี้ในสายตาของลู่โจวไป๋หวู่มีขนาดเล็กเหลือแค่เพียงเมล็ดถั่วเท่านั้น อีกเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นมันก็จะหายไปจากขอบฟ้าอันไกลโพ้นแล้ว
ลู่โจวได้หลับตาลงครู่หนึ่งก่อนที่จะลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง! ลูกศรพลังงานสีฟ้าได้ปรากฏขึ้นที่ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลางของตัวเขา
ดวงตาของชานหยุนเจิ้งเบิกกว้าง นางที่เห็นแบบนั้นรู้สึกได้ถึงความกลัวที่มาจากส่วนลึกในหัวใจของนางเอง ‘ทำไมลูกศรพลังนี้มันดูเหมือนกับของข้าเลยล่ะ?’ นี่ถือเป็นวิธีการสร้างลูกศรพลังงานโดยที่ชานหยุนเจิ้งเป็นผู้คิดค้นขึ้นมาเอง นางไม่เคยสอนทักษะนี้ให้กับใครมาก่อน แล้วจะมีคนใช้มันได้ยังไงกัน? นางไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น มีเพียงความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ในตอนที่นางใช้ทักษะในก่อนหน้านี้ไป ลู่โจวได้ใช้โอกาสนั้นในการเรียนรู้ในทันที! ตอนนี้ชานหยุนเจิ้งรู้สึกกลัวลู่โจวขึ้นมาอีกระดับแล้ว
“กระสุนดาวตกดวงดารา?” ชานหยุนเจิ้งได้เอ่ยชื่อวิชานั้นออกมาในตอนที่มองไปยังลูกศรพลังงาน นางได้ตั้งชื่อวิชาที่ลู่โจวใช้ว่า ‘กระสุนดาวตกดวงดารา’ วิชาการยิงธนูคล้ายกับชื่อของมันเอง เมื่อผู้ใช้ปล่อยลูกศรที่เปรียบได้ดั่งดาวตกออกไป มันก็จะไล่ตามดวงดาวที่เป็นเป้าหมายในทันที ยิ่งไปกว่านั้นการยิงธนูในครั้งนี้ยังได้รับการเสริมพลังมาจากธนูจันทราอีกด้วย
ฟรึ๊บ!
สายธนูถูกปลดปล่อยออกไปแล้ว พลังแสงสีฟ้าได้ห่อหุ้มพลังลูกศรจากวิชากระสุนดาวตกดวงดารา ยิ่งลูกศรลอยไปไกลเท่าไหร่มันก็ยิ่งถูกพลังแสงสีฟ้าครอบคลุมมากขึ้นเท่านั้น ในตอนนี้ลูกศรที่ถูกปลดปล่อยออกไปมีขนาดพอๆ กับชายหนุ่มหนึ่งคน! เป็นไปได้ยังไงกันที่คันธนูแค่นั้นจะสร้างลูกศรที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวแบบนั้นได้?
ในตอนนั้นเองทุกๆ คนก็ได้แต่ตื่นตกใจกับพลัง แต่สำหรับชานหยุนเจิ้งแล้วนางสังเกตเห็นว่าลูกศรพลังงานที่ถูกปล่อยออกไปมีขนาดที่เรียวบางลง “มีการปรับปรุงวิชาของข้าอย่างงั้นหรอ?” นางกำลังสงสัยว่าลู่โจวได้ทำอะไรบางอย่างไปเพื่อเปลี่ยนวิชาของนางให้ดีกว่าเดิม
ลู่โจวในตอนนี้ได้ใช้ท่ากระสุนดาวตกดวงดาราไปแล้ว ทุกๆ คนได้แต่จ้องมองไปยังการโจมตีที่ถูกปล่อยออกมา
ลูกศรที่มีพลังสีฟ้าห่อหุ้มเป็นเหมือนกับดาวตกที่กำลังลอยอยู่บนอากาศ มันได้พุ่งไปหาไป๋หวู่อย่างรวดเร็ว ไป๋หวู่ในตอนนี้อยู่ไกลออกไปจนเห็นว่ามันมีขนาดเท่ากับเม็ดงาเพียงเท่านั้น ลูกศรที่ลู่โจวปล่อยออกไปจะสามารถยิงในระยะไกลแบบนี้ได้ไหม?
ลูกศรพลังงานถูกยิงออกไปด้วยความเร็วที่น่ากลัว
ทุกๆ คนต่างก็กลั้นหายใจในขณะที่จ้องมองไปยังลูกศรพลังงานที่ว่า หัวของทุกคนได้หันไปตามทิศทางที่ลูกศรพลังงานเคลื่อนตัวไป
ไม่ว่าจะเป็นผืนบกหรือว่าผืนน้ำ เหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่อยู่เบื้องล่างต่างก็สัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายรู้ตัวแล้วว่าบนฟ้ากำลังมีอะไรบางอย่างที่พุ่งผ่านไป เมื่อทุกคนมองไปที่มันทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือลูกศรพลังงาน
“นั่นมันอะไรกัน?”
“มีอะไรบางอย่างบินออกมาจากศาลาปีศาจลอยฟ้า นั่นมันแปลกจริงๆ”
“อย่าได้หาเรื่องใส่ตัวเลย ทุกสิ่งทุกอย่างก็บินออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าได้อยู่แล้วล่ะ…”
เป็นธรรมดาที่คนทั่วไปจะไม่รู้อะไร พวกเขาไม่ได้คิดที่จะเป็นศัตรูกับชาวศาลาปีศาจลอยฟ้าอยู่ก่อนแล้ว สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปอยากได้มีเพียงการใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขใกล้ๆ กับศาลาปีศาจลอยฟ้า พื้นที่อันอุดมสมบูรณ์เพียงเท่านั้น สำหรับคนธรรมดาทั่วไปเรื่องของศาลาปีศาจลอยฟ้าก็คือเรื่องของศาลาปีศาจลอยฟ้า คนธรรมดาไม่คิดที่จะแบ่งแยกสำนักฝ่ายธรรมะหรือว่าอธรรม สิ่งใดก็ตามที่ไม่ได้ทำร้ายพวกเขา คนธรรมดาเหล่านั้นก็จะถือว่าสิ่งนั้นไม่ได้ชั่วร้าย คนธรรมดาทุกคนที่อยู่แถวนี้ต่างก็ชินชากับชาวศาลาปีศาจลอยฟ้าแล้ว เหตุการณ์อันผิดปกติที่เกิดขึ้นแถวนี้ได้กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วนั่นเอง
เพื่อที่จะมองให้เห็นกับตาต้วนมู๋เฉิง, จ้าวยู่, หยวนเอ๋อ และคนอื่นๆ ต่างก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อเฝ้ามองการโจมตีจากในระยะไกล
ฝานซงและโจวจี้เฟิงเองก็บินขึ้นมาเช่นกัน
และเนื่องจากความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่เข้าใครออกใคร ฮั๊ววู่เด๋า, ฮั๊วยู่จิงและชานหยุนเจิ้งต่างก็ลอยขึ้นไปบนอากาศเช่นกัน
ภาพที่ทุกคนจะได้เห็นล้วนแต่น่าตื่นเต้นจนไม่อาจห้ามใจได้
ลูกศรพลังงานได้ระเบิดออกมาราวกับดอกไม้ไฟ ที่รอบๆ ของมันเต็มไปด้วยควันสีม่วง บางทีทุกคนอาจจะอยู่ไกลเกินไป เมื่อผ่านไปได้ครู่หนึ่งทุกคนก็ได้ยินเสียงแรงระเบิดเข้า
ตู๊ม!
เสียงสั่นสะเทือนได้ตามมาทีหลัง
“ยอดเยี่ยมจริงๆ”
“ไม่มีใครหยั่งรู้เลยว่าท่านปรมาจารย์แข็งแกร่งมากแค่ไหน!”
“ไม่มีทางเลย…จริงๆ อย่างงั้นสินะ” ชานหยุนเจิ้งสั่นไปทั้งตัว นางไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็นเลย ชานหยุนเจิ้งถือว่าเป็นมือธนูผู้ที่ฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบ นางรู้ดีว่าไป๋หวู่มันอยู่ห่างออกไปมากแค่ไหน แม้แต่ตัวนางเองการจะยิงไป๋หวู่ให้โดนจากในระยะนี้ยังแทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวกลับทำได้ มันอาจจะจริงแล้วก็ได้ที่ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าจะมีพลังวรยุทธสูงส่งจนสุดแท้ที่จะหยั่งถึง
พลังสีม่วงได้กระเพื่อมไปโดยรอบ มันได้ลอยอยู่บนอากาศสักพักก่อนที่จะจางหายไป
“ติ้ง! สังหารสัตว์ขี่สำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 1500”
ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจมากที่ได้รับรางวัลจากการฆ่าสัตว์ขี่ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามสีหน้าของตัวเขาก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป พลังแสงสีฟ้าที่เคยส่องแสงเริ่มที่จะจางหายไปแล้วเช่นกัน ลู่โจวกำลังประเมินพลังของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ที่เหลืออยู่ ในตอนนี้ตัวเขาได้ใช้พลังไปหนึ่งในสามส่วนแล้ว การระเบิดพลังออกมาถือเป็นหนึ่งในพลังวิเศษของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์นี้ มันเป็นพลังงานที่เทียบเท่าได้กับพลังที่ระเบิดอยู่บนแท่นประลองดอกบัว ถ้าหากคำนวณให้ดีเต็มที่ลู่โจวก็สามารถปลดปล่อยพลังแบบนี้ได้เพียงสามครั้งเท่านั้น และถ้าหากคู่ต่อสู้ของตัวเขามีพลังมากไปลู่โจวก็ต้องปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาในการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว
“ไปเก็บศพมันมาซะ” ในที่สุดลู่โจวก็ได้สั่งการออกมาอีกครั้ง
ซู่ฮ่องกงศิษย์คนที่แปดได้ตอบรับกลับมาอย่างเร่งรีบ “ข้าจะรับหน้าที่เอาไว้เอง…ทุกคนได้โปรดพักผ่อนให้สบายใจเถอะ!”
ทุกๆ คนมองไปที่ซู่ฮ่องกงด้วยความสงสัย ทุกคนกำลังคิดว่าซู่ฮ่องกงพยายามที่จะทำอะไรอยู่กันแน่
“ข้าจะปล่อยให้สาวกร่วมสำนักอย่างเจ้าไปทำภารกิจที่ยากลำบากแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะ? ให้ข้าได้ไปด้วยเถอะ เจ้าอาจจะยังไม่รู้เรื่องในครั้งนี้ แต่การที่สัตว์ขี่ตัวนั้นสามารถปล่อยควันพิษออกมาได้ หนังของมันจะต้องหนาเป็นพิเศษและหยาบกร้านกว่าปกติ แน่นอนว่าตัวมันจะต้องหนักอย่างไม่ต้องสงสัย”
ทุกๆ คนพยักหน้า “ศิษย์คนที่แปดวางแผนที่จะไปแต่แรกแล้วสินะ เจ้านี่มันอยู่เป็นจริงๆ!”
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพยักหน้า “ไปได้แล้ว ระวังเวทมนตร์คาถาให้ดี”
ซู่ฮ่องกงได้ลอยตัวขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะปลดปล่อยพลังอวตารร้อยวิถีของตัวเองออกมา ซู่ฮ่องกงได้บินไปทางที่ไป๋หวู่ถูกโจมตีอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกัน ณ ห้องอันมืดมิด
อ๊าก!
ดวงตาของไป่มาเปิดขึ้น ตัวเขาได้กระอักเลือดกว่าหลายหยดลงบนพื้น
“เป็นไปไม่ได้!”
ไป่มาได้ควบคุมสัตว์ขี่ของตัวเองจากในระยะไกล มันคล้ายกับว่าตัวเขาเองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวของสัตว์ขี่ เมื่อสัตว์ขี่ของไปมาต้องตายจากไป เป็นธรรมดาที่ผู้เป็นเจ้าของอย่างเข้าจะต้องรู้สึกทุกข์ทรมานไปด้วย นี่คือข้อเสียเปรียบของผู้ใช้เวทมนตร์คาถานั่นเอง
ในตอนนั้นสีหน้าของไป่มาก็แทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตัวเขาได้วางแผนที่จะโจมตีศาลาปีศาจลอยฟ้าแบบนี้มาอย่างเนิ่นนานแล้ว ด้วยการเคลื่อนไหวในครั้งนี้นอกจากจะได้โจมตีศาลาปีศาจลอยฟ้าแล้วไป่มาก็ยังทำให้ศาลาปีศาจลอยฟ้ากับสำนักลั่วผิดใจกันได้อีกด้วย นี่ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามไป่มาได้ประเมินพลังความแข็งแกกร่งของศาลาปีศาจลอยฟ้าต่ำจนเกินไป
ไป่มาได้เอามือกดลงไปที่อก ตัวเขาได้แต่บ่นพึมพำออกมากับตัวเอง “เป็นไปไม่ได้ที่ชานหยุนเจิ้งจะมีพลังมากถึงเพียงนี้! นางทำแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
ไป่มารู้ดีว่าพลังการป้องกันตัวของสัตว์ขี่อย่างไป๋หวู่มีมากน้อยขนาดไหน แม้แต่ผู้ฝึกยุทธที่มีพลังอวตารดอกบัวเจ็ด-แปดกลีบเองก็ยังไม่อาจที่จะสังหารไป๋หวู่ในเวลาอันสั้นได้ นอกจากนี้ไป๋หวู่ยังใช้ความเร็วสูงสุดในก่อนหน้านี้อีกด้วย จากศาลาปีศาจลอยฟ้าที่อยู่ตรงนั้น การที่จะเห็นร่างของไป๋หวู่จากในระยะที่มันตายได้แทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลย
เป็นไปได้ยังไงกันที่ผู้ฝึกยุทธผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบอย่างชานหยุนเจ้งจะแข็งแกร่งแบบนี้? ไป่มาไม่อยากที่จะเชื่อสิ่ในสิ่งที่คิด
ใบหน้าของไป่มาซีดเซียวจนดูน่ากลัว ตัวเขากำหมัดแน่น การตายของสัตว์ขี่ตัวนี้ได้ทำให้ตัวของไป่มาเองได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างไม่ต้องสงสัย ที่เบื้องหน้าของเขามีเขตแดนที่ใช้สำหรับควบคุมสัตว์ขี่อยู่ ไป่มาได้พูดออกมาอย่างไม่พอใจ “พวกศาลาปีศาจลอยฟ้า…”
ลู่โจวได้ร่อนลงบนพื้นอย่างช้าๆ
ในตอนนั้นเองชานหยุนเจิ้งก็ได้เดินเข้ามาหาตัวเขาด้วยความเคารพ “ลูกศรของท่านเป็นลูกศรที่ยอดเยี่ยมมาก การยิงธนูของท่านในครั้งนี้ทำให้ข้าเปิดหูเปิดตาจริงๆ ท่านปรมาจารย์ ข้ามีเรื่องที่อยากจะถาม…ลูกศรนั้นคือ…”
ลู่โจวได้ยกมือขึ้นมาเพื่อที่จะตัดบทสนทนาจากนาง