ตอนที่ 481 พวกเราพบกันอีกแล้วสินะ
การโจมตีอย่างกะทันหันของหวางซื่อเจียทําให้สีวู่หยาระวังตัวขึ้นมา ตัวเขาถอยกลับไปยังด้านหลังแทน
ยู่เฉิงไห้ไม่ได้รีบร้อนเคลื่อนไหวอะไร ตัวเขายังคงยืนหลังตรงอย่างใจเย็น แขนซ้ายของยู่เฉิง ขยับไปที่ด้านหลังก่อนที่จะปัดป้องการโจมตี
ป้ง! ป้ง! ปัง!
หวางซื่อเจียยังคงจู่โจมด้วยฝ่ามือของตน ประกายแสงจากพลังฝ่ามือของหวางซื่อเจียทําให้บริเวณรอบข้างเต็มไปด้วยประกายแสงอันเจิดจรัส
แม้ว่าการโจมตีจะมีความเร็วสูงมากแค่ไหนแต่ยู่เฉิงไห่ก็สามารถจัดการกับการโจมตีได้อย่างง่ายดายและเยือกเย็น
หวางซื่อเจียเคลื่อนไหวอีกครั้ง การโจมตีของเขาในครั้งนี้เร็วขึ้น และรวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีกการโจมตีของหวางซื่อเจียทําให้เกิดลมกระโชกต้นไม้ไปทั่ว
สาวกจากสํานักเผิงไหลที่อยู่ใกล้รถม้าต่างก็ยืนเฉย พวกเขาทุกคนได้แต่เฝ้ามองการต่อสู้อยู่อย่างเงียบๆ
และเช่นกัน สาวกจากสํานักอเวจีเองก็เฝ้ามองอยู่อย่างห่างๆ
การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือเป็นอะไรที่ทําให้ทุกคนต่างตกตะลึง
ณ ที่ที่รถม้าลอยฟ้าแห่งสํานักเผิงไหลลงสู่พื้น หวางซื่อเจียยังคงโจมตีต่อไป
ยู่เฉิงไห่ถอยหลังพร้อมกับปัดป้องการโจมตีไปด้วย เมื่อตัวเขาอยู่ที่สุดขอบบันได ยู่เฉิงไห่ก็ได้ยกมือขึ้นมา พลังที่ฝ่ามือของเขาเริ่มขยายใหญ่มากขึ้น “ฝ่ามือทลายปฐพี!”
ดาบพลังงานได้ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของยู่เฉิงไห่ มันค่อยๆ ปล่อยคมดาบเสี้ยวพระจันทร์ออกมา คมดาบที่ว่าได้พุ่งทําลายพื้นพื้นเบื้องหน้า
ตู๊ม!
หวางซื่อเจียหยุดการโจมตีของตัวเองเอาไว้ ตัวเขารีบตีลังกากลับหลังอย่างรวดเร็วแทน
การต่อสู้จบลงแค่นั้น
ทั้งสองฝ่ายได้ใช้พลังเพียงแค่ 2 ใน 10 ส่วนในการต่อสู้ แต่ไม่ว่าจะใช้พลังเท่าไหร่สุดท้ายก็ยังมีผู้แพ้และผู้ชนะในการต่อสู้อยู่ดี
หวางซื่อเจียเป็นฝ่ายยิ้มก่อนจะพูดออกมาก่อน “ข้าแปลกใจจริงๆ ที่เห็นพลังวรยุทธของเจ้าก้าวหน้าแบบนี้ได้”
“ข้าเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน”
“แล้วยังไง? เจ้าไม่คิดที่จะต้อนรับข้าอย่างงั้นเหรอ?” หวางซื่อเจียถามออกมาตรงๆ
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ฟังดังนั้นหัวเราะออกมา “ข้าอดไม่ได้จริงๆ ที่จะรู้สึกดีใจเมื่อได้พบท่าน เชิญด้านใน!”
พวกเขาเดินเข้ามายังห้องโถงใหญ่
ภายในห้องโถงใหญ่ยู่เฉิงไห้ได้พูดกับหวางซื่อเจีย “นี่คือศิษย์น้องผู้หลักแหลมของข้าเองสีวู่หยา”
สีวู่หยาคารวะหวางซื่อเจีย “สวัสดีผู้อาวุโส”
หวางซื่อเจียพยักหน้า “ข้าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับศิษย์คนที่เจ็ดแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้ามาก่อน สีวู่หยา เจ้าเป็นผู้ที่คอยดูแลสํานักแห่งความมืด สํานักที่มีแหล่งข้อมูลอยู่ทั่วทั้งใต้หล้านี้ ไม่ว่าจะเป็นข่าวแบบไหนเจ้าก็สามารถหามันมาได้ นับว่าเป็นเกียรติของข้าจริงๆ ที่ได้พบกับเจ้าที่นี้ ข้าได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามาโดยตลอด”
“ท่านพูดเยินยอช้าเกินไปแล้วผู้อาวุโส” สีวู่หยาตอบกลับ
ในตอนนั้นเองเฉินเหลียงซูก็ได้ถือกล่องผ้าเข้ามา “นี่คือยาช่วยชีวิต ยาที่จะสามารถทําให้ผู้ที่กินมันเอาชีวิตรอดจากการแยกดอกบัวทองคําได้ ผู้อาวุโสหวางเป็นผู้ที่ขอให้สํานักแก่นแท้แห่ง หยางปรุงยาพวกนี้ขึ้น” เฉินเหลียงซูได้ยื่นกล่องผ้าออกมาด้วยมือทั้งสองข้าง
ยู่เฉิงไห่หยิบกล้องผ้าใบนั้นเอาไว้ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ
เฉินเหลียงซูถือเป็นแฟนคลับตัวยงของศาลาปีศาจลอยฟ้า นับตั้งแต่ที่เกิดการต่อสู้ที่มณฑลเหลียงขึ้น คนที่เฉินเหลียงซูต้องการพบมากที่สุดก็คือศิษย์คนแรกของศาลาปีศาจลอยฟ้า และบัดนี้ เฉินเหลียงซูก็ทําสําเร็จ ตัวเขาจะไม่ยอมปล่อยโอกาสดีๆ แบบนี้ให้หลุดมือไป เฉินเหลียงซูจะต้องควบคุมตัวเองให้ดีที่สุดต่อหน้ายู่เฉิงไห่คนนี้ เฉินเหลียงซูที่ได้พบกับยู่เฉิงไฟตัวเป็นๆ เหงื่อออกไปทั่วทั้งมือ “ตามที่คาดไว้ไม่ผิด…”
“เจ้าคาดหวังอะไรไว้กัน?” ยู่เฉิงไห้ได้ยินสิ่งที่เฉินเหลียงซูพึมพํา
“ท่านช่างสง่างาม โอ่อ่า และสูงส่งเหมือนกับที่ข้าเคยจินตนาการไว้ ตามที่คาดไว้ไม่ผิด ศิษย์คนแรกของศาลาปีศาจลอยฟ้าจะต้องเป็นแบบนี้” เฉินเหลียงซูตอบกลับมาด้วยความกลัว
“ตกรางวัลให้เขาซะ” ยู่เฉิงไห้โบกมือของตัวเอง
สาวกสํานักอเวจีได้กวักมือเรียกเฉินเหลียงชไปรับรางวัล
เฉินเหลียงซูที่เห็นแบบนั้นรีบพูดพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณเจ้าสํานักย!”
ในตอนที่เฉินเหลียงถอยกลับไป ในตอนนั้นหวางซื่อเจียก็เริ่มพูดขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าบัดนี้ได้ฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบแล้ว?”
“ถูกต้อง” ยู่เฉิงไห้ไม่ตั้งใจที่จะปกปิดอะไร ท้ายที่สุดแล้วศาลาปีศาจลอยฟ้ายิ่งมีพลังอํานาจ มากขึ้นเท่าไหร่ ตัวเขาเองก็จะถูกสรรเสริญมากขึ้นเท่านั้น
“แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเจ้าจะต้องไม่เชื่อข้าแน่ เจ้าสํานัก” หวางซื่อเจียพูดออกมา อย่างใจเย็น “ในตอนที่ข้าเดินทางผ่านแท่นบูชาสวรรค์ที่อยู่ทางตอนเหนือของมณฑลจิง ข้าก็ได้พบกับยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบเข้า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาของยู่เฉิงไห่เบิกกว้างด้วยความตกใจ เขาเป็นคนแรกที่ตอบสนองกับเรื่องนี้ “ยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ? อาจารย์ของข้าไปที่แท่นบูชาสวรรค์อย่างงั้นเหรอ?”
หวางซื่อเจียส่ายหัวปฏิเสธ “ไม่ ไม่ใช่อาจารย์ของเจ้าหรอก”
ยู่เฉิงไห่ขมวดคิ้ว มียอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอีกคนอย่างงั้นเหรอ? ยู่เฉิงไหที่ฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้ไม่เคยที่จะเจอปัญหาอะไรในขณะที่เดินทางไปทั่วทั้งดินแดน ตัวเขาไม่เคยพบกับใครที่สามารถเอาชนะตัวเองได้มาก่อนมีเพียงอาจารย์ของ เขาอย่างจีเทียนเดําเท่านั้นที่จะกําราบยู่เฉิงไม่ได้ แต่ในตอนนี้มีผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบปรากฏตัวขึ้นมาอีกคนแล้ว ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไปแผนทั้งหมดที่ยู่เฉิงไห่วางมาอาจจะล้มเหลวเมื่อไหร่ก็ได้ “ใครกัน?”
เฉินเหลียงซูที่กลับมาจากการรับรางวัลได้พูดเสริมขึ้น
“ท่านยู่เฉิงไห่ ข้ายืนยันเรื่องนั้นได้ ชายคนนั้นมีแซ่ว่าลู่ ข้าไม่คิดว่าจะมีใครรู้หัวนอนปลายเท้าของเขา ว่ากันว่าผู้อาวุโสลู่เป็นผู้ที่รักสันโดษนะ ฮั่วจงหยาง หนึ่งในสุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่แห่งสํานักอเวจีเองก็อยู่ที่นั่นด้วย ท่านสามารถยืนยันเรื่องที่ข้าพูดกับฮั่วจงหยางได้”
“แซลู่อย่างงั้นเหรอ?” สีหน้าของยู่เฉิงไห่เปลี่ยนไป ในตอนนี้เรื่องทุกอย่างเริ่มซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ตัวเขาไม่รู้เลยว่ายอดฝีมือคนนี้จะเป็นมิตรหรือว่าศัตรู ในตอนนี้ดูเหมือนว่ายู่เฉิงไห่จะไม่มีสหายที่พึ่งพาได้อยู่เลย
หวางซื่อเจียได้ถอนหายใจก่อนที่จะพูดต่อ “ข้าไม่ได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจะปรากฏตัวออกมาอย่างรวดเร็วหลังจากที่เข้าสู่ยุคของการแยกดอกบัวทองคําเช่นนี้”
“ท่านรู้รึเปล่าว่าชายคนนั้นต้องการอะไร พี่ซื่อเจีย?” ยู่เฉิงไห่ถามออกมา
หวางซื่อเจียส่ายหัว “ข้าไม่กล้าที่จะถามยอดฝีมือเช่นนั้น”
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ฟังแบบนั้นรู้สึกผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
เฉินเหลียงซูพูดต่อ “ยอดฝีมือแห่งโถงมังกรฟ้าดูเหมือนจะคุ้นเคยกับผู้อาวุโสสู่คนนั้นนอกจากนี้ยังมีเด็กสาวอีกคนอยู่กับพวกเขาด้วย”
“หญิงสาวคนนั้นเป็นผู้ที่รู้จักท่วงทํานองของเหล่าสัตว์ร้าย…” ซื่อเจียพูดต่อ
“นี่คือเหตุผลที่เจ้าส่งสาวกไปที่แท่นบูชาสวรรค์อย่างงั้นสินะ? เจ้าสํานัก ท่านต้องการพาเด็กสาวคนนี้กลับมาสินะ?” ซื่อเจียถามออกมาด้วยความสับสน
“ถูกต้อง เด็กสาวคนนั้นมีพรสวรรค์ นางสามารถสั่งการสัตว์ร้ายได้ ถ้าหากเราให้นางช่วยเหลือ เมืองมณฑลจึงคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่ น่าเสียดาย” ยู่เฉิงไห่คร่ําครวญ
“ข้าเห็นมากับตา” หวางซื่อเจียพูด
“พี่ซื่อเจีย ท่านอาศัยอยู่ในเกาะเผิงไหลที่เงียบสงบมาเป็นเวลานาน ตอนนี้มณฑลทั้งเก้ากําลังตกอยู่ในความวุ่นวาย ทําไมท่านไม่คว้าโอกาสนี้ลุกขึ้นยืนและช่วยเหลือข้าล่ะ?”
“เอ่อ…” หวางซื่อเจียไม่ได้เห็นด้วยกับคําขอของยู่เฉิงไห้ในทันที ความจริงแล้วตัวเขาต้องการทําให้เกาะเพิ่งไหลเป็นใหญ่ในโลกมากยิ่งขึ้น ถ้าหากไม่ได้คิดเช่นนั้นตัวเขาก็คงจะไม่ทิ้งสํานักย่อยอย่างสํานักแก่นแท้แห่งหยางและไม่ทิ้งเกาะเพิ่งไหลจนเข้ามายังอาณาเขตของสํานักอเวจีได้ สิ่งที่หวางซื่อเจียต้องการก็คือโอกาส ถ้าหากตัวเขาตอบรับข้อเสนอเร็วก่อนเวลาอันควร ตัวเขาก็คงไม่อาจเรียกราคาค่าตอบแทนอะไรจากการช่วยเหลือนี้
ยู่เฉิงไห้ได้พูดออกมาด้วยน้ําเสียงอันทรงพลัง “ถ้าหากท่านยอมช่วยข้า พี่ซื่อเจีย สํานักเพิ่งไหลจะต้องกลายเป็นสํานักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอนาคตแน่ และที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์จะต้องมีที่ของสํานักเพิ่งไหลอยู่ด้วย”
“ตกลง!” ซื่อเจียตอบตกลงในทันที
ยู่เฉิงไห้รีบทุบโต๊ะก่อนที่จะพูดด้วยเสียงอันทรงพลังอีกครั้ง “เด็กๆ ”
“ครับ ท่านเจ้าสํานัก!”
“ข้าต้องการจัดงานเลี้ยงต้อนรับพี่ซื่อเจียไปเตรียมตัวมาซะ” ยู่เฉิงไห่สั่งการ
“ยินดีด้วย!” เฉินเหลียงซูพูดแสดงความยินดีในขณะที่คารวะให้กับทั้งคู่
สีวู่หยาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าเรื่องทุกอย่างจะราบรื่นเช่นนี้ ตัวเขายืนขึ้นก่อนที่จะเดินไปทางด้านซ้ายของยู่เฉิงไห่ ก่อนที่จะได้พูดอะไรยู่เฉิงไห้ก็ได้ตบไหล่เขาก่อนที่จะพูดออกมาซะก่อน “ศิษย์พี่น้องผู้หลักแหลมของข้า เจ้าคงจะเหนื่อยแล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะดูแลส่วนที่เหลือให้เอง”
“ศิษย์พี่ใหญ่”
“ไม่ต้องห่วง ข้ารู้ดีว่ากําลังทําอะไร” ใบหน้าของยู่เฉิงไห่แดงก่ํา
บรรยากาศภายในห้องโถงใหญ่เริ่มมีแต่ความรื่นเริง ในตอนนั้นเองก็มีสาวกคนหนึ่งวิ่งเข้ามา “ท่านเจ้าสํานักยอดฝีมือแห่งโถงมังกรฟ้ากลับมาแล้ว!”
“พาเขามาซะ!” ยู่เฉิงไห้รีบสั่งการ
เหล่าสาวกจากสํานักเพิ่งไหลต่างก็มองออกไปนอกห้องโถง
พระอาทิตย์ได้ตกดินไปแล้ว ในยามค่ําคืนเช่นนี้พวกเขาทําได้เพียงมองดูคนทั้งสามที่กําลังเดินเข้ามาอย่างช้าๆ
เมื่อแสงไฟในห้องโถงใหญ่ส่องไปที่บุคคลทั้งสาม ห้องโถงใหญ่ทั้งหมดก็เงียบราวกับสุสานในทันที
ผู้มาเยือนอีกสองคนนอกเหนือจากฮั่วจงหยางก็คือชายชราผู้ที่จับมือหญิงสาวที่ดูราวกับนางฟ้าเอาไว้
ในทางกลับกันฮั่วจงหยางเดินตามมาจากด้านหลัง ตัวเขาดูเหมือนกับผู้รับใช้แทน
เนื่องจากคนจากสํานักเผิงไหลเคยเห็นชายชราคนนี้มาก่อน พวกเขาทุกคนจึงรู้ดีว่าคนคนนี้คือใคร สาวกจากสํานักเพิ่งไหลทุกคนมองไปที่ชายชราอย่างตกใจ
“เจอกันอีกแล้วสินะ” ลู่โจวเป็นคนแรกที่ทําลายความเงียบสงบทั้งหมด