ตอนที่ 506 เกาะลอยฟ้า
มีคําพูดคําพูดหนึ่งของชาวพุทธได้ว่าเอาไว้ การพบพานทั้งหมดล้วนแต่เป็นเจตจํานงของสวรรค์ การพบพานทั้งหมดล้วนถูกลิขิตไว้แล้ว ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าเร็วหรือช้า มีเพียงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้นที่จะได้พบกับสิ่งที่ต้องการ
ขนของสัตว์ร้ายที่เห็นขาวสนิท จมูกของมันแหลมคม มันมีเขาใหญ่สองข้างอยู่บนหัว ดวงตาของมันแคบและเรียวยาวราวกับพระจันทร์เสี้ยว สัตว์ร้ายตัวนั้นกําลังเหล่มองยี่เทียนซิน มันกําลังจ้องมองนางราวกับว่ามันกําลังคิดว่าฝีเทียนซินเป็นอาหารหรืออะไรบางอย่าง
ยี่เทียนซินไม่กล้าขยับไปไหน แม้ว่านางจะเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบ แต่นางก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถหลบหนีจากสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดมหึมาตัวนี้ได้ไหม ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะมีคนเคยพูดเอาไว้ มีเพียงผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบเท่านั้นที่จะกล้ามากพอจนเข้ามายังส่วนลึกของป่าทั้งสี่ได้
ยี่เทียนซินไม่อาจมองเห็นร่างกายของสัตว์ร้ายตัวนั้นได้ สิ่งที่นางกําลังจ้องมองอยู่เป็นเพียงส่วนหัวของมันเท่านั้น ถ้าหากจะให้ยเทียนซินอธิบายรูปลักษณ์ของสัตว์ร้ายที่เห็น นางก็คงจะบอกว่ามันมีหน้าตาคล้ายกับจิ้งจอกขาว
กรร!
สัตว์ร้ายส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้ง
วิ่ง!? ยี่เทียนซินยอมสละความคิดฟุ้งซ่านทุกอย่างก่อนที่จะปลดปล่อยพลังอวตารของนาง
ซู่วว!
พลังอวตารดอกบัวหกกลีบของนางที่สูงกว่า 70 ฟุตปรากฏตัวขึ้น
สุดยอดวิชา!
ยี่เทียนซินได้หันหลังหนีอย่างไม่คิดชีวิต
ในขณะที่วิ่งหนีแต่ยเทียนซินก็สัมผัสได้ถึงลมกระโชกแรงและอะไรบางอย่างที่ห่อหุ้มร่างอวตารของนางไว้ ยี่เทียนซินรู้สึกราวกับโลกทั้งใบกําลังถูกหมุนอย่างรุนแรงก่อนที่จะถูกโยนขึ้นไปบนอากาศ ยี่เทียนซินได้ตกลงมา นางไม่สามารถที่จะควบคุมพลังลมปราณได้เลย
กรร!
เสียงร้องอันแหลมคมได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ในที่สุดยเทียนซินก็ตกถึงพื้น นางไม่ได้ตกลงบนพื้นดิน แต่ยี่เทียนซินตกลงบนขนสีขาวอันอ่อนนุ่มแทน นางไม่มีเวลาที่จะตรวจสอบสภาพรอบตัว ทันที่ที่นางตกลงก็มีลมแรงกําลังพัดผ่านใส่นางอย่างไม่ไยดี
“แบบนี้แย่แน่!” ยี่เทียนซินรีบโคจรพลังลมปราณ นางได้สร้างม่านพลังจากพลังลมปราณเพื่อป้องกันแรงลมเอาไว้
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
ทันใดนั้นเองยี่เทียนซินก็รู้ตัว นางกําลังอยู่บนหลังของสัตว์ร้าย สัตว์ร้ายขนาดมหึมากําลังพานางไปด้วยในขณะที่เดินผ่านปาด้วยความเร็วสูง
หลังจากที่วิ่งไปกว่าหลายชั่วโมง หมอกบางๆ ก็เริ่มจางลง
สัตว์ร้ายตัวนี้ได้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าในขณะที่พายเทียนซินที่อยู่บนหลัง ทุกย่างก้าวของสัตว์ร้ายได้กินระยะทางกว่าหลายร้อยเมตร ในตอนนี้ยเทียนซินมองเห็นทุกอย่างชัดเจนแล้ว
ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องลงมา นอกจากขนสีขาวบนหัวของสัตว์ร้าย ลําตัวของมันส่วนใหญ่เป็นสีเหลือง สัตว์ร้ายตัวนั้นได้กระโดดลงจากหน้าผา
ในตอนนั้นเองชื่อๆ หนึ่งก็ถูกนึกขึ้นมา “เฉินกวาง!”
ชาวมนุษย์เผือกได้ว่ากันเอาไว้ เฉินกวางเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายกับสุนัขจิ้งจอกที่มีหนามแหลมอยู่ทางด้านหลัง ผู้ที่ขี่มันจะได้รับอายุขัยเพิ่ม 2,000 ปี
ในที่สุดนางก็ได้พบมัน!
“แต่..ทําไมเฉินกวางถึงได้กระโดดลงหน้าผามากับข้าล่ะ?”
กรร!
หน้าผาที่เฉินกวางกระโดดลงดูเหมือนจะลึกจนไม่มีที่สิ้นสุด ยี่เทียนซินรู้สึกตกลงไปยังเหวที่ลึกมากขึ้น และมากขึ้นไปอีก
เมื่อลงมาได้ระยะหนึ่งยี่เทียนซินก็มองเห็นเถาวัลย์และสัตว์ร้ายมีปีกจํานวนมาก สัตว์บางชนิดมีขนาดใหญ่กว่าเฉินกวาง สัตว์ร้ายทั้งหลายวนเวียนอยู่ในเหวลึกพร้อมกับส่งเสียงร้องทึกก้องไปทั่วเหว
ในตอนนี้ยเทียนซินก็คิดเอาไว้แล้วว่านางจะต้องติดอยู่ในเหวที่ไม่มีที่สิ้นสุดตลอดไป!
เวลา 7 วันได้ผ่านพ้นไปในพริบตา
ที่ศาลาตะวันออก
ลู่โจวได้ลืมตาตื่นขึ้น ตัวเขาฟื้นฟูพลังวิเศษจนเต็มที่แล้ว หลังจากนั้นจู่โจวก็เหลือบมองไปที่แต้มบุญ
แต้มบุญ: 59,880
ลู่โจวไม่ต้องการที่จะใช้แต้มบุญที่มีเพื่อซื้อการ์ดวิเศษด้วยพลังวรยุทธที่มีในตอนนี้ทําให้การใช้การ์ดวิเศษไม่คุ้มค่าอีกต่อไป แต่ถ้าหากเจอกับอันตรายเข้าจริงๆ จู่โจวก็ยังตัดสินใจซื้อการ์ดในนาทีสุดท้ายได้อยู่ดี
ลู่โจวยืนขึ้นก่อนที่จะออกจากศาลาตะวันออก
เมื่อเห็นผู้เป็นอาจารย์เดินออกมาจากศาลา หมิงหยินก็เดินเข้าไปหา
“ท่านอาจารย์ ศิษย์น้องเจ็ดส่งจดหมายกลับมาแล้ว เขาบอกว่าเจ้าเกาะหวางกําลังหมกมุ่นอยู่กับสํานักอเวจี ในตอนนี้พวกเขากําลังต่อสู้อยู่กับมณฑลยู่” หมิงซูหยินรายงาน
“แล้วเขาได้พูดถึงหยกหลานเทียนรึเปล่า?” ลู่โจวถามออกมาด้วยความสงสัย
“ท่านอาจารย์ เจ้าเกาะหวางบอกไว้ว่าหยกหลานเทียนยังคงอยู่ที่เกาะเพิ่งไหล เจ้าเกาะอยากที่จะเชิญท่านไปรับของขวัญด้วยตัวเอง”
ลู่โจวพยักหน้าเมื่อได้ยินแบบนั้น “ดีมาก”
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสําเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 10”
“ติ้ง! สังหารเป้าหมายสําเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 10”
การแจ้งเตือนจากในระบบยังคงดังก้องอยู่ในหูของลู่โจว แต้มบุญที่ได้รับคงจะมาจากยู่ฉางตงและสีวู่หยา…
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองเบาๆ ก่อนที่จะมองไปยังทิศที่มณฑลยู่ตั้งอยู่
“ยู่เฉิงไห่จะพิชิตเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไงกัน?”
“ข้าจะไปเกาะเผิงไหลด้วยตัวเอง เจ้าและตัวนมู่เฉิงคอยดูแลหุบเขาทองในตอนที่ข้าไม่อยู่ซะ” ลู่โจวถามออกมาในขณะที่จ้องมองหมิงซูหยิน
“ครับ! พวกเราจะปกป้องศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างสุดความสามารถ!” หมิงซีหยินแอบใช้ความคิดอยู่ภายในใจ “ถ้าหากเป็นแต่ก่อนข้าก็คงต้องลําบากแน่ ตอนนี้ทุกคนรู้ว่ามีผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบอยู่ในศาลาปีศาจลอยฟ้า มีเพียงคนที่โง่เง่าเท่านั้นที่จะเข้ามาหาเรื่องที่นี่ได้”
“ดีมาก ทางที่ดีเจ้าก็ใช้เวลาฝึกฝนให้มากขึ้น เจ้าไม่ควรจะลังเลใจกับการผ่าดอกบัวทองคํา” ลู่โจวพูด
“ครับท่านอาจารย์ อันที่จริงข้าไม่ได้ลังเลใจอะไรกับการผ่าดอกบัวทองคํา ข้าสามารถทําได้ในทันที”
ในขณะที่หมิงซี่หยินพูดอยู่นั้น ต้วนมู่เฉิงก็บังเอิญเดินผ่านมายังศาลาตะวันออกพอดี
“ศิษย์น้องสี่เจ้านั้นไปอยู่ไหนแล้ว?”
หมิงหยินสั่นไปทั้งตัว ตัวเขาโค้งคํานับให้กับลู่โจว “ข้ามีเรื่องที่ต้องสะสาง ข้าขอตัวก่อน” หลังจากที่พูดจบหมิงซูหยินก็ได้หายไปในพริบตา
ต้วนมู่เฉิงยืนอยู่นอกศาลาตะวันออกในขณะที่โค้งคํานับ “ท่านอาจารย์”
“เจ้ามีธุระอะไรกัน?”
“ท่านอาจารย์เห็นศิษย์น้องสี่บ้างไหมครับ? พอดีข้าเพิ่งจะฝึกฝนการใช้หอกรูปแบบใหม่มาได้”
ลู่โจวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ดีแล้วที่พวกเจ้าทั้งสองคนช่วยเหลือซึ่งกันและกันแบบนี้”
“ขอบคุณสําหรับคําชมท่านอาจารย์ ข้าจะทําทุกอย่างที่ทําได้เพื่อช่วยศิษย์น้องสี่แน่”
“ติ้ง! สั่งสอนต้วนมู่เฉิงสําเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200”
“ติ้ง! สั่งสอนหมิงหยินสําเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200”
“แค่บอกให้ช่วยเหลือกันแค่นี้ ก็นับว่าเป็นการสั่งสอนด้วยอย่างงั้นเหรอ?” ลู่โจวเหลือบมองไปยังทิศทางที่หมิงซูหยินจากไป
ลู่โจวตัดสินใจเดินทางต่อไปยังศาลาทางใต้
ตัวเขาที่เดินมาถึงเห็นธิดาหอยสังข์กําลังนั่งอยู่คนเดียว นางกําลังนั่งอยู่บนม้าหินนอกห้องโถงศาลาอยู่ตามลําพัง “หอยสังข์”
ธิดาหอยสังข์หันกลับมาก่อนที่จะเห็นลู่โจวที่ดูอ่อนโยน นางยิ้มให้ในขณะที่เดินเข้ามาหา “ท่านอยู่ที่นี้เอง”
ลู่โจวสังเกตอาการของสาวน้อยอย่างละเอียด ดูเหมือนว่านางจะกลับมาแข็งแรงดังเดิมแล้วสาวน้อยดูปกติดีทุกอย่าง ดูเหมือนนางจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเทียนกูวเลย
เสียงร้องโหยหวนของเทียนกวไม่ใช่เสียงธรรมดา เสียงที่สัตว์ร้ายเทียนกวร้องออกมาเป็นเสียงสะท้อนที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถที่จะต้านทานได้ แต่ดูเหมือนสาวน้อยคนนี้จะไม่ได้รับผลกระทบอะไร ถ้าหากนางสามารถฝึกยุทธได้ การรับนางเป็นศิษย์ก็ยังไม่ใช่ความคิดที่ดีอยู่ดี
“ดวงจันทร์สุกสกาวสว่างไสวอยู่เหนือท้องทะเล พวกเราต่างก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขซึ่งกันและกัน แม้ว่าจะจากกันไปแต่ความห่วงใยก็ยังคงอยู่
“เจ้าจะไปเกาะเพิ่งไหลกับข้าไหม?”
“ค่ะ” ธิดาหอยสังข์พยักหน้า
เมื่อทั้งสองคนกําลังจะจากไป ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้วิ่งเข้ามาหา นางวิ่งออกมาพร้อมกับชุดสีฟ้าอ่อนในมือ “ท่านอาจารย์”
ลู่โจวเหลือบมองหยวนเอ๋ออย่างสงสัย หยวนเอ๋อเป็นเด็กที่อยากรู้อยากเห็น มีความเป็นไปได้สูงที่นางจะขอติดตามไปด้วย
“มีอะไรกัน?”
หยวนเอ๋อเดินไปหาธิดาหอยสังข์ก่อนที่จะพึมพําออกมา “นี่คือชุดขนเมฆา ศิษย์พี่รองเป็นผู้ที่มอบมันให้กับข้าเอง ข้าจะให้เจ้า เอ่อ ข้าหมายถึงให้ยืมนะถ้าหากเจ้าแข็งแกร่งพอแล้วเจ้าก็ค่อยคืนข้าก็แล้วกัน ตกลงไหม?”
ธิดาหอยสังข์เหลือบมองไปที่ชุดขนเมฆาก่อนจะพยักหน้า “อืม ขอบคุณพี่หยวนเอ๋อ”
“ด้วยความยินดี” หยวนเอ๋อตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองคนเข้าไปในห้องก่อนที่หยวนเอ่อจะช่วยนางเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่
สาวน้อยทั้งสองคนต่างก็มีส่วนสูงที่ใกล้เคียงกัน หลังจากที่ธิดาหอยสังข์สวมใส่ชุดขนเมฆา นางในตอนนี้ก็ดูเหมือนกับนางฟ้ามากยิ่งขึ้น
มิตรภาพระหว่างทั้งคู่อยู่เหนือความคาดหมายที่ลู่โจวมี
หยวนเอ๋อที่ช่วยสาวน้อยแต่งตัวเสร็จได้เดินมาหาลู่โจว “ขอให้เดินทางปลอดภัยค่ะ ท่านอาจารย์”
“เจ้าไม่อยากไปอย่างงั้นเหรอ?” ลู่โจวถามในขณะที่ลูบเคราของตัวเอง ตัวเขาไม่คุ้นชินกับสาวน้อยที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่เหมือนกับหยวนเอ๋อในตอนนี้
“หะ?”
“เจ้าจะมัวยืนทําอะไรอยู่ไปได้แล้ว” ลู่โจวหันกลับไป
หยวนเอ๋อที่ฟังแบบนั้นได้แต่สงสัย “ข้าควรจะขอชุดขนเมฆาคืนดีไหม?”
ลู่โจววางแผนที่จะพาหยวนเอ๋อไปด้วยตั้งแต่แรก.ธิดาหอยสังข์ในตอนนี้ยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ ลู่โจวจะต้องปลอดภัยมากยิ่งขึ้นเมื่อมีหยวนเอ๋อคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ
ทั้งสามคนได้ขี่วิซซาร์ดก่อนที่จะออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไปพร้อมๆ กัน
หลังจากที่เดินทางมาตลอดทั้งวัน ทั้งสามคนก็เดินทางมาถึงทะเลทางทิศตะวันออก ในที่สุดทั้งสามคนก็ตัดสินใจที่จะหยุดพักผ่อน
“ท่านอาจารย์ มีเกาะลอยอยู่ในอากาศด้วย!” หยวนเอ๋อดูตื่นเต้นกับสิ่งที่ได้เห็นในขณะที่ชี้ไปยังท้องฟ้า
ที่พักตรงนี้ทําให้สามารถมองเห็นเกาะลอยฟ้าได้อย่างชัดเจน ท้องฟ้าในวันนี้สดใสไร้เมฆ และเพราะแบบนั้นเลยทําให้มองเห็นเกาะลอยฟ้าชัดเจนยิ่งขึ้น
ลู่โจวพยักหน้าตอบ ในตอนนั้นเองก็มีเสียงใครบางคนดังขึ้น “สวัสดี ผู้อาวุโสจี”
ลู่โจวประหลาดใจที่มีคนจําเขาได้ ในขณะที่สงสัยอยู่นั้นตัวเขาก็ได้หันไปมอง ลู่โจวมองเห็นผู้ฝึกยุทธวัยกลางคนกว่าหลายสิบคนอยู่ด้านหลัง พวกเขาทุกคนต่างก็เป็นผู้ใช้ดาบ
ลู่โจวจ้องมองทุกคนไปพักหนึ่ง ตัวเขาแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักคนพวกนี้มาก่อน “พวกเราเคยพบกันอย่างงั้นเหรอ?”
ชายคนนั้นหัวเราะ ตัวเขาจ้องมองลู่โจวก่อนที่จะตอบกลับมา “ข้าจะพูดตามตรงเลยนะผู้อาวุโส รูปลักษณ์ของท่านช่างเหมือนกับจีเทียนเด้จริงๆ ข้าเกือบจะเชื่อแล้วล่ะว่าท่านเป็นตัวจริง”
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นสับสน “เจ้ากําลังหมายความว่าอะไรกัน?”
“ข้าคือผู้อาวุโสแห่งสถานศึกษาไทชู เจียงหลี่จือ ข้าถูกสํานักเผิงไหลขอความช่วยเหลือ ผู้อาวุโส ในระหว่างการเดินทางของข้า ข้าได้พบกับคนที่ปลอมตัวเหมือนกับท่านถึงสามคน ทุกคนต่างก็ดูเหมือนกับจีเทียนเด่” เจียงหลี่จือตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ในตอนนั้นเองสีหน้าของลู่โจวก็เปลี่ยนแปลงไป ตัวเขาได้พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ใครกันที่กล้าแสร้งทําเป็นข้า?”