การแจ้งเตือนของระบบพิสูจน์แล้วว่าลู่โจวคิดถูก ตัวเขาไม่ได้รีบร้อนที่จะรวบรวมเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ ลู่โจวในตอนนี้เหลือบดูของหวานที่อยู่ด้านใน มันเป็นพายผลไม้นั่นเอง
จ้าวยู่ที่เห็นแบบนั้นยิ้ม “ดูเหมือนว่าของสิ่งนี้จะถูกศิษย์น้องหกเป็นผู้ส่งมานะคะ”
พายผลไม้ถือว่าเป็นหนึ่งในขนมหวานที่ยี่เทียนซินเชี่ยวชาญในการทำมากที่สุด เมื่อยี่เทียนซินอยู่บนภูเขาทอง นางก็มักจะทำพายผลไม้ให้กับอาจารย์ของตัวเอง ต้องขอบคุณพายผลไม้นี้ที่ทำให้ยี่เทียนซินได้ห่วงแห่งรักไป
ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจที่ยี่เทียนซินยังคงจำเรื่องราวแบบนี้ได้ดี แต่น่าเสียดาย จีเทียนเด๋าในตอนนี้ไม่ใช่จีเทียนเด๋าคนก่อนอีกต่อไป สำหรับลู่โจวตัวเขาไม่ได้ชื่นชอบพายผลไม้เท่าไหร่ ตัวเขาที่ได้เห็นพายจึงโบกมือก่อนที่จะหันไปพูดกับจ้าวยู่ “เอาไปแบ่งปันกันซะเถอะ”
จ้าวยู่ที่ได้ฟังแบบนั้นได้ถามออกมาด้วยความสงสัย “หะ? แต่ศิษย์น้องหกเป็นผู้ที่ทำให้ท่าน ข้าไม่กล้าที่จะรับของสิ่งนี้แทนท่านหรอก”
“ข้ายังไม่อยากอาหารน่ะ” ลู่โจวได้แก้ตัวไปอย่างรวดเร็ว มันเป็นข้อแก้ตัวแรกที่ผุดขึ้นในหัวของตัวเขา
เมื่อจ้าวยู่ได้ยินเช่นนั้นนางก็ได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกมา “ขอบคุณมากค่ะท่านอาจารย์” อย่างไรก็ตามภายในใจของนางกลับเป็นกังวล ‘ท่านอาจารย์เบื่ออาหาร…ว่ากันว่าเรื่องแบบนี้มักจะเกิดขึ้นในวัยชรา ขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่ของท่านอาจารย์กำลังจะใกล้มาถึงจริงๆ อย่างงั้นหรอ?’
นอกจากการฝึกยุทธจ้าวยู่ก็มักจะสนใจข่าวจากโลกภายนอกอยู่เสมอ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่นางจะกังวล ข่าวลือทั้งหมดถูกลือกันอย่างหนาหู ไม่ใช่จ้าวยู่เพียงคนเดียวที่กังวลเรื่องนี้ สาวกคนอื่นๆ และเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายก็มักที่จะพูดคุยถึงแผนรับมือถ้าหากมีสำนักฝ่ายธรรมะมาเยือนที่หุบเขาทองจริงๆ
จ้าวยู่หยิบพาย ในตอนที่นางกำลังจะจากไปนางก็ได้เห็นอะไรบางอย่าง “มีจดหมายด้วยค่ะ”
“ข้าเห็นแล้ว” ลู่โจวเหลือบมองไปที่จดหมายที่อยู่ภายในกล่อง
จ้าวยู่ไม่กล้าที่จะอยู่ต่ออีกต่อไป นางเลือกที่จะออกจากห้องด้วยความเคารพแทน
ลู่โจวหยิบจดหมายขึ้นมาก่อนที่จะเปิดอ่าน “เรียนท่านอาจารย์ ข้าศิษย์ของท่านยี่เทียนซิน ข้าได้ส่งมอบของสิ่งนี้ไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้าตามคำขอของศิษย์พี่รอง ตอนนี้ศิษย์พี่รองถูกพลังเวทมนตร์คาถาจนต้องตัดดอกบัวทองคำออกมา ตอนนี้เขากำลังอยู่ที่สุสานเมลิล็อตและกำลังพักฟื้นตัวเองพร้อมกับฝึกฝนตนให้ผลิกลีบดอกบัวออกมาอีกครั้ง ศิษย์พี่รองต้องการที่จะบอกท่านว่าทุกอย่างยังคงเรียบร้อยดี ขอแสดงความนับถืออย่างสุดซึ้ง ยี่เทียนซิน”
หลังจากที่อ่านจดหมายลู่โจวก็ได้ขมวดคิ้ว ที่มือของเขามีพลังลมปราณไหลเวียนไป ในไม่ช้าจดหมายทั้งหมดก็ถูกความร้อนแผดเผา
‘การแยกดอกบัวทองคำออกจากร่างอวตารโดยที่มีชีวิตอยู่ได้เป็นเรื่องจริงสินะ?’
ลู่โจวนั่งลงอย่างช้าๆ ตัวเขาจำข่าวลือในก่อนหน้านี้ได้ดี ลู่โจวได้แต่พูดพึมพำกับตัวเอง “ดื้อด้านซะจริง” ลู่โจวกำลังคิดถึงศิษย์ของเขาอย่างยู่ฉางตง เมื่อยู่ฉางตงเจอปัญญา ตัวเขาก็มักที่จะแบกรับปัญหาด้วยตัวคนเดียวอยู่เสมอ
ในขณะที่สำนักฝ่ายธรรมะกำลังสร้างพันธมิตรก็เพื่อที่จะโจมตีภูเขาทอง ตอนแรกลู่โจวต้องการที่จะเรียกผู้อาวุโสทั้งหมดมาเพื่อที่จะหารือเกี่ยวกับการแยกดอกบัวทองคำ แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไรไปลู่โจวก็คิดขึ้นมาได้ซะก่อนว่ามันจะเป็นอันตรายต่อศาลาปีศาจลอยฟ้าถ้าหากตัวเขาพูดเรื่องนี้ออกมา นอกจากนี้ความสำเร็จในการแยกดอกบัวทองคำได้ก็ยังนับว่ามีน้อยจนเกินไป ลู่โจวไม่มีข้อมูลที่จะใช้อ้างอิงได้เลย ในตอนนี้เรื่องของการแยกดอกบัวทองคำได้ถูกเผยแพร่ไปแล้ว สิ่งที่ลู่โจวต้องทำมีเพียงการรอผลลัพธ์เท่านั้น
ในตอนนั้นเองซู่ฮ่องกงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอยู่ที่ด้านนอกศาลา ตัวเขาได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านอาจารย์!”
ซู่ฮ่องกงเปิดประตูก่อนที่จะเข้ามา ตัวเขาได้โค้งคำนับอีกครั้งก่อนที่จะพูดขึ้น “ท่านอาจารย์ ข้ามีข่าวดีมาฝาก”
“ว่ามา”
“ข้าได้เฝ้าถามเรื่องของคริสตัลแห่งความทรงจำจากศิษย์พี่เจ็ดมาโดยตลอด”
จากสีหน้าของซู่ฮ่องกงในตอนนี้ ดูเหมือนว่าตัวเขากำลังรอการสรรเสริญอยู่อย่างชัดเจน
ลู่โจวหันไปมองซู่ฮ่องกงก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “ได้ความว่าอะไร?”
ซู่ฮ่องกงเป็นผู้ที่พึ่งพาสีวู่หยามากที่สุดในตอนที่ตัวเขาอยู่บนหุบเขาพยัคฆ์ สีวู่หยาแอบช่วยซู่ฮ่องกงมามากกว่าคหนึ่งครั้งแน่ ทั้งสองคนต่างก็สนิทกันมากกว่าใคร เป็นเรื่องปกติที่ซู่ฮ่องกงจะสามารถรวบรวมข้อมูลจากสีวู่หยาได้
“สีวู่หยาบอกเอาไว้ว่าตัวเขาเองก็ไม่รู้เช่นกัน มันอาจจะอยู่ในหรงซีหรือหรงเป่ยก็เป็นได้ ศิษย์พี่ไม่มีทางรู้เลยเพราะท่านอาจารย์เป็นผู้ผนึกมันเอง” ซู่ฮ่องกงพูดออกมา
ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะพยักหน้า “อืม พูดต่อซะ”
“ศิษย์พี่ยังบอกอีกว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่ได้เป็นไปตามที่พวกเราคิด ศิษย์พี่กลัวว่าตัวเองจะถูกเข้าใจผิดและถูกท่านอาจารย์ถือโทษเหมือนกับในอดีต” ซู่ฮ่องกงพูดต่อ “ท่านอาจารย์ ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าศิษย์พี่เจ็ดได้ทำกับพวกเราราวกับว่าพวกเราเป็นผู้ที่โง่เขลากัน?”
ลู่โจวเอามือไขว้หลัง ตัวเขาได้พูดตอบกลับมา “เขาก็แค่ประเมินตัวเองสูงจนเกินไป”
“ถูกต้องแล้วท่านอาจารย์ เขาทำตัวราวกับว่าเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลก และทำกับว่าคนอื่นๆ เป็นเพียงแค่ผู้ที่โง่เขลาเท่านั้น” ซู่ฮ่องกงพูดให้ความเห็น
ลู่โจวหันมาก่อนที่จะจับจ้องไปที่ซู่ฮ่องกง “นินทาลับหลังผู้อื่น เจ้าจงออกไปสำนึกผิดซะเถอะ” ลู่โจวจะต้องสั่งสอนศิษย์คนที่แปดให้ดี พฤติกรรมสองหน้าของตัวเขาอาจจะทำให้ศาลาปีศาจลอยฟ้าเดือดร้อนในสักวันหนึ่ง
เมื่อซู่ฮ่องกงได้ยินแบบนั้น ตัวทั้งตัวเขาก็สั่นในทันที ในตอนแรกซู่ฮ่องกงต้องการขออภัยในทันที แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่หมิงซี่หยินเคยพูดเอาไว้ ซู่ฮ่องกงก็ยอมรับผิดแต่โดยดี “ข้าทำผิดไปแล้ว”
“ติ้ง! ลงโทษซู่ฮ่องกง ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200”
…
ในตอนบ่ายลู่โจวก็ได้ปรากฏตัวอยู่ที่ถ้ำแห่งเงาสะท้อน
มีฝูงชนกลุ่มเล็กๆ กำลังรวมตัวกันอยู่ที่ด้านนอกถ้ำ ผู้อาวุโสทั้งสามคนรวมไปถึงศิษย์ของลู่โจวเองก็อยู่ที่นั่นด้วย
ฝานลี่เทียนยืนขึ้น ตัวเขาได้คารวะให้กับสีวู่หยาก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าแพ้ท่านซะแล้ว…ท่านมีทักษะการอ่านหมากที่อ่านขาดจริงๆ”
“ขอบคุณที่ปล่อยให้ข้าได้ชนะ” สีหน้าของสีวู่หยายังคงไม่เปลี่ยนแปลงไป “เรื่องของโลกใบนี้ก็เหมือนกับหมากกระดาน หลายครั้งประสบการณ์ชีวิตก็ไม่ได้แปลว่าจะทำให้คนคนนั้นเล่นหมากกระดานได้เหนือกว่าใคร”
“ข้าได้เรียนรู้จริงๆ”
สาวกหญิงที่อยู่รอบๆ ต่างก็รู้สึกหวาดหวั่น
“ท่านศิษย์คนที่เจ็ด ท่านฉลาดหลักแหลมจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นทักษะทางด้านดนตรี หมากรุก การเขียนและการวาด ผู้อาวุโสฮั๊ว, ผู้อาวุโสเล้ง หรือแม้แต่ผู้อาวุโสฝานเองต่างก็พ่ายแพ้ให้”
“หมากรุกได้จบลงไปแล้ว การแข่งขันต่อไปคืออะไรกัน? ข้าอยากที่จะชมการแข่งขันต่อไปจริงๆ”
“…” ทุกคนที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็พูดไม่ออก
สีวู่หยาส่ายหัวก่อนที่จะตอบกลับมา “ไม่จำเป็น”
ทุกๆ คนต่างก็มองไปที่สีวู่หยาอย่างงุนงง
สีวู่หยาได้พูดออกมาด้วยท่าทีที่สงบ “การแข่งขันที่คู่ต่อสู้สมน้ำสมเนื้อจะเป็นสิ่งที่ทำให้ข้าตื่นเต้น ยกโทษให้ข้าด้วยที่ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา…แต่การประลองของพวกเรามันเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะน่าเบื่อ”
ทุกๆ คนที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็รู้สึกอับอาย ถ้าหากมีใครสักคนเอาชนะการประลองกับสีวู่หยาได้ คนคนนั้นก็จะปฏิเสธคำพูดนั้นได้ แต่อย่างไรก็ตามตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครเอาชนะสีวู่หยาได้
ผู้ชนะย่อมเป็นฝ่ายที่ถูกเสมอ ไม่ว่าผู้แพ้จะพูดอะไรมันก็เป็นเพียงเรื่องที่ฟังดูเหมือนข้อแก้ตัวเท่านั้น
เมื่อสีวู่หยากำลังจะกลับไปที่ถ้ำแห่งเงาสะท้อน ในตอนนั้นเองเสียงของลู่โจวก็ได้ดังออกมา “รู้สึกพอใจในตัวเองอยู่สินะ?”
ทุกๆ คนที่ได้ยินแบบนั้นได้หันไปทางลู่โจวในทันที
“ท่านอาจารย์!”
“ท่านปรมาจารย์!”
ลู่โจวได้เดินมาพร้อมกับเอามือไขว้หลัง
เหล่าฝูงชนต่างก็หลีกทางให้
สีวู่หยาไม่ได้คาดคิดว่าอาจารย์ของเขาจะปรากฏตัวขึ้น ตัวเขายอมที่จะถ่อมตัวในทันที สีหน้าที่แสนจะหยิ่งผยองได้จางหายไป “ท่านอาจารย์”
ลู่โจวเดินไปหาสีวู่หยาก่อนที่จะหยุดอยู่ตรงหน้าเขา “เจ้าคิดว่าตัวเองฉลาดหลักแหลมเพียงเพราะเจ้าเอาชนะพวกเขาอย่างงั้นสินะ?”
“ข้าไม่กล้า”
ลู่โจวเหลือบมองไปที่รอบตัว มีเกมกระดานเกมหนึ่งที่ดูคล้ายกับเกมถนนฮั๊วหรง, เกมลูกเต๋า, และชุดโกะ ผู้คนในศาลาปีศาจลอยฟ้าจะไปเอาชนะสีวู่หยาในเกมกระดานเหล่านี้ได้ยังไงกัน? [หมายเหตุ: เกมกระดานถนนฮั๊วหรง เป็นเกมกระดานที่จะต้องเลื่อนรถเป้าหมายให้ออกจากกระดานโดยที่ต้องข้ามผ่านสิ่งกีดขวางต่างๆ]
เมื่อลู่โจวมองไปที่สีวู่หยา ศิษย์คนนี้ก็เป็นเหมือนกับคนธรรมดาที่มีอยู่ในหลากหลายการพนัน สีวู่หยาก็เป็นเหมือนกับเด็กวัยสิบขวดที่กลายเป็นอัจฉริยะเรื่องของการพนันเพียงเท่านั้น
ลู่โจวมองไปที่สีวู่หยา ความภาคภูมิใจที่สีวู่หยามีแตกต่างจากยู่ฉางตง ความภาคภูมิใจของยู่ฉางตงมาจากความเพียร มันเกิดจากความมั่นใจและความเคารพในทักษะดาบของตน ในทางกลับกันความภาคภูมิใจของสีวู่หยาไม่ได้สร้างขึ้นมาจากความเพียรพยายามเลย มันเป็นสิ่งที่ตัวเขายกย่องตนเองให้อยู่เหนือผู้อื่นเท่านั้น มันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาจากการทำร้ายผู้อื่น ศิษย์คนนี้จะต้องได้รับการสั่งสอนความคิดและระเบียบวินัยใหม่ตั้งแต่ต้น
ลู่โจวมองไปที่สีวู่หยาก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าเก่งที่จะแก้ไขปริศนา ข้าก็แค่มีอะไรบางอย่างที่จะขอคำปรึกษาจากเจ้า”
เมื่อสีวู่หยาได้ยินคำว่า ‘ขอคำปรึกษา’ สีวู่หยาก็รีบคุกเข่าลงมาอย่างเร่งรีบ “ข้าผิดไปแล้ว!”