ตอนที่ 505 สัตว์ร้ายลึกลับ
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
หมิงหยินยิ้มก่อนที่จะพูดออกมา “ข้ารู้ว่าอะไรสามารถช่วยให้สาวน้อยคนนี้ฝึกฝนวรยุทธด้วยเส้นพลังลมปราณที่เปราะบางของนางได้”
ลู่โจวเริ่มรู้สึกสนใจหมิงซี่หยินมากขึ้น “แม้ว่าศิษย์คนที่สี่จะเป็นคนเจ้าเล่ห์มากก็ตาม แต่เขาก็ไม่เคยทําให้ฉันผิดหวังเลยจริงๆ”
แม้ว่าลู่โจวจะมีความทรงจําและประสบการณ์กว่าพันปี แต่ตัวเขาก็ไม่ได้รู้ทุกอย่าง
“แล้วต้องใช้อะไรล่ะ?”
หมิงซูหยินตอบกลับมา “หยกหลานเทียน”
ลู่โจวลูบเคราของตัวเอง “อัญมณีของฟุ่มเฟือยแบบนั้นจะใช้ทําอะไรได้กัน?”
“หยกหลานเทียนไม่ใช่หยกธรรมดาๆ ว่ากันว่าที่ทะเลตะวันออกมีหยกชนิดหนึ่งอยู่ในท้องปลา หยกที่ว่าได้ดูดซับพลังแห่งท้องทะเลมาเป็นเวลากว่าหลายปี และเพราะแบบนั้นหยกที่ว่าจึงเต็มไปด้วยพลัง ผู้ที่พกหยกชนิดนี้จะทําให้ผิวของคนคนนั้นขาวใสและเรียบเนียน นอกจากนี้ยังทําให้เส้นพลังลมปราณทั้งแปดลึกล้ำมากยิ่งขึ้น ด้วยการฝึกฝนโดยการพกหยกชิ้นนี้จะต้องทําให้เส้นพลังลมปราณของคนคนนั้นแข็งแกร่งขึ้นได้แน่” หมิงซี่หยินตอบกลับมา
เป็นเพราะคําพูดของหมิงซี่หยินทําให้ลู่โจวนึกอะไรขึ้นมาได้ แท้จริงแล้วมีหยกที่หมิงซูหยินพูดอยู่จริงๆ แต่ถึงแบบนั้นมันก็เป็นหยกที่ล้ำค่าและสุดแสนจะหายาก
ในตอนนี้ทั่วทั้งโลกกําลังคลั่งไคล้การแยกดอกบัวทองคําอยู่ ทุกคนต่างก็ให้ความสําคัญกับการผลิกลีบดอกบัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับยอดฝีมือผู้เคยผลิกลีบดอกบัวได้หลายกลีบ ยอดฝีมือแบบนั้นมักจะมีความมั่นใจในการฝึกฝนมากว่าผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ ทุกวินาทีมีค่าสําหรับพวกเขา ในเวลาเช่นนี้คงจะไม่มีใครมองหาหยกหลานเทียนแน่
จู่โจวที่กําลังคิดหาวิธีก็นึกถึงเกาะเพิ่งไหลขึ้นมา ตัวเขาจําข่าวลือเกี่ยวกับหยกหลานเทียนเมื่อหลายปีก่อนได้ดี “ส่งจดหมายหาสีวู่หยา ถ้าหากหวางซื่อเจียอยู่กับเขา ก็ให้เจ้านั่นส่งหยกหลานเทียนมา”
“ครับ ท่านอาจารย์” หมิงซูหยินน้อมรับคําสั่งก่อนที่จะหันหลังและจากไป
ลู่โจวได้จ้องมองธิดาหอยสังข์ก่อนที่จะนึกไปถึงตําราที่เพิ่งได้พบ ตัวเขากําลังสงสัยว่าเด็กสาวคนนี้มีต้นกําเนิดเดียวกับเจ้าของโลงศพใบนั้นหรือไม่ ไม่ว่าจะสงสัยแค่ไหนแต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์ที่จะคิดถึง ทุกอย่างจะถูกเฉลยก็ต่อเมื่อสาวน้อยคนนี้ “ตื่น” ไม่ว่าจะเร่งรีบแค่ไหนมันก็ไม่มีความหมาย
“หยวนเอ๋อ”
“ท่านอาจารย์”
“ปกป้องหอยสังข์ให้ดี”
“ข้าจะปกป้องสาวน้อยให้ดีที่สุดแน่นอน!” หยวนเอ๋อเอามือทุบอกอย่างมั่นใจ
“เยี่ยม แม้ว่าจะเป็นหยวนเอ๋อแต่นางจะต้องทําได้แน่”
ในตอนแรกลู่โจวคิดว่าหยวนเอ๋อจะรู้สึกอิจฉาเมื่อมีสาวน้อยอย่างธิดาหอยสังข์มาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้กังวลอะไร ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นอดไม่ได้ที่จะคิดว่าหยวนเอ๋อได้เติบโตขึ้นแล้ว
ลู่โจวกลับไปยังศาลาตะวันออก ตัวเขาได้นําตําราลึกลับติดตัวมาด้วย
ในตอนนั้นต้วนมู่เฉิงยังคงติดตามลู่โจวไป ตัวเขาได้โค้งคํานับก่อนที่จะถามออกมา “ท่านอาจารย์ แล้วโลงศพนั่น…พวกเราควรจะทํายังไงกับมันดี?”
ปกติแล้วของที่ไร้ค่ามักจะถูกทิ้ง แต่เมื่อจู่โจวคิดถึงเส้นเขตแดนพลังพิเศษบนโลงศพ ตัวเขาก็ตัดสินใจใหม่ “เก็บโลงศพนั้นไว้ศาลาทางเหนือซะ”
จู่โจวที่กําลังจะจากไปพูดเสริม “ให้ใครสักคนเลียนแบบเขตแดนพลังบนโลงศพนั่นด้วย”
“ครับ ท่านอาจารย์”
เมื่อกลับมายังศาลาตะวันออก จูโจวก็ไม่ได้คิดที่จะทําสมาธิในทันที ตัวเขาที่กลับมาถึงเลือกที่จะตรวจสอบภาพวาดเก่าแก่แทน ภาพที่ลู่โจวได้เห็นก็ยังคงเป็นเช่นเดิม มันมีภาพเกาะเผิงไหลและมณฑลทั้งเก้าของดินแดนหยาง
จากสิ่งที่หวางซื่อเจียเคยพูด หญิงสาวแส่หลัวคนนั้นเคยไปที่เกาะเพิ่งไหลมาก่อน
เมื่อจู่โจวคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตัวเขาก็สงสัยว่าหญิงสาวแซ่หลัวคนนั้นเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ครอบครองโลงศพลึกลับ
ลู่โจวเลือกที่จะเปิดตําราออกมา ตัวเขาตัดสินใจที่จะอ่านมันอีกครั้ง ภายในตําราเล่มลึกลับมีวิธีการฝึกยุทธบันทึกไว้ มันเป็นวิธีการที่คล้ายกับวิธีการฝึกยุทธทั่วไปของดินแดนหยาน ลู่โจวตัดสินใจที่จะตรวจสอบตําราอีกครั้ง แต่สุดท้ายแล้วตัวเขาก็ไม่พบอะไรผิดแปลก
เมื่อลู่โจวอ่านไปถึงส่วนที่บันทึกวีธีการฝึกตนของพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ นอกจากคําส่วนใหญ่จะเลือนหายไปแล้ว ลู่โจวได้เห็นคําๆ เดียวที่ยังคงเด่นชัด: ผู้คนล้วนอ่อนแอ แต่มันก็ทําให้ปลอดภัย
“อ่อนแอ? ความอ่อนแอจะหมายถึงความปลอดภัยได้ยังไงกัน?”
ทําไมผู้ที่ครอบครองโลงศพถึงปรารถนาไม่ให้มีผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบปรากฏตัวขึ้น?
ลู่โจวพยายามจับใจความในสิ่งที่สามารถอ่านได้ ตัวเขาได้พลิกดูหน้าตําราอื่นๆ
ที่กลางปกตํารามีรูปดอกบัวสีแดงถูกวาดเอาไว้ กลีบดอกบัวทั้งเก้าของมันดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก บางที่อาจจะเป็นเพราะความลังเลของผู้สร้างตํารา ทําให้เหนือดอกบัวมีข้อความสลักเอาไว้: ไม่มีใครอยู่ไปได้ตลอด
นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีอะไรอื่น
เมื่อพยายามจะอ่านต่อ ลู่โจวก็สังเกตเห็นตัวอักษรถูกขีดฆ่า
“นี่อาจจะเป็นความจริงที่เขาเชื่อถืออย่างงั้นสินะ?” ลู่โจวยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกสับสน
ตัวเขาเลือกที่จะวางตําราลงบนโต๊ะก่อนที่จะไม่คิดแตะต้องมันอีก
จู่โจวได้ใช้เวลาที่เหลือไปกับการทําสมาธิเพื่อเพิ่มพลังเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์
ถ้าหากหญิงสาวแซ่หลัวเกี่ยวข้องกับเกาะเพิ่งไหลจริง ตัวเขาก็มีแต่จะต้องไปที่นั่นเท่านั้น
แต่ในตอนนี้ลู่โจวยังไม่มีพลังวิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์อยู่ ถ้าหากขาดพลังวิเศษแล้ว ลู่โจวก็เป็นเหมือนกับคนธรรมดาที่ได้แต่พึ่งพาการ์ดวิเศษเท่านั้น
“ยังไงก็แล้วแต่การฟื้นพลังในตอนนี้ก็ยังสําคัญที่สุด”
ณ ป่าที่เต็มไปด้วยแสงจันทร์ ปาที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของดินแดนหยาน
ที่แห่งนี้มักจะมีหมอกจางๆ ปกคลุมตลอดทั้งวัน และก็เป็นเพราะหมอกทําให้แสงตะวันไม่อาจส่องถึงพื้นได้
มีเพียงดวงจันทร์เท่านั้นที่ดูเด่นชัดเหนือปาไม้ แสงจันทร์ที่ส่องผ่านหมอกจางๆ ทําให้ป่าแสงจันทร์แห่งนี้ดูคล้ายกับสรวงสวรรค์อันลึกลับมากยิ่งขึ้น
ยี่เทียนซินในชุดขาวยืนอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่ง นางในตอนนี้กําลังพักผ่อนอยู่นั่นเอง
“นี่ที่จริงๆ อย่างงั้นสินะ?”
ยี่เทียนซินที่พักผ่อนเสร็จแล้วได้บินไปยังส่วนลึกของปา
ที่ปาม่านหมอกมันเต็มไปด้วยต้นไม้ที่มีความสูงกว่า 100 เมตร เป็นเพราะต้นไม้สูงใหญ่จึงทําให้ยี่เทียนซินรู้สึกราวกับหลงทาง
“ปาที่เต็มไปด้วยแสงจันทร์ ป่าม่านหมอก”
ที่นี่เป็นสถานที่ที่อยู่ห่างไกลจากชนเผ่าอื่น
ว่ากันว่าผู้ที่เข้ามาในปาม่านหมอกได้จะหายสาบสูญไปตลอดกาล คนคนนั้นจะหลงปาจนเสียชีวิตไปในที่สุด
ที่ปาแห่งนี้มีผู้ฝึกยุทธชนเผ่าอื่นหลายคนพยายามจะจับสัตว์ร้ายระดับต่ำจากบริเวณรอบนอกของปาเท่านั้น
ยี่เทียนซินที่บุกเข้ามามีเพียงเป้าหมายเดียว นางต้องการที่จะค้นหาเฉิงกวางนั่นเอง
ยี่เทียนซินที่เดินอยู่ได้หยุดอยู่ในป่าทึบ นางพบกับสัตว์ร้ายขนาดใหญ่จํานวนมาก และเพราะแบบนั้นนางจึงเลือกที่จะซ่อนตัวเพื่อหลบเลี่ยงพวกมันแทน หลายครั้งที่ยี่เทียนซินต้องพบกับสัตว์ร้ายที่บินได้ นางที่ไม่อยากต่อสู้จึงเลือกที่จะนอนราบ แต่หลายครั้งนางก็มักจะทําพลาด และเพราะแบบนั้นยี่เทียนซินจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากต้องต่อสู้กับเหล่าสัตว์ร้าย การต่อสู้ไม่ได้ราบรื่นไปซะหมด นางได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้เป็นบางครั้ง
เป็นเวลากว่า 10 วันแล้วที่นางอยู่ในป่าและกําลังดําดิ่งเข้าไปในม่านหมอก
ทุกๆ 10 วันนางจะรู้สึกกระหายน้ำ และในตอนนี้ก็เป็นเวลาที่นางจะดื่มน้ำ ยี่เทียนซินเป็นไปตามข่าวลือทุกอย่าง นางในตอนนี้หลงทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่พักผ่อนได้สักพัก นางก็เลือกที่จะเดินทางท่ามกลางหมู่ไม้ต่อไป
กรร!
เสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ได้ดึงดูดความสนใจของยี่เทียนซิน เสียงร้องที่นางได้ยินดังก้องไปรอบตัวนาง
ยี่เทียนซินขมวดคิ้ว จากประสบการณ์ที่นางอยู่ในป่าม่านหมอกมา นางรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นสัตว์ร้ายที่ไม่เคยเจอมาก่อน นางเลือกที่จะเดินช้าลงก่อนที่จะหมอบลงไปกับพื้น ยี่เทียนซินกําลังเก็บซ่อนตัวตนและพลังเอาไว้นั่นเอง
รอบตัวนางเต็มไปด้วยม่านหมอก
ยี่เทียนซินไม่สามารถที่จะมองเห็นอะไรที่ด้านหน้าได้เลย สิ่งที่นางทําได้มีเพียงการกลั้นหายใจ
ตึ๊ก! ตึ๊ก! ตึ๊ก!
เสียงเดินของสัตว์ร้ายตัวนั้นเดินใกล้เข้ามา
ยี่เทียนซินรู้สึกถึงพลังอันแรงกล้าและอันตรายจากที่อันใกล้ได้ พลังที่นางสัมผัสได้มันน่าเกรงขามกว่าสัตว์ร้ายทั้งหมดที่นี่เทียนซินเคยพบเจอมา
ในตอนนั้นเองหมอกทั้งหลายก็ถูกพัดผ่านไป
ยี่เทียนซินกัดฟันเบาๆ ฝ่ามือของนางเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ สภาพร่างกายรวมไปถึงชุดที่นางใส่ทําให้นางดูราวกับหิมะ แม้ว่ายี่เทียนซินจะไม่ขยับไปไหนแต่นางก็ยังดูแปลกปลอมในปาแห่งนี้อยู่ดี
“นี่มัน?”
สัตว์ร้ายตัวนั้นไม่ได้เข้าใกล้นางจากทางด้านหน้า ด้านซ้าย หรือทางด้านขวา
“ข้างบน!” ด้วยความอยากรู้ที่ยี่เทียนซินมีทําให้นางเลือกที่จะเงยหน้าขึ้น
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นได้ นางก็มองเห็นอะไรบางอย่างที่ตัวนางจะไม่มีวันลืมได้แน่
ดวงตาสีทองจางๆ คู่หนึ่งกําลังจ้องมองยี่เทียนซินผ่านม่านหมอกบางๆ ดวงตาที่ยี่เทียนซินเห็นมีขนาดใหญ่พอๆ กับลูกบอลอันใหญ่ยักษ์
ตึ๊ก! ตึ๊ก!
สัตว์ร้ายตัวนั้นเข้าใกล้ยี่เทียนชินมากขึ้น หัวอันมหึมาของมันกําลังเคลื่อนเข้ามากใกล้ก่อนที่จะปรากฏตัวต่อหน้ายีเทียนซิน
เหตุการณ์นี้ทําให้หัวใจของนางเต้นแรงขึ้น จุดที่นางกําลังอยู่คือจุดที่ตรงกับจมูกของสัตว์ร้ายตัวนั้น ดูเหมือนว่าสัตว์ร้ายกําลังดมกลิ่นหาอาหารอยู่นั่นเอง!
ตัวของยี่เทียนมีขนาดพอๆ กับรูจมูกของมันเพียงเท่านั้น! นางไม่เคยเห็นสัตว์ร้ายขนาดใหญ่แบบนี้มาก่อน “นี่มัน!”