ตอนที่ 479 ธิดาหอยสังข์ผู้ลึกลับ
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
หวางซื่อเจียกลัวเกินกว่าที่จะต่อกรกับผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้ ตัวเขาเองก็ไม่กล้า พอที่จะรุกรานสถานศึกษาไท่ชูและสํานักเฮ้งชูเช่นกัน ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดก็คือการถอนรากถอนโคนผู้ที่มีชีวิตทั้งหมดแทน เมื่อเรื่องทั้งหมดจบลงโดยที่ไม่มีผู้รอดชีวิต เรื่องในวันนี้ก็จะเงียบหายไปโดยปริยายเอง
เฉินเหลียงซูไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงหายใจดัง ตัวเขาได้แต่ปาดเหงื่อที่ไหลรินอยู่บนใบหน้า “ผู้ อาวุโสสู่พลังออร่ารอบตัวเขามันดูมีพลังมากกว่าของผู้อาวุโสจีซะอีก”
“เฉินเหลียงซู”
“ครับ” เฉินเหลียงซูรีบยกมือขึ้นมา เฉินเหลียงซูก็คือผู้ที่มีชื่ออยู่บนอันดับสูงสุดของบัญชีขาว แต่ถึงแบบนั้นตัวเขากลับใช้ชีวิตอยู่เยี่ยงทาสรับใช้
“คนที่เจ้าเรียกว่าฮั๊วจงหยาง ก็คือชายที่เป็นหนึ่งในสุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่แห่งสํานักอเวจีอย่างงั้นไม่ใช่เหรอ?” หวางซื่อเจียได้ถามออกมา
“ถูกต้องแล้ว เขาเป็นชายผู้ที่มีพลังวรยุทธลึกล้ำ แต่ข้าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาจะมาที่เมืองแห่งนี้ทําไม”
หวางซื่อเจียพยักหน้า “เป็นเพราะเจ้านั่นอยู่ใกล้ชิดกับผู้อาวุโสลู่ สํานักเผิงไหลคงจะปล่อยให้ โอกาสนี้หลุดมือไปไม่ได้ อย่าลืมไปว่าพวกเรามาที่นี่ทําไม”
“ครับ!”
…..
ลู่โจวไม่ได้ลอยอยู่บนอากาศ ตัวเขาจงใจเลือกที่จะเดินเท้าเพื่อสังเกตดูท่าทางของธิดาหอยสังข์แทน
ฮั๊วจงหยางตามหลังพวกเขามาอย่างเงียบๆ
ลู่โจวหยุดเดินเมื่อถึงป่า ตัวเขามองไปที่เท้าของธิดาหอยสังข์ก่อนที่จะพูดออกมา “บ้านของเจ้าอยู่ที่ไหนกัน? ข้าจะได้ไปส่งเจ้ากลับ”
“บ้าน?” นางส่ายหัว
“นางเป็นคนไร้บ้านอย่างงั้นเหรอ? ลู่โจววิเคราะห์สาวน้อยอีกครั้ง ไม่ว่าจะยังไงนางเป็นคนที่ลึกลับอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ในการสร้างท่วงทํานอง นางกลับสามารถเอาชีวิตรอดจนมาถึงตอนนี้ได้ การที่เด็กไร้บ้านจะเอาชีวิตรอดในโลกอันโหดร้ายนนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย หลังจากที่ใช้ความคิดอยู่พักหนึ่งลู่โจวก็ได้พูดออกมา “ถ้าหากเป็นอย่างงั้นข้าจะพาเจ้าไปอยู่ด้วย”
ฮั๊วจงหยางที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ร้องเรียกขึ้นมา “ผู้อาวุโสลู่”
“หืม?”
“ข้ามีเรื่องจะพูด แต่ข้าไม่รู้ว่ามันเหมาะสมที่จะพูดไหม”
“ตัวตนที่เจ้าซ่อนอยู่ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว ข้ายังไม่ได้พูดคุยกับเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ซะด้วยซ้ำ” ลู่โจวตอบกลับมาด้วยเสียงอักหนักแน่น
“…” ฮั๊วจงหยางสะดุ้ง
ลู่โจวเหลือบมองไปที่ฮั๊วจงหยางก่อนจะใช้ความคิด ฉันเองก็ปลอมตัวมาเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? การเป็นคนสองบุคลิกมันช่างน่าอึดอัดใจจริงๆ” ลู่โจวส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ ยังไงซะเรื่องนี้ก็ ไม่ใช่เรื่องที่สําคัญอะไร
“ข้ามีชื่อว่าฮั๊วจงหยาง ข้าเป็นหนึ่งในสุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่แห่งสํานักอเวจี และข้าก็ยังเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งโถงมังกรฟ้าของสํานักอเวจีอีกด้วย” ฮั๊วจงหยางพูดต่อ “สํานักอเวจีในปัจจุบันเป็นสํานักฝ่ายอธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า ข้าแน่ใจว่าท่านต้องเคยได้ยินเรื่องราว เกี่ยวกับสํานักข้ามาแล้ว ผู้อาวุโสลู่”
ลู่โจวมองไปที่ฮั๊งจงหยางก่อนที่จะถามออกมา “แล้วเจ้ามาที่นี่ทําไม?”
“ธิดาหอยสังข์แท้จริงแล้วเป็นเด็กสาวที่แสนจะใสซื่อและบริสุทธิ์ การที่นางจะต้องใช้ชีวิตอยู่บนโลกอันแสนโหดร้ายนี่มันอันตรายจนเกินไป ข้าข้าสามารถดูแลนางได้ ข้าจะดูแลนางให้เหมือนกับน้องสาวแท้ๆ ของข้าเอง” ฮั๊วจงหยางตอบกลับมา
“เจ้าน่ะเหรอ?”
“ข้าไม่กล้าเปรียบเทียบตัวเองกับท่านได้ ผู้อาวุโสสู่เป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ…” ฮั๊วจงหยางที่พูดเสร็จรีบก้มหน้าลง
พลังวรยุทธที่มีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับการดูแลใครสักคน การเป็นผู้ฝึกยุทธมันก็มากพอ แล้วที่จะทําให้คนคนนั้นไม่มีเวลาเลี้ยงดูคนในครอบครัว
เมื่อฮั๊วจงหยางได้พูดแบบนั้น ลู่โจวที่ไม่ทันได้พูดอะไรก็มีเสียงของเด็กสาวตัวน้อยดังขึ้นซะก่อน “ข้าจะไม่ไปกับท่าน”
“???” ฮั๊วจงหยางที่ฟังแบบนั้นสับสน
“ทําไมเจ้าถึงอยากให้นางไปกับเจ้า?” ดวงตาของลู่โจวจับจ้องไปที่ฮั๊วจงหยาง ฉันจะไม่ยอมป ล่อยให้แกได้โกหกแน่”
หน้าอกของฮั๊วจงหยางเต็มไปด้วยความกดดัน ตัวเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากต้องตอบกลับมาอย่างตรงไปตรงมา “ในเมื่อดินแดนถูกปกครองโดยจักรพรรดิผู้ไร้ความสามารถ มันก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้องโค่นเขาให้ลงจากบัลลังก์ สํานักอเวจีเป็นเพียงสํานักเดียวที่กล้าจะเรียกร้อง พวกเราเป็นเพียงสถานที่เดียวที่จะทําให้คนทั่วทั้งมณฑลทั้งเก้ามีความหวัง แต่ในตอนนี้พวกเรากําลังประสบปัญหาอยู่ ปัญหาในการพิชิตมณฑลจิง…”
“เจ้าจึงคิดจะใช้เด็กสาวคนนี้อย่างงั้นสินะ?”
“ครับ…”
ลู่โจวไม่ได้ใช้คําผิดแต่อย่างใด คําว่า “ใช้” ที่ตัวเขาพูดมีความหมายถูกต้อง
ฮั๊วจงหยางที่ได้พูดออกมาดูอึดอัด ตัวเขามองไปที่เด็กสาวอย่างรู้สึกผิด ในตอนนี้ตัวเขาจําได้ แล้วว่าลู่โจวไม่ใช่ผู้อาวุโสแห่งสํานักเผิงไหล ลู่โจวก็แค่พูดทุกอย่างเพื่อหลอกล่อตัวเขา ฮั๊วจง หยางที่คิดแบบนั้นขึ้นมาได้รีบพูดออกมา “ข้ามีเรื่องที่ต้องขอล่วงเกินท่านแล้วถ้าหากสํานักอเวจีได้รับความช่วยเหลือจากท่าน ผู้อาวุโสลู่ ข้าแน่ใจว่าพวกเราจะต้องพิชิตมณฑลจึงได้อย่า งง่ายดายแน่” ถ้าหากพวกฮั๊วจงหยางได้รับความช่วยเหลือจากยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ พวกเขาก็ไม่จําเป็นจะต้องการธิดาหอยสังข์รวมไปถึงเหล่าสัตว์ร้ายอีกต่อไป หลังจากที่พูดสิ่งที่ต้องการออกมาฮั๊วจงหยางก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะมองตาลู่โจวอีก
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งลู่โจวก็ได้ตอบกลับมา “ข้าไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ แต่ถึงแบบนั้นข้ารู้สึกสนใจเจ้าสํานักอเวจีของเจ้าขึ้นมา”
ฮั๊วจงหยางได้ถามออกมาด้วยความตกใจ “ท่านเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับท่านเจ้าสํานักด้วยเหรอ ผู้อาวุโสลู่?”
“ก็เคยมาบ้าง”
“ข้าจะพูดตามตรง ปรมาจารย์ของเจ้าสํานักข้า…ก็เป็นยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้าก ลีบเหมือนกับท่าน! ข้าสงสัยว่าท่านเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับศาลาปีศาจลอยฟ้าบ้างรึเปล่า ศาลาปีศาจลอยฟ้าที่ทําให้โลกยุทธภพเป็นดั่งพายุคลั่งได้ ผู้อาวุโสลู่?” ฮั๊งจงหยางพูดออกมาอย่างมีพลัง เมื่อพูดถึงตอนนี้ฮั๊วจงหยางก็มั่นใจแล้วว่าลู่โจวเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธที่เดินทางเพียงลําพัง
“เก้ากลีบ? ศาลาปีศาจลอยฟ้า?” ลู่โจวไม่อาจจะยอมแพ้ได้ ท้ายที่สุดแล้วเป้าหมายของเขาก็คือการพบตัวยู่เฉิงไห่ ตัวเขาอยากจะรู้ว่ายู่เฉิงไห่และสีว์หยา ศิษย์ไม่รักดีทั้งสองคนกําลังวางแผนที่จะทําอะไรกัน
“ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นผู้ที่สามารถเอาชนะเจ็ดสํานักใหญ่ได้ด้วยตัวคนเดียว เมื่อไม่นานมานี้ ดอกบัวเก้ากลีบที่บานสะพรั่งจากพลังของท่านปรมาจารย์เป็นอะไรที่ไม่มีอะไรเทียบเคียงได้” น้ำเสียงของฮั๊วจงหยางเต็มไปด้วยความเคารพ แต่เมื่อฮั๊วจงหยางคิดถึงคําว่า “ไม่มีอะไรเทียบเคียงได้” ตัวเขาก็ได้ไอออกมาเบาๆ “แต่เมื่อเทียบกับท่านแล้วผู้อาวุโสลู่ ดูเหมือนว่า ท่านจะเหนือกว่าเขาเล็กน้อย บัดนี้ท่านปรมาจารย์แก่มากแล้ว แม้ว่าตัวเขาจะมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอยู่ แต่เขาก็คงจะหลุดพ้นจากขีดจํากัดทางด้านอายุขัยไม่ได้แน่”
“…” ลู่โจวไม่ได้ตอบอะไรกลับไป “เจ้านี่มันพูดเรื่องของฉันไรอะไรมากมาย!”
“แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงว่าอายุขัยของเขาจะมีขีดจํากัดเหมือนเดิมหลังจากที่ตัวเขาฝึกฝนตัวเองไป ถึงขั้นนั้นได้น่ะ?” ลู่โจวถามออกมา แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อาจยืนยันเรื่องนี้ได้ เดิมทีพลังที่แท้จริงที่ลู่ โจวมีเป็นเพียงพลังอวตารดอกบัวกลีบเดียวเท่านั้น แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็รู้สึกได้ว่าการฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ อายุขัยที่มีจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 50 ปี
“ท่านพูดมีเหตุผล ผู้อาวุโสลู่ ข้าไม่ทันคิดให้ดีเอง” ฮั๊วจงหยางตอบกลับมา
“ถ้าหากยู่เฉิงไห่มีอาจารย์เช่นนั้น…เหตุใดกันเขาถึงไม่ขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นอาจารย์กันล่ะ?”
“เอ่อ…” ฮั๊วจงหยางไม่กล้าที่จะพูดถึงเรื่องนี้ เรื่องส่วนตัวของยู่เฉิงไห่มักจะไม่เคยถูกพูดถึง เลยในสํานักอเวจี “บางทีท่านคงต้องไปถามท่านเจ้าสํานักเองซะแล้ว”
“แน่นอน” ลู่โจวตอบกลับมา หลังจากนั้นตัวเขาก็มองไปที่ธิดาหอยสังข์ “ข้าจะพาเจ้าไปด้วย”
“อืม”
ในตอนนั้นเองพลังลมปราณก็เริ่มผันผวนมากยิ่งขึ้น ทั้งสองคนได้ลอยขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะลอยออกจากแท่นบูชาไป
ฮั๊วจงหยางพยักหน้าอย่างเงียบๆ ตัวเขาคิดยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารเก้ากลีบยังไงก็เป็นยอดฝีมี ออยู่วันยังค่ำ เพราะแบบนั้นการติดตามยอดฝีมือไปเช่นนี้คงจะดีกว่าการต้องกลับไปมือเปล่า
ทั้งสามคนเดินทางผ่านป่าในขณะที่บิน
ธิดาหอยสังข์ที่บินอยู่รู้สึกตื่นเต้น มันเป็นความรู้สึกที่นางไม่เคยได้พบมาก่อน “สวยจริงๆ” หลังจากที่พูดเสร็จนางก็ยกหอยสังข์ที่มีขึ้นมาก่อนที่จะเป่ามันอย่างนุ่มนวล
เสียงหอยสังข์ที่ถูกเป่าดังไปทั่วฟ้า แม้ว่ามันจะเป็นเสียงธรรมดาแต่มันก็ยังดังไปถึงพื้นเบื้อง ล่าง
ภายในป่าที่อยู่ไม่ไกล สัตว์ร้ายทั้งหลายกําลังวิ่งไปมาอย่างดุเดือด ทั่วทั้งป่าเริ่มกลับมาคึกคัก
เหล่านกที่ได้ยินเสียงต่างก็มารวมตัวกัน
สัตว์ร้ายบางตัวเริ่มที่จะเคลื่อนไหวตามด้วยความเร็วสูง ในขณะที่ทั้งสามคนกําลังบินไป นก และสัตว์ร้ายก็เริ่มติดตามพวกเขาไปด้วย
ลู่โจวไม่แปลกใจเลยเมื่อได้เห็นแบบนั้น “หอยสังข์”
“ค่ะ” ธิดาหอยสังข์ได้ส่งหอยสังข์ให้กับมือของลู่โจว
ลู่โจวได้ตรวจสอบมันอย่างละเอียด หอยสังข์ที่ได้เห็นมันไม่ใช่อาวุธ มันเป็นเพียงหอยสังข์ธรรมดาเท่านั้น “เป็นไปได้ไหมที่ท่วงทํานองนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของภาษาสัตว์ร้าย?”
ลู่โจวคืนหอยสังข์ให้กับนางไป
“ขอบคุณค่ะ”
ลู่โจวแปลกใจที่ธิดาหอยสังข์กล่าวขอบคุณเขา
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย