ลู่โจวป้องกันการโจมตีทั้งหมดของฉางยานเอาไว้ด้วยมือเปล่า ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาดูสงบนิ่งไปชั่วขณะ ดวงตาของทุกคนต่างเบิกกว้าง ในตอนนี้ไม่มีใครที่กล้ากะพริบตาแม้แต่คนเดียว ทุกคนเกรงว่าจะพลาดช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของสุดยอดการต่อสู้ครั้งนี้ ทุกคนประหลาดใจที่จอมวายร้ายอย่างจีเทียนเด๋าสามารถป้องกันการโจมตีได้ จีเทียนเด๋ายังคงยืนหยัดอยู่ตรงที่เดิม ดูเหมือนว่าพลังวรยุทธที่ตัวเขามีจะไม่ได้ถดถอยลงไปเลย ฉางยานที่เพิ่มพลังโดยใช้ยาเพิ่มพลังปีศาจมาจะพ่ายแพ้ให้กับมือเพียงข้างเดียว? ทุกคนต่างก็ตกใจเมื่อได้เห็นแบบนั้น
“จีเทียนเด๋า…จะ…เจ้า” ฉางยานเองดวงตาเบิกกว้างเช่นกัน “พวกเรามาตายพร้อมกันซะเถอะ…”
“เจ้ากำลังฝันอยู่อย่างงั้นสินะ?” ลู่โจวเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ไม่นานนักพลังฝ่ามือขนาดใหญ่ก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือของลู่โจว เมื่อพลังขยายใหญ่ขึ้นมันก็ดูคล้ายกับฝ่ามือของพระพุทธองค์
ตู๊ม!
การโจมตีเหลือทิ้งไว้เพียงฝุ่นควัน
ถ้าหากฉางยานผู้ที่เป็นปรมาจารย์แห่งสำนักต้วนหลินถูกจัดการ? ถ้าหากตัวเขาเพิ่มพลังจากยาเพิ่มพลังปีศาจแล้วล่ะ? ถ้าหากความแข็งแกร่งของฉางยานอยู่ในจุดสูงสุดของพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบแล้วล่ะ? ลู่โจวใช้เวลาเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้นก็จัดการสุดยอดฝ่ามือคนนี้ได้
ลู่โจวรีบเคลื่อนไหวให้ประหยัดเวลามากที่สุด ลู่โจวในตอนนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงพลังลมปราณเลย ตัวเขาสามารถใช้สุดยอดวิชาในแบบที่ทรงพลังมากที่สุดตามที่ตัวเขาต้องการได้
สมาชิกจากสำนักใหญ่ทั้งเจ็ดต่างก็ตกตะลึง
“นี้มัน…”
“ทำไมจีเทียนเด๋าถึงยังแข็งแกร่งเช่นนี้?”
“ไม่…เป็นไปไม่ได้!”
แม้ว่าจะมีการสนับสนุนจากทุกๆ คน แต่พวกเขาจะเอาชนะยอดฝีมือระดับนี้ได้จริงๆ อย่างงั้นเหรอ? แม้แต่ผู้ที่ดื้อรั้นเมื่อเห็นสิ่งนี้ต่างก็รู้สึกหวาดกลัว เหล่าสาวกจากเจ็ดสำนักใหญ่ต่างก็จนปัญญาที่จะจัดการกับยอดฝีมือเช่นนี้ ‘พวกเราจะต้องหนี!’
ลู่โจวรีบเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
ตัวเขาได้สุดยอดวิชาจิตวิญญาณไล่ล่า
ตู๊ม!
ฝ่ามือของลู่โจวได้ซัดเข้าใส่สาวกคนแรกของสำนักต้วนหลินที่กำลังจะหันหลังหนี
เชาจินหนานเสียชีวิตในทันที ร่างกายของเขาร่วงหล่นมาจากฟากฟ้า
ลู่โจวไม่ยอมเสียเวลาเปล่า ตัวเขารีบใช้วิชาอื่นในทันที ดาบพลังงานจำนวนมหาศาลกำลังพุ่งเข้าใส่ศัตรูราวกับคลื่นยักษ์อันเกรี้ยวกราด
เหล่าสาวกของวิหารแห่งความโชคดียังคงสวดพระสูตรอยู่บนกลางอากาศ เสียงสวดมนตร์ที่คล้ายกับเสียงแมลงบินไม่ได้มีค่าอะไรที่ลู่โจวจะให้ความสำคัญ ในไม่ช้าพวกเขาก็ถูกคลื่นดาบพลังงานเข้าจัดการจนร่วงหล่นด้วยเช่นกัน
“เป็น…เป็นไปได้ยังไงกัน?” เมียวหยินเจ้าอาวาสจากวิหารแห่งความโชกดีเบิกตากว้าง ฝ่ามือที่กำลังประกบเข้าหากันกำลังสั่นเครือ เมียวหยินได้เงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะจ้องมองไปยังชายชราที่อยู่ตรงหน้า ที่ร่างกายของเขาเปล่งประกายสีทองออกมา ในตอนนี้ชายชราที่ว่าได้อยู่ตรงหน้าเจ้าอาวาสคนนี้เรียบร้อยแล้ว “จี…จีเทียนเด๋า
ลู่โจวเคลื่อนไหวฝ่ามืออย่างรวดเร็ว “จงกลับใจซะเถิด แล้วเจ้าจะพ้นจากความผิดบาปที่เคยทำมา ข้าจะส่งเจ้าไปตามทางของพระพุทธองค์เอง” ลู่โจวได้ซัดพลังผนึกฝ่ามือทั้งเก้าเข้าใส่ เมียวหยินพยายามที่จะใช้พลังทั้งหมดป้องกันการโจมตีเอาไว้ แต่น่าเสียดายการป้องกันของเมียวหยินไม่มีประโยชน์อะไร
ลู่โจวไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง ตัวเขาได้ใช้สุดยอดวิชาอีกครั้งก่อนที่จะหายตัวไป
เมียวหยินรู้สึกหมดหนทางและสิ้นหวังจากสุดหัวใจ ที่หน้าอกของเมียวหยินมีหน้าอกถูกเจาะไว้ เมียวหยินพยายามที่จะโคจรพลังลมปราณเพื่อห้ามเลือดลมเอาไว้ แต่จุดตันเถียนของเมียวหยินกลับว่างเปล่า มันถูกทำลายไปด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เมียวหยินพยายามจะยกแขนเสื้อขึ้นก่อนที่จะห้ามเลือดเอาไว้ แต่สุดท้ายเมียวหยินก็ไม่อาจทำได้ เมียวหยินเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะจ้องมองไปทางศาลาปีศาจลอยฟ้า
ในขณะนี้เหล่าสาวกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าต่างก็เข้าร่วมการต่อสู้ เมียวหยินทำได้แค่เฝ้ามองเท่านั้น ดาบพลังงานทั้งหมดที่ถูกสร้างขึ้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเมียวหยินอีกต่อไป ทุกอย่างจะจบลงเมื่อร่างกายของเมียวหยินไม่มีพลังลมปราณอีก ภาพความพ่ายแพ้เป็นภาพสุดท้ายที่เมียวหยินจะได้เห็นก่อนที่จะจากโลกนี้ไป
หวืออ!
เสียงของอากาศที่ถูกสั่นไหวดังก้องไปทั่วสนามรบ ลู่โจวได้เรียกพลังอวตารของตัวเขาออกมา พลังอวตารร้อยวิถีของลู่โจวส่องแสงประกายสีทอง มันสูงตระหง่านอยู่เหนือทุกสิ่ง พลังอวตารนี้สูงและยิ่งใหญ่จนเกินไป มันมีความสูงเกิน 150 ฟุตไม่ผิดแน่
เมียวหยินมองไปที่ดอกบัวทองคำที่อยู่ใต้เท้าพลังอวตารตามสัญชาตญาณ มันเป็นจิตสำนึกสุดท้ายที่เมียวหยินพอจะมี ‘1, 2, 3…7, 8…9!?’
เมียวหยินไม่สามารถที่จะพูดได้อีกต่อไป ‘ความตายของข้าไม่ใช่เรื่องผิดพลาดเลย อมิตตาพุทธ’
หวนคืนสู่ธุลี
เมียวหยินไม่สามารถกักเก็บพลังลมปราณได้อีกต่อไป ร่างกายของเมียวหยินสลายหายไปในอากาศก่อนที่จะร่องรอยไปตามสายลม
…
เมื่อพลังอวตารปรากฏตัว มันก็ได้ปล่อยไอพลังลมปราณมากขึ้น
ผู้ฝึกยุทธกว่าร้อยคนที่อยู่ใกล้ต่างก็ถูกจัดการในทันที
ลู่โจวยังคงใช้สุดยอดวิชาของเขาจัดการศัตรูต่อไป ตัวเขากำลังอยู่ท่ามกลางศัตรูด้วยตัวคนเดียว
วิชาที่ลู่โจวใช้มีส่วนหนึ่งที่คล้ายกับวิชาขั้นสุดยอดของเคล็ดวิชาเต๋าพรางตัว หัวใจของเล้งลั่วเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อได้เห็นการโจมตี ตัวเขาเคยคิดมาก่อนว่าทักษะของตัวเองจะไม่เป็นสองรองใครถ้าหากตัวเขาเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุด ความเร็วสูงสุดที่เล้งลั่วทำได้สามารถสังหารฟางเหวินเซียนได้ก่อนที่ฟางเหวินเซียนจะรู้ตัวซะอีก แต่อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบพลังที่ตนเองมีกับพลังอวตารของลู่โจวรวมไปถึงวิชาที่ตัวเขาใช้ เล้งลั่วก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา
เสียงกรีดร้องแห่งความทุกข์ทรมานดังขึ้นทุกหนทุกแห่ง
สาวกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าเข้าร่วมการต่อสู้มากขึ้น เหล่าสาวกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าเริ่มขับไล่ศัตรูให้ถอยกลับไปได้
การต่อสู้แทบที่จะไม่มีการต่อต้านอยู่เลย
ฮั๊ววู่เด๋าพึมพำออกมา “ข้าคิดว่าข้าเข้าใจแล้วล่ะ…ท่านปรมาจารย์ตั้งใจเก็บซ่อนพลังเอาไว้ ไม่น่าแปลกเลยที่เขาจะใช้พลังผนึกตราประทับทั้งหกควบคู่ไปกับพลังอักษรทั้งสิบได้อย่างง่ายดาย…เท่านี้ข้าก็ไม่รู้สึกละอายใจแล้ว”
เล้งลั่วมองไปที่พลังอวตารขนาดใหญ่ก่อนจะพูดแทรก “บางทีการเข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้าอาจจะเป็นสิ่งที่ขัดตัดสินใจได้ดีที่สุดในชีวิตที่มาก็เป็นได้”
ซู่ฮ่องกงกระโดดไปด้านหน้าก่อนที่จะหัวเราะเยาะเย้ยอย่างบ้าคลั่ง “จัดการพวกที่เหลือซะพี่น้องของข้า จัดการพวกมัน…ข้าน่ะชอบความรู้สึกที่ได้เหยียบย้ำคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่าจริงๆ จัดการพวกมันเร็วเข้า…”
ฮั๊ววู่เด๋าและเล้งลั่วได้ยินสิ่งที่ซู่ฮ่องกงพูดอย่างชัดเจน ทั้งคู่ได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ‘คนเก่งอย่างปรมาจารย์ศาลาปีศาจลอยฟ้าจะสร้างสาวกน่าสมเพชคนนี้มาได้ยังไงกัน? หรือว่าเจ้านี่จะเคยชินกับการเล่นเป็นเจ้าคนนายคนกัน?’
ในขณะเดียวกัน ตอนนั้นเองลู่โจวจับตาดูเวลาที่เหลือในการใช้พลังขั้นสุดยอด ตัวเขาได้จับตาดูพร้อมกับใช้สุดยอดวิชาจู่โจมศัตรูอีกครั้ง
“หนี! หนีเร็ว!”
ความเชื่อมั่นและขวัญกำลังใจของสาวกเจ็ดสำนักใหญ่ในก่อนหน้านี้ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี ขีดจำกัดที่ยิ่งใหญ่, การเตรียมการมาเป็นอย่างดี และแผนการอันแยบยลทั้งหมด เมื่อต้องพบกับปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า ทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้พ่ายแพ้ให้กับความแข็งแกร่งของลู่โจว
“ตั้งสุดยอดเขตแดน! ใช้พลังจากสุดยอดเขตแดนถอยกลับซะ!”
การต่อสู้ถอยร่นเข้าสู่ป่า
ดอกบัวทองคำของลู่โจวเป็นเหมือนกับเครื่องตัดหญ้าที่บดทำลายทุกสรรพสิ่ง
เจียหยวนเจ้าสำนักดวงดาราทั้งเจ็ดได้หนีไปกับสายลม ตัวเขาได้ใช้พลังอวตารของตัวเองก่อนที่จะใช้พลังลมปราณทั้งหมดไปกับการหนีอย่างบ้าคลั่ง
ตู๊ม!
เจียหยวนและร่างอวตารของตัวเขาถูกอะไรบางอย่างขวางไว้ได้ เมื่อตัวเขาเงยหน้าขึ้นเจียนหยวนก็ได้เห็นอวตารที่มีขนาดใหญ่กว่าของตัวเขากำลังขวางทางเอาไว้
ลู่โจวพร้อมกับพลังอวตารที่สูงถึง 150 ฟุตมารออยู่ก่อนแล้ว “ช้าไป”
พลังอวตารของลู่โจวเอื้อมมือขึ้นก่อนที่จะตบลง
“ไม่!” พลังอวตารของเจียหยวนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ร่างเนื้อของเจียหยวนเองก็หายสาบสูญไปบนพื้นเบื้องล่าง
ลู่โจวได้หายตัวไปพร้อมกับพลังอวตารของตัวเขาอีกครั้ง
พื้นที่ป่ารัศมีกว่า 1,000 เมตรถูกทำลายในชั่วข้ามคืน สาวกเกือบทั้งหมดของเจ็ดสำนักใหญ่ถูกจัดการจนเกือบหมด
หนิงเหลียงเจ้าสำนักเฮ้งชูได้ใช้พลังลมปราณทั้งหมดไปกับการใช้พลังแผ่สวรรค์ในการหนี ในเวลานี้ตัวเขาได้เสียสติทั้งหมดไปแล้ว หนิงเหลียงเอามือปาดเหงื่อของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ตาย! พวกเราตายกันหมดแล้ว! ทำไม? ทำไมกัน?” แทนที่จะต้องถูกทรมานให้ตายในความกลัวที่ไม่มีที่สิ้นสุด หนิงเหลียงเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองแทน
“พยายามจะฆ่าตัวตายอย่างงั้นสินะ? ไม่มีทางซะหรอก!”
หวืออ!
พลังลมปราณโดยรอบเข้มข้นขึ้นมาในทันที เมื่อหนิงเหลียงมองขึ้นไปบนฟ้า ตัวเขาก็เห็นพลังฝ่ามือขนาดใหญ่ที่กำลังตกลงมา หนิงเหลียงไม่ได้เห็นตัวของลู่โจวซะด้วยซ้ำในตอนที่ตัวเขาถูกบดขยี้ไป ฝีมือของเขามันห่างชั้นกับผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบมากจนเกินไป
“เขตแดนพลังอย่างงั้นเหรอ?” พลังอวตารลู่โจวได้กวาดมือไปทั่วทั้งเขตแดน เส้นเขตแดนที่เพิ่งจะถูกใช้งานถูกทำลายโดยพลังทำลายของร่างอวตารขนาดยักษ์
เหล่าสาวกที่เหลือของเจ็ดสำนักใหญ่สูญเสียความตั้งใจที่จะหลบหนีแล้ว ผู้ฝึกยุทธด้อยฝีมือจำนวนมากไม่สามารถที่จะรับมือกับภาพที่เห็นได้อีกต่อไป ทุกคนได้แต่สั่นกลัวอยู่บนพื้นดิน
เขตแดนสำหรับลู่โจวมันก็เป็นแค่เรื่องน่าขัน เขตแดนพลังจากผู้ฝึกยุทธด้อยฝีมือจะไปมีค่าอะไรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ
ลู่โจวลอยอยู่บนกลางอากาศพร้อมกับพลังอวตารของตัวเขา ตัวเขาจ้องมองสนามการต่อสู้อย่างภาคภูมิใจ ‘ใครจะเป็นรายต่อไปกัน?’
เมื่อลู่โจวเปิดใช้งานการ์ดระเบิดจุดสุดยอด ตัวเขาก็ไม่คิดที่จะไว้ชีวิตใครทั้งนั้น ลู่โจวมองไปรอบตัวก่อนที่จะหาเหยื่อรายต่อไป เมื่อลู่โจวมองไปที่ป่าทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ตัวเขาก็เห็นพลังลมปราณจำนวนมากก่อนตัวอยู่ที่นั่น ผู้ฝึกยุทธในชุดขาวกำลังสังหารผู้ฝึกยุทธจากเจ็ดสำนักใหญ่อย่างบ้าคลั่ง
‘นั่นมันพลังจากวิชาคลื่นนภา? ยี่เทียนซินอย่างงั้นเหรอ?’