ตอนที่ 509 ช่วยเหลือเกาะลอยฟ้า (1)
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่ยืนมองเหตุการณ์ต่างก็กระตือรือร้นที่จะต่อสู้
นายหญิงหวางได้ผลักตัวออกจากร่มเบาๆ ก่อนที่นางจะลงมายังขอบเกาะ เหล่าสาวกสาวที่ถือร่มต่างก็ตามหลังนางมาอย่างติดๆ
ฝูงชนต่างก็หลีกทางให้กับนายหญิงหวาง
นายหญิงหวางเดินมายังขอบเกาะก่อนที่จะจ้องมองหลัวยที่อยู่ในท้องทะเล
บริเวณที่หลัวยูว่ายน้ำอยู่นั้นเป็นบริเวณใต้เขตแดนพลัง
ในขณะนั้นเองผู้ฝึกยุทธทุกคนต่างก็เริ่มกระตุ้นให้นายหญิงหวางทําอะไรสักอย่าง
“เขตแดนพลังจะต้องได้รับความเสียหายจากหลัวยูแน่ เกาะลอยฟ้าทั้งหมดเป็นสถานที่ที่พึ่งพาเขตแดนพลังอย่างเต็มรูปแบบ เกาะทั้งสี่ต่างก็อาศัยใจกลางเกาะเป็นแกนกลางหลัก ถ้าหากเกาะกลางหายไป เกาะเผิงไหลทั้งหมดจะต้องจบสิ้นแน่”
“นายหญิงหวางโปรดออกคําสั่งด้วย”
นายหญิงหวางรู้ดีว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างก็ต้องการผลประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตามนางก็ไม่อาจฟังทุกคนจนสูญเสียความเยือกเย็นในการตัดสินใจไปได้ นางไม่สามารถเสี่ยงตัดสินใจทําตามคําขอทุกคนในทันที แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากเกาะเผิงไหลไม่ได้รับความช่วยเหลือ เมื่อเขตแดนพลังถูกทําลายไป เกาะเผิงไหลจะต้องตกอยู่ในอันตรายจริงๆ แน่
ในขณะที่ทุกอย่างสับสนวุ่นวาย ในตอนนั้นเองหม่าชิงก็พูดออกมา “ถ้าหากเป็นแบบนี้แล้วพวกเราก็ถามผู้อาวุโสจีซะเถอะ ความเห็นของเขาจะต้องช่วยพวกเราได้แน่”
เมื่อได้ยินคําพูดของหม่าชิง คนอื่นๆ ก็เริ่มฟื้นคืนสติ ทุกคนจําพลังฝ่ามือผนึกทั้งเก้าที่เพิ่งจะเห็นได้ดี ในตอนนั้นเองความกลัวก็ผุดขึ้นในใจของทุกคนอีกครั้ง ด้วยการตักเตือนในครั้งนี้ทําให้ทุกคนเลือกที่จะเงียบก่อนจะเหลือบมองมาที่ลู๋โจว ชายชราคนนี้เป็นยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่จากศาลาปีศาจลอยฟ้าจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?
ไม่ว่าทุกคนจะคิดยังไงหรือผลของกระจกทองคําไท่ซูจะเป็นเช่นไร แต่หม่าชิงก็ยังเชื่อว่าชายชราตรงหน้าก็คือปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า ในบรรดาผู้ที่เชื่อกระจกไทชู ในตอนนี้ความคิดของทุกคนเปลี่ยนไป จะมีหรือที่ผู้มีพลังอวตารดอกบัวสองกลีบจะสามารถล้มผู้อาวุโสแห่งสถานศึกษาไท่ซูในพริบตาได้? มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน?
หม่าชิงถือเป็นผู้อาวุโสของสํานักชิงหยุน คําพูดของเขาจึงกลายเป็นคําพูดที่มีน้ำหนักมากกว่าคนอื่นๆ
ลู๋โจวยืนมือขึ้นก่อนจะพูดออกมา “หยวนเอ๋อ”
หยวนเอ๋อเข้าใจสิ่งที่อาจารย์ต้องการจะสื่อดี นางวางกระจกทองคําไทชูลงบนมือของผู้เป็นอาจารย์
แสงที่ส่องสว่างเริ่มจางลง
ลู๋โจวได้หันไปจ้องสาวกของสถานศึกษาไท่ซูแทน ทุกคนต่างก็ถอยกลับไปด้วยความกลัว
แม้แต่ผู้อาวุโสของพวกเขาอย่างเจียงหลี่จือเองก็ยังไม่อาจรับมือกับการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวของชายชราคนนี้ได้ ชายชราคนนี้จะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน? แต่ถึงแบบนั้นทุกคนก็ยังสับสนอยู่ดี ทําไมกระจกทองคําไท่ซูถึงได้แสดงพลังของชายชราว่าเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวสองกลีบได้?
ไม่ใช่แค่เหล่าสาวกเท่านั้น ทุกคนในตอนนี้ต่างก็สับสนเช่นกัน พลังของกระจกทองคําไท่ซูไม่ใช่สิ่งที่จะผิดพลาดไปได้
ลู่โจวได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ตั้งแต่จากนี้เป็นต้นไปกระจกทองคําไท่ซูจะต้องตกเป็นของศาลาปีศาจลอยฟ้า”
คําพูดของลู๋โจวดังก้องไปทั่วเกาะ
“ติ้ง! ได้รับกระจกทองคําไทชู: เจ้าของเดิมหลินซิน จําเป็นจะต้องผ่านการขัดเกลา”
แม้ว่าของชิ้นนี้จะไม่ได้มีส่วนช่วยในการฝึกยุทธมากนัก แต่ลู๋โจวก็ยังคิดว่าของชิ้นนี้น่าสนใจอยู่ดี
หลินซินเป็นปรมาจารย์แห่งสถานศึกษาไทชู มีข่าวลือมาว่าขีดจํากัดอันยิ่งใหญ่ของเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม ในตอนนี้ยังไม่มีข่าวการเสียชีวิตของหลินซินถูกเผยแพร่ออกมา มันทําให้ทุกคนสงสัยว่าปรมาจารย์คนนี้ใช้อะไรในการดํารงชีวิตอยู่ ของอย่างกระจกทองคําไท่ซูเป็นของที่เป็นเอกลักษณ์มาก “เขาไปเอาของชิ้นนี้มาจากที่ไหนกัน?”
ตุ๊บ!
สาวกของสถานศึกษาไท่ซูต่างก็คุกเข่าลง ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นยะเยือกทุกคนในตอนนี้กําลังขอความเมตตาอยู่
ครื้ดด!
เกาะลอยฟ้าทรุดตัวลงอีกครั้ง
“ผู้อาวุโส ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาทะเลาะกับสถานศึกษาไทชู ได้โปรดช่วยสํานักเผิงไหลด้วยถ้าหากเกาะลอยฟ้าถูกช่วยไว้ได้ ข้าจะมอบคัมภีร์สวรรค์เผิงไหลให้กับท่าน”
“คัมภีร์สวรรค์เผิงไหล?”
เกิดความโกลาหลในหมู่ผู้คนอีกครั้ง ในตอนนี้ทุกคนต่างก็พูดคุยกันเพื่อแสดงความคิดเห็น
ว่ากันว่าพลังวรยุทธของปรมาจารย์สํานักเผิงไหลนั้นลึกล้ำเป็นอย่างมาก ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณคัมภีร์สวรรค์เผิงไหล เป็นเพราะคัมภีร์นี้จึงทําให้เกาะเผิงไหลยิ่งใหญ่อย่างที่เป็น แต่อย่างไรก็ตามเนื้อหาข้างในกลับมีความคลุมเครือและลึกล้ำเป็นอย่างมาก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเข้าใจ ภายหลังคัมภีร์เล่มนี้ก็ถูกส่งต่อในหมู่ของเจ้าสํานักจนถึงทุกวันนี้ ถ้าหากจะบอกว่าคัมภีร์สวรรค์เผิงไหลเป็นรากฐานของเกาะเผิงไหล มันก็คงจะไม่เกินจริงเลย เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดที่นายหญิงหวางจะเสนอของล้ำค่าแบบนี้ให้
“เกาะลอยฟ้ากําลังจะตก นายหญิงหวางคงไม่มีทางเลือกอื่นแต่อย่างไรก็ตามคัมภีร์เป็นของที่มีม้วนเดียวเท่านั้น มันจะไปแบ่งพวกเราได้ยังไงกัน?”
ความทะเยอทะยานของเหล่าผู้คนถูกแสดงออกมามากขึ้น
“นายหญิงหวางขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสจี ไม่ใช่เจ้า อย่าริอาจยุ่งจะดีกว่า”
“เป็นความจริงที่ผู้อาวุโสคนนี้เป็นยอดฝีมือ แต่ในตอนนี้ก็ยังไม่แน่ที่เขาจะเป็นผู้อาวุโสจีจริงๆ ทุกคนรู้จักพลังของกระจกทองคําไท่ซูน้อยจนเกินไป นั่นมันไม่ใช่กระจกธรรมดา กระจกบานนั้นสามารถส่องผ่านคําโป้ปดทั้งหมดที่โลกใบนี้มีได้ มันเป็นของวิเศษที่จะไม่มีวันผิดพลาดได้แน่”
“แล้วเจ้าจะอธิบายเรื่องพลังฝ่ามือผนึกทั้งเก้าว่ายังไงกัน?”
“มีเพียงยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบเท่านั้นที่จะสามารถใช้สุดยอดพลังแบบนั้นได้”
ไม่ว่าจะเป็นพลังฝ่ามือไร้ความกลัวของชาวพุทธ, พลังฝ่ามือผนึกทั้งเก้าของชาวลัทธิเต๋า หรือแม้แต่พลังผนึกอักษรทั้งเก้าของฮัววี่เด่ ทุกวิชาล้วนแต่เป็นสุดยอดเคล็ดวิชาที่มีเพียงผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบเท่านั้นที่จะสามารถใช้มันออกมาได้ แต่อย่างไรก็ตามการจะเห็นผู้ที่ปลดปล่อยสุดยอดพลังออกมาได้ก็ยังเป็นไปได้ยากอยู่ดี การปล่อยสุดยอดเคล็ดวิชาออกมาจะกินพลังลมปราณของผู้ฝึกยุทธคนนั้นเป็นปริมาณมหาศาล มันเป็นผลลัพธ์ที่ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ต้องแลกนั่นเอง
“ช่วว.อย่าได้พูดแบบนั้น ข้าคิดว่าเขาจะต้องเป็นตัวจริงแน่”
“หุบปากซะถ้าหากยังอยากมีชีวิตอยู่ สําหรับพวกเจ้าทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบหรือเป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ พวกเจ้าก็คงเอาชนะยอดฝีมือแบบนั้นไม่ได้อยู่แล้ว”
ทุกคนได้เห็นผู้ที่ถูกพลังฝ่ามือเดียวสังหารมากับตาตัวเองแล้ว ไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นใคร ยังไงซะผู้ที่แข็งแกร่งก็ยังคงแข็งแกร่งอยู่วันยังค่ำ
บางคนเชื่อในสิ่งที่เห็น แต่บางคนก็ยังคงสงสัย
นายหญิงหวางไม่ได้กังวลเรื่องนี้ นางต้องการเพียงใครสักคนที่จะช่วยเกาะเผิงไหลให้พ้นจากวิกฤต “ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยผู้อาวุโส”
ลู่โจวมองไปที่นายหญิงหวาง “หวางชื่อเจียเองก็มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ ถ้าหากเขาทําไม่ได้ แล้วทําไมเจ้าถึงคิดว่าข้าทําได้ล่ะ?”
ทุกๆ คนกวาดตามองมาที่นายหญิงหวางแทน
นายหญิงหวางโค้งคํานับก่อนที่จะตอบกลับมา “ข้าไม่มีทางเลือกอื่น”
ลู๋โจวยกกระจกทองคําไท่ซูในมือขึ้นมา ตัวเขาเลือกที่จะใส่พลังลมปราณไปที่มัน ลําแสงได้พุ่งออกมาจากกระจกทองคําก่อนที่จะไปหาฝูงชน พลังอวตารของผู้ที่ถูกส่องปรากฏขึ้น พลังอวตารส่วนใหญ่ที่ได้เห็นเป็นพลังอวตารทศภพ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นผู้มีพลังอวตารดอกบัวกลีบเดียวและสองกลีบ
ผู้ฝึกยุทธบางคนจงใจหลีกเลี่ยงแสงที่ส่องมาเพื่อปกปิดพลังวรยุทธของตน เป็นไปได้ที่จะมียอดฝีมือปะปนอยู่กับฝูงชนตรงนี้ อาจจะมีผู้ฝึกยุทธกี่คนก็ได้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบปะปนอยู่! พลังของคัมภีร์สวรรค์เผิงไหลมันยอดเยี่ยมจนเกินไป
ลู่โจวได้พลิกข้อมือของตน
แสงที่สองจากกระจกตกลงสู่ท้องทะเล
หลัวยูว่ายน้ำเร็วขึ้น
แคล๊ง!
เสียงที่คล้ายกับเสียงโซ่ขาดดังมาจากทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะแห่งหนึ่ง
เกาะเผิงไหลกําลังสั่นสะเทือนและเต็มไปด้วยเสียง
ทุกๆ คนที่ยืนอยู่ได้แต่เดินโซเซไปมา
นายหญิงหวางที่เห็นแบบนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไปเอาม้วนคัมภีร์สวรรค์มา”
“ค่ะ”
ผู้ฝึกยุทธที่อยู่บนเกาะต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ทุกคนล้วนอยากจะรู้ว่าคัมภีร์สวรรค์เผิงไหลมีหน้าตาเป็นเช่นไร
ไม่นานนักสาวกของเกาะเผิงไหลก็นําม้วนคัมภีร์สวรรค์มา สาวกที่บินมาถึงได้ส่งคัมภีร์ให้กับนายหญิงหวาง
“นายหญิง”
นายหญิงหวางที่รับคัมภีร์พูดขึ้น “ถ้าหากเกาะเผิงไหลถูกทําลาย ม้วนคัมภีร์นี่จะต้องถูกทําลายไปด้วย” นางหยิบคัมภีร์สวรรค์เผิงไหลด้วยมือข้างเดียว ที่คัมภีร์ถูกประดับไปด้วยลวดลาย อันชัดเจน คัมภีร์ที่เห็นคงจะทํามาจากวัสดุพิเศษบางอย่าง นางได้ส่งพลังลมปราณที่มีเข้าสู่ม้วนคัมภีร์ ไม่นานนักลวดลายทั้งหมดที่มีก็เริ่มส่องประกาย
“ตอนนี้แหละ!”
เสียงสัญญาณได้ดังขึ้นมาจากเกาะทั้งสี่ ในตอนนั้นเองมีบุคคลปริศนาทั้งสามคนพุ่งเข้าหานายหญิงหวาง
ใครจะไปสนใจสํานักเผิงไหล? ใครต้องการจะช่วยเหลือเกาะเผิงไหลจริงๆ กัน?
นายหญิงหวางไม่แปลกใจเลย นางได้ออกแรงกดไปที่ม้วนคัมภีร์สวรรค์เผิงไหลมากขึ้น นายหญิงหวางเลือกที่จะเก็บคัมภีร์ลงกล่องอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักมันก็ถูกล็อกเอาไว้ นายหญิงหวางที่ปิดผนึกคัมภีร์สําเร็จได้ถีบตัวลอยขึ้นไปบนอากาศ
ผู้ฝึกยุทธผู้ถือร่มอยู่ก็บินขึ้นไปบนฟ้าเช่นกัน
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
ผู้ฝึกยุทธทั้งสามคนกระเด็นกลับไปก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ผู้ฝึกยุทธถือร่มทุกคนคุ้มครองนายหญิงหวางเป็นอย่างดี “เปิดใช้งานเขตแดนพลัง!”
แสงทั้งสี่แห่งจากเกาะทั้งสี่ได้ส่องขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยที่มาเกาะลอยฟ้าตรงกลางเป็นจุดศูนย์กลางแสงทั้งสี่แห่งได้รวมตัวกันจนกลายเป็นเขตแดนพลังรูปแบบพิเศษ
บนท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยพลัง
ม่านพลังอันใหญ่ได้ปกคลุมทุกคนบนเกาะเผิงไหลราวกับเป็นกรงขนาดยักษ์ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นภายในชั่วครู่เดียว ในตอนนี้ผู้ฝึกยุทธทุกคนกําลังจ้องมองม่านพลังด้วยท่าที่ตกตะลึง
มีคนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “มันจะไปมีประโยชน์อะไรกัน? เมื่อเกาะลอยฟ้าล่มสลาย ม่านพลังพวกนี้ก็จะไร้ประโยชน์!”
มีใครคนหนึ่งโค้งคํานับให้กับลู๋โจว “ผู้อาวุโส พวกเราขอฝากนายหญิงหวางไว้กับท่านด้วยส่วนที่เหลือฝากไว้กับพวกเราท่านจะเอาคัมภีร์สวรรค์เผิงไหลไปด้วยก็ได้ ท่านตกลงไหมผู้อาวุโส?”
นายหญิงหวางจ้องมองดูทุกคนจากบนฟากฟ้า ในตอนนี้การต่อสู้บนเกาะทั้งสี่เริ่มต้นขึ้นมาแล้วนางรู้สึกหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเกาะลอยฟ้านี้จะไม่ตกลงสู่ผืนทะเล
“หม่าชิง! สามีข้าเชิญเจ้ามาที่นี่! เจ้าไม่คิดที่จะช่วยข้าเลยอย่างงั้นเหรอ?” นายหญิงหวางมองไปที่หม่าชิง
หม่าชิงได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ทุกคนหยุด! สาวกของสํานักชิงหยุนจงฟังข้า!”
“ครับท่านผู้อาวุโส!”
“ปกป้องเกาะเผิงไหล!”
ผู้ฝึกยุทธผู้ใช้ดาบนับร้อยจากสํานักชิงหยุนลอยขึ้นไปบนอากาศในเวลาเดียวกัน
ชิ๊ง! ชิ๊ง! ชิ๊ง!
ทุกคนต่างก็ชักดาบออกจากฝัก ในขณะที่ทุกคนชักดาบเสร็จ พวกเขาทั้งหมดก็ชี้ดาบไปยังผู้ฝึกยุทธผู้ที่พยายามจะช่วงชิงผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น เมื่อนายหญิงหวางเห็นเช่นนั้น นางก็โค้งคํานับก่อนจะพูดขึ้น “สํานักเผิงไหลจะจดจําความช่วยเหลือของสํานักชิงหยุนไว้เป็นอย่างดี”
“นายหญิงหวาง ในตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะกล่าวขอบคุณกันหรอกนะ”
วิกฤตที่เกาะเผิงไหลกําลังเผชิญมันหนักหนากว่าที่พวกเขาคิดไว้มาก เกาะลอยฟ้าไม่ใช่ปัญหาเพียงอย่างเดียว ในตอนนี้มีฝูงหมาป่าผู้หิวโหยกําลังรอจังหวะเพื่อโจมตีสํานักเผิงไหล
หม่าชิงยืนหยัดอยู่บนอากาศก่อนจะพูดขึ้น “ใครก็ตามที่กล้าแตะต้องเกาะเผิงไหล คนคนนั้นจะเป็นศัตรูตัวฉกาจของสํานักชิงหยุน!” คลื่นเสียงของหม่าชิงแพร่กระจายไปทั่วเกาะทั้งหมด
สาวกสําานักเผิงไหลต่างก็รวมตัวกันก่อนที่จะบินโฉบไปมา สาวกที่เหลือยังไม่อาจบินได้ยังคงยืนอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ถ้าหากเกาะเผิงไหลจมลงสู่ท้องทะเล ทุกคนที่ไม่อาจบินได้จะต้องตาย
“หม่าชิง เจ้าเลิกแสร้งเป็นคนดีได้แล้ว เจ้าก็แค่พยายามริบของทั้งหมดไว้กับตัวเจ้าเอง เจ้าคงจะรอโอกาสที่ดีพอเพื่อจะฉกฉวยผลประโยชน์อย่างงั้นสินะ…”
“ข้าอยากจะรู้จริงๆ ว่าเจ้าจะต้านทานพวกเราได้อีกนานแค่ไหน!”
ผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ ชักทั้งดาบและกระบี่ออกมา ทุกคนต่างก็ชี้มันไปยังผู้ฝึกยุทธถือร่มและสาวกจากสํานักชิงหยุนที่อยู่บนอากาศ
“ผู้อาวุโส…เพียงแค่ปิดหูปิดตา พวกเราขอสัญญาว่าจะสมบัติของเกาะเผิงไหลจะต้องตกเป็นของพวกเรา” ผู้ฝึกยุทธทั้งสองคนเดินเข้ามาหาลู่โจว
หม่าชิงมองไปที่ลูJโจวด้วยท่าทีที่กังวล ตัวเขาไม่ได้กังวลเรื่องของทุกคน สิ่งที่ทําให้หม่าชิงกังวลมากที่สุดก็คือชายชราคนนี้ การตัดสินใจของชายชราคนนี้จะกําหนดความอยู่รอดของเกาะเผิงไหล!
ลูJโจวขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปมองฝูงชน ตัวเขาลูบเคราของตัวเองก่อนจะพูดออกมา “พวกเจ้าคิดว่าข้าสนใจของมีค่าอย่างงั้นสินะ?”
คนอื่นๆ ตกตะลึง
“ผู้อาวุโส..หรือว่าท่านไม่ต้องการคัมภีร์สวรรค์เผิงไหลกัน?”
ครืดด!
เกาะลอยฟ้าทรุดตัวลงไปอีกสิบเมตร!
ในตอนนี้ม่านพลังด้านบนบิดเบี้ยว ในที่สุดมันก็ไม่อาจรับแรงกดดันอีกต่อไป ม่านพลังทั้งหมดแตกสลาย มันได้สลายหายไปจนเหลือแต่เพียงประกายแสง
ใบหน้าของนายหญิงหวางสิ้นหวังกว่าเดิม “แบบนี้แย่แน่!”