My Disciples Are All Villains – ตอนที่ 491

ตอนที่ 491

ตอนที่ 491 ดอกบัวที่ไม่เดียวดาย

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย

ครั้งที่ลู่โจวเดินทางมาที่ต่างโลกเป็นครั้งแรก ตัวเขาก็พบว่าร่างกายที่ทรุดโทรมมันยากที่จะฝึกฝนตัวเอง ตัวเขาที่ไม่สามารถฝึกฝนตัวเองได้แต่พึ่งพาพลังของการ์ดและของวิเศษ แต่ในตอนนี้ร่างกายของเขาแข็งแรงขึ้นมากแล้ว เพราะแบบนั้นลู่โจวจะต้องฝึกฝนตัวเองได้ดีกว่าเมื่อก่อนมากแน่

การ์ดและของวิเศษทั้งหลายเป็นเพียงแค่ตัวช่วยเท่านั้น แม้ว่าลู่โจวจะสามารถใช้พลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบหลอกผู้คนได้ แต่ตัวเขาก็ไม่สามารถใช้วิธีนี้เอาตัวรอดจากทุกสถานการณ์ได้ไปตลอด

ในช่วงที่ยุคแห่งการแยกดอกบัวทองคําเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น มันเป็นช่วงเหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายฝึกฝนตนอย่างขยันขันแข็ง นอกเหนือจากมนุษย์นับล้านแล้วก็ยังมีชนเผ่าอื่นด้วย มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะที่สามารถฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้ ถ้าหากถึงตอนนั้นแล้วลู่โจวไม่มีพลังที่แท้จริงอยู่กับตัว ตัวเขาจะสามารถคลี่คลายปัญหาที่กําลังจะตามมาได้ยังไงกัน?

ลู่โจวที่ลืมตาตื่นขึ้นได้กางฝ่ามือออกมา ในตอนนั้นเองพลังลมปราณที่มีก็เริ่มก่อตัวจนกลายเป็นพลังอวตารขนาดจิ๋ว พลังอวตารที่ว่าปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา ที่ใต้พลังอวตารมีดอกบัวทองคําเพียงแค่กลีบเดียว

กลีบดอกบัวเพียงแค่กลีบเดียวมันช่างดูเดียวดาย บางทีอาจเป็นเพราะลู่โจวคุ้นเคยกับการแสดงละครทําให้ตัวเขาไม่คุ้นชินที่จะได้เห็นพลังอวตารที่เดียวดายแบบนี้ ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตัวเองนั้นอ่อนแอ

ตัวเขาได้แต่ส่ายหัว นี่ไม่ใช่เวลามาคร่ำครวญถึงความอ่อนแอที่มี ลู่โจวได้จดจ่อไปที่ดอกบัวทองคําก่อนที่จะเริ่มโคจรพลังลมปราณของตัวเองจากจุดตันเถียน

พลังอวตารที่ได้รับพลังลมปราณเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ที่ใต้ของพลังอวตารเริ่มส่องแสงสีทองระยิบระยับ

การผลิกลีบก็เหมือนกับการปลูกต้นไม้ ยิ่งมีสารอาหารและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมมากเพียงใด พืชที่ปลูกก็จะสามารถเบ่งบานแตกหน่อได้มากขึ้นเท่านั้น

บางครั้งลู่โจวก็รู้สึกสงสัยเกี่ยวกับพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบและพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบที่ถูกบันทึกอยู่ในตํารา นอกจากนี้ในตํารายังบันทึกพลังวรยุทธขั้นถัดไป มันเป็นขั้นที่อยู่ถัดจากมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ ขั้นที่ว่าก็คือขั้นสวรรค์ลี้ลับ ถ้าหากมีพลังขั้นถัดไปจริงแล้วทําไมผู้ฝึกยุทธทั้งหลายถึงยังมีพลังติดอยู่ที่ดอกบัวแปดกลีบกัน? ทําไมถึงไม่มีใครสามารถฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้? อะไรคือความลับของโลกที่อยู่เบื้องหลังพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ? บรรพบุรุษจํานวนมากต้องเคยฝึกฝนตัวเองเพื่อที่จะไปถึงขั้นนั้น แต่ดูเหมือนว่าทุกคนที่ได้ทดลองล้วนแต่ล้มเหลวไปซะหมด

ภายในพระราชวังเขียวชอุ่มอันเงียบสงบ จักรพรรดิหลิวยังคงฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่จะผลิกลีบดอกบัวต่อไป

หลิว’ ได้สั่งการผู้นําเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์และองครักษ์ทั้งหมดที่มีแยกดอกบัวทองคําเพื่อที่จะฝึกฝนตัวเองให้เร็วที่สุด

ผู้ส่งสารคนหนึ่งได้เดินเข้ามาที่พระราชวังเขียวชอุ่มพร้อมกับถาดที่อยู่ในมือ เมื่อผ่านทหารยามที่คอยเฝ้ายามมาได้ตัวเขาก็คุกเข่าลงก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความเคารพ “ฝ่าบาท สถานศึกษากลุ่มดางหมีใหญ่ได้ปรุงยาแห่งการเบ่งบานได้แล้ว พ่ะย่ะค่ะ”

หลิวกู่ที่นั่งทําสมาธิอยู่บนพื้นลืมตาขึ้นมา ตัวเขาเหลือบไปมองเม็ดยาที่อยู่บนถาด “มีแค่เม็ดเดียวอย่างงั้นเหรอ?”

“การที่จะปรุงยาแห่งการเบ่งบานได้ต้องใช้เวลายาวนาน หนําซ้ำยังต้องใช้ทั้งแรงงานและทรัพยากรจํานวนมากด้วย ประธานโจวได้บอกเอาไว้ว่าตัวเขาทําดีที่สุดแล้ว” เสียงของผู้ส่งสารฟังดูเป็นกังวลและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

สิ้นสุดเสียงของผู้ส่งสารทั่วห้องก็เงียบไปชั่วขณะ

ไม่นานนักหลิวกู่ก็ยกมือขึ้นก่อนที่จะหยิบเม็ดยาแห่งการเบ่งบาน

“จงฟังคําสั่งข้า ให้สถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ให้ความสําคัญและใช้ของทุกอย่างที่มีไปกับการปรุงยาแห่งการเบ่งบานซะ พวกเราราชสํานักจะต้องหาของที่จําเป็นทั้งหมดสําหรับการทํา ไม่ว่ายังไงองครักษ์ทั้งหมดจะต้องมียาเหล่านี้”

“พ่ะย่ะค่ะ” ผู้ส่งสารคารวะก่อนที่จะออกจากห้องไป

ทั่วทั้งห้องเงียบลงอีกครั้ง

หลิวกุ่ยกมือขึ้นมา ไม่นานนักพลังลมปราณที่โคจรมาที่มือก็ได้สร้างอวตารขนาดเล็กขึ้นมา

พลังอวตารส่องแสงสีทองไปทั่วทั้งห้อง พลังอวตารขนาดเล็กไม่มีดอกบัวทองคําอยู่ มันมีเพียงกลีบดอกบัวสี่กลีบที่กําลังหมุนรอบอวตาร

หลิวกู่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ตัวเขารีบยกมือขึ้นมาก่อนที่จะกินยาเม็ดแห่งการเบ่งบาน

หลิวที่กลืนยาลงไปกําหมัดแน่น

ตู๊ม!

พลังอวตารที่เคยอยู่บนมือบัดนี้ได้จางหายไป

ฤทธิ์ยาจะต้องออกผลในเร็วๆ นี้

หลิวกที่คิดแบบนั้นก็รีบหลับตาเพื่อจะโคจรพลัง แต่ไม่นานนักตัวเขาก็ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง “เด็กๆ !”

ผู้ส่งสารคนหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา ผู้ส่งสารที่เดินทางมาถึงรีบคลานเข่าเข้าไปหาหลิวกู่

“ฝะฝ่าบาท!”

“ยาแห่งการเบ่งบานออกฤทธิ์ได้ไม่ดีพอ! อะไรคือสาเหตุของเรื่องแบบนี้กัน?” หลิวกู่ถามออกมาอย่างไม่พอใจ

“ฝ่าบาท.ประทานโจวเป็นผู้ที่ปรุงยากับมือ ยาเม็ดที่ฝ่าบาทได้รับเป็นยาแห่งการเบ่งบานที่ดีที่สุดแล้ว” ผู้ส่งสารตอบกลับมาอย่างประหม่า

หลิวขมวดคิ้วอย่างงุนงง “หรือเป็นเพราะกลีบดอกบัวที่ข้ามีมันมากเกินไปกัน?”

เป็นที่รู้กันดี ยิ่งพลังวรยุทธที่มีสูงมากขึ้นเท่าไหร่ การที่จะฝึกฝนตัวเองให้เก่งกาจขึ้นไปอีกย่อมเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้น มันเป็นเรื่องธรรมดาที่มีมาอย่างช้านาน

แต่ถึงแบบนั้นฤทธิ์ยาที่ยาเม็ดนี้มีก็ยังอ่อนแออยู่ดี

หลังจากที่ไตร่ตรองเรื่องนี้ได้หลิวกู่ก็ได้พูดออกมาอีกครั้ง “เจ้าไปได้แล้ว”

“พ่ะย่ะค่ะ” ผู้ส่งสารเองก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยปากถามผู้เป็นจักรพรรดิ ผู้ส่งสารรีบคารวะให้ก่อนที่จะรีบออกจากห้องมา

ด้านนอกสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่

เหล่าสาวกของสถานศึกษากําลังถือหม้อใบใหญ่เดินออกมาจากด้านในสถานศึกษา

“หลีกทางหลีกทางเร็วเข้า” สาวกของสถานศึกษายังคงเดินหน้าต่อไป

สาวกกว่าหลายคนได้แต่เอามืออุดจมูกก่อนที่จะหลีกทางให้

“กลิ่นนี่มัน! เจ้าทําอะไรมา?”

สาวกของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่เงยหน้าขึ้นมาก่อนจะตอบกลับ “ข้าข้าต้องขอโทษด้วย”

“ทําไมข้าไม่เคยเห็นหน้าเจ้ามาก่อน” สาวกคนหนึ่งจ้องมองไปที่สาวกอีกคนอย่างเข้มงวด

“ข้าเป็นสาวกหน้าใหม่น่ะ ข้าไม่ทันได้ระวังตัวต้องขออภัยจริงๆ”

“อย่างงั้นเองเหรอ? เอาหม้อของเจ้ามาดูสิ”

ถ้าหากเรื่องในครั้งนี้เกิดขึ้นในอดีต สาวกผู้ต้อยต่ำก็คงจะไม่ถูกสงสัยอะไร แต่ในตอนนี้เป็นช่วงเวลาพิเศษของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ เพราะยาแห่งการเบ่งบานทําให้ที่นี่ต้องมีมาตรการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้น ทุกคนที่เข้าออกสถานศึกษาจะต้องได้รับการตรวจสอบเป็นอย่างดี

“ครับ” สาวกคนนั้นได้ส่งหม้อให้กับสาวกอีกคน

“เจ้าคนแซรี ทําไมหม้อของเจ้าถึงได้มีของเช่นนี้?”

“มันเป็นหม้อใบใหม่ ข้าเพิ่งจะได้มันมาเมื่อไม่นานมานี้”

“หืม?”

พรึ๊บ!

ทันทีที่ส่งหม้อให้ มือของสาวกแช่รีก็เริ่มส่องแสง ไม่นานนักเคียวพื้นพิภพก็ปรากฏขึ้น มันได้ฟาดฟันไปที่สาวกอีกคนอย่างไม่ไยดี

หมิงหยินรีบปิดปากสาวกคนนั้นก่อนที่จะลากร่างของสาวกผู้โชคร้ายไปยังที่ลับตา ตัวเขาที่ปิดปากสาวกสําเร็จรีบหายแฝงตัวหายไปในฝูงชน

ครู่ต่อมา

ณ ป่าที่อยู่ห่างไกลสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ 10 กว่าไมล์

หมิงหยินกําลังหยิบยาที่อยู่ในหม้อก่อนที่จะสูดดมกลิ่นมัน “กลิ่นเหม็นบ้าบอนี่มัน…เดี๋ยวก่อนนะ มันคือกลิ่นเดียวกับกลิ่นในห้องปรุงยา หรือว่านี่ก็คือยาแห่งการเบ่งบาน? ข้าสงสัยจริงๆ ว่าถ้าหากกินยาแห่งการเบ่งบานในขณะที่มีดอกบัวทองคําอยู่มันจะได้ผลไหม? แม้ว่าสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่จะกว้างใหญ่ แต่เจ้าพวกนั้นกลับตระหนี่ ในตอนนี้ข้าได้พบยาที่ว่าแล้ว ข้าจะต้องออกไปจากที่นี่” หมิงหยินไม่เลือกที่จะกินยาแห่งการเบ่งบาน ตัวเขาเลือกที่จะเก็บมันไว้ก่อนจะออกจากป่าแทน

ในขณะเดียวกัน ณ ห้องปรุงยาทั้งสิบแห่งสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ บัดนี้ทั่วทุกที่ตกอยู่ในความโกลาหล

สาวกนับร้อยที่อยู่ในสถานศึกษาพยายามตามหาอะไรบางอย่างในขณะที่ลอยอยู่บนอากาศ

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาสาวกทุกคนก็มารวมตัวกันอยู่ที่นอกห้องปรุงยาหลัก

“ท่านประทาน พวกเราหาไม่พบ!”

“พวกเราได้ค้นดูทุกซอกทุกมุมแล้ว ทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก แต่พวกเราก็ไม่พบอะไรเลย!”

“ยาเม็ดสุดท้ายจะต้องถูกสับเปลี่ยนและถูกใครบางคนขโมยไปแล้วแน่!”

โจวยู่ใคขมวดคิ้ว เปลือกตาของเขากระตุกเพราะความโกรธแค้น “เจ้าคนชั่วไร้ยางอายนั่น! นี่มันจะอุกอาจเกินไปแล้ว!”

“ได้โปรดใจเย็นลงก่อนท่านประทาน” สาวกคนอื่นๆ รีบพูดตักเตือน

โจวยไคได้ระงับเปลวไฟแห่งความโกรธแค้นเอาไว้ก่อนจะพูดต่อ “ปิดเรื่องนี้ไว้ซะ พวกเราจะทําเหมือนเรื่องในครั้งนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”

“ฮะ?”

“แค่ฟังคําสั่งของข้าก็พอ!”

“ครับ ท่านประทาน!” เหล่าสาวกของสถาบันต่างก็โค้งคํานับให้

ภายในศาลาตะวันออกของศาลาปีศาจลอยฟ้า

ลู่โจวกําลังเหลือบมองประกายแสงที่กําลังส่องสว่าง

ตัวเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าพลังอวตารที่มีกําลังแข็งแกร่งขึ้น

ในที่สุด

ซูวววว!

ภายใต้การโคจรพลังลมปราณมาอย่างยาวนาน ในที่สุดดอกบัวทองคําก็เริ่มผลิกลีบใหม่ กลีบดอกบัวกลีบใหม่ส่องประกายระยิบระยับอยู่ภายในห้อง

“จบแล้วสินะ”

ประกายแสงสีทองได้จางหายไป ในที่สุดดอกบัวกลีบที่สองก็เริ่มหมุนรอบดอกบัวทองคํา

ในเชิงปฏิบัติ นี้ถือเป็นการผลิกลีบดอกบัวด้วยความพยายามครั้งแรกของลู่โจว ตัวเขารู้สึกตื่นเต้นมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับในตอนที่ซื้อพลังอวตาร

ลู่โจวได้ใช้เวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้นก็สามารถผลิกลีบดอกบัวกลีบใหม่ได้

ในตอนนี้ลู่โจวเป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวสองกลีบอย่างเป็นทางการแล้ว

ลู่โจวได้เปิดเมนูระบบขึ้น ตัวเขาตรวจดูราคาของการ์ดวิเศษทั้งหมด

เป็นอย่างที่คาดไว้ ราคาการ์ดได้เพิ่มขึ้นกว่า 1,000 แต้มบุญ

ราคาของการ์ดในตอนนี้มันสูงเกินกว่าจะซื้อเก็บสะสมได้อีก

ลู่โจวยังมีพลังวิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์อยู่ ตราบใดที่ตัวเขายังคงทําสมาธิเพื่อเพิ่มพลังวิเศษที่ว่า ตัวเขาก็จะสามารถใช้พลังจู่โจมจากพลังวิเศษแทนการใช้การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาตได้ ถ้าหากลู่โจวไม่มีทางเลือกอื่น ตัวเขาก็ยังคงซื้อการ์ดการโจมตีของเพชฌฆาตราคาแพงเพื่อเป็นทางออกสุดท้ายได้อยู่ดี

ลู่โจวเหลือไปมองกลีบดอกบัวที่ขายอีกครั้ง

“50,000..”

My Disciples Are All Villains

My Disciples Are All Villains

เรื่องย่อ

ลู่โจว ชายคนหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลและพบว่าตัวเขานั้นกำลังอยู่ในร่างกายของใครบางคนอยู่ เขาคนนี้กำลังอยู่ในร่างกายของปรมาจารย์ผู้ชั่วร้ายนามว่าจีเทียนเด๋า

ชายคนนี้เป็นผู้ที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุดของโลกใบใหม่นั่นเอง! แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น ร่างกายของจีเทียนเด๋าผู้นี้นั้นแก่ชราเกินไป

พลังวรยุทธ์ทั้งหมดที่เคยมีเองยังสูญหายไปอีกด้วย นี่ฉันจะต้องกลายเป็นคนแก่ไร้ค่าไปแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท