บทที่ 78 แผนร้ายถูกเปิดโปง (7)
ลั่วจื่อหานพาเธอขึ้นไปบนรถ เอากระดาษทิชชูเช็ดน้ำบนตัวเธอออกเล็กน้อย อี้เป่ยซีเหมือนกับตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต ไม่ขยับเขยื้อน
“กลับอะพาร์ตเมนต์” รถขับอยู่บนถนนอย่างรีบร้อน ก็เหมือนอารมณ์ของคนที่นั่งเบาะหลังในตอนนี้
เขาอุ้มอี้เป่ยซีแทบจะวิ่งเข้าไปในห้องของตัวเอง หยิบผ้าขนหนูใส่มือเธอ รีบไปเตรียมน้ำในห้องอาบน้ำ จนกระทั่งเขาออกมาจึงพบว่าอี้เป่ยซียืนอยู่ข้างหน้าต่าง มองดูฝนห่าใหญ่ข้างนอก ผ้าขนหนูร่วงอยู่บนที่ที่เธอยืนเมื่อครู่
“เป่ยซี ตอนนี้เธอไปอาบน้ำร้อนแล้วเปลี่ยนเสื้อดีหรือเปล่า?”
“ลั่วจื่อหาน” เสียงของอี้เป่ยซีเบามาก ปะปนอยู่ด้วยกันกับเสียงฝน ถ้าหากปากไม่ได้ขยับขึ้นลงก็ชวนให้น่าสงสัยจริงๆ ว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า “นายว่าข้างนอกฝนตกหนักแบบนี้ ทำไมข้างในถึงไม่มีฝนเลยล่ะ”
ยังไม่ทันรอให้ลั่วจื่อหานพูด จู่ๆ เธอก็หัวเราะขึ้นมา ราวกับว่าได้ยินเรื่องที่ขบขันที่สุดในโลก หัวเราะจนน้ำตาเล็ด หัวเราะจนตัวโก่งงอ ลั่วจื่อต้องการยื่นมือไปประคองเธอ เธอหลบและประคองตัวอยู่บนหน้าต่างยาว คราบน้ำปรากฏบนกระจกที่ใสสะอาด
“ตลกจังเลย เฮ้อ หัวเราะจนฉันปวดท้องแล้ว” เธอก้มหัวพิงหน้าต่างและหัวเราะเบาๆ
“เป่ยซี…”
ทันใดนั้นอี้เป่ยซีหมุนตัวรอบหนึ่งเดินไปยังจุดที่ว่างเปล่าของห้อง แล้วหมุนตัวอีกรอบ “ดูเร็วสิ ดูเร็วฝนตกแล้ว พวกของที่อยู่ในห้องจะต้องไม่รู้ว่าอะไรคือฝนแน่ๆ ในที่สุดพวกมันก็ได้เห็นแล้วล่ะ มีความสุขมากใช่ไหมล่ะ นี่แหละคือฝน ฉันทำฝนให้พวกเธอ”
ลั่วจื่อหานดึงตัวเธอแล้วล็อคเธอไว้ในอ้อมแขน “เอาล่ะฝนหยุดตกแล้ว เป็นเด็กดีไปอาบน้ำแล้วไปพักผ่อนสักหน่อยดีไหม?”
ความตื่นเต้นในแววตาของเธอหายไปโดยพลัน พยักหน้าอย่างอ่อนแรงเล็กน้อย เดินลากเท้าเข้าห้องอาบน้ำไป จากนั้นก็โยนเสื้อผ้าลงบนพื้น นอนแช่อยู่ในอ่างทันที มองดูเพดานเงียบๆ ดวงตาไม่กระพริบ
ลั่วจื่อหานที่อยู่ข้างนอกจัดเก็บข้าวของทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เหลือบมองประตูห้องน้ำที่ปิดอยู่ ถอนหายใจเบาๆ มือที่จับผ้าปูเตียงนั้นนั้นออกแรงเล็กน้อยเหมือนกับว่ากำลังอดกลั้นต่ออะไรบางอย่างอยู่ เขาออกไปข้างนอก โทรศัพท์หาฉู่ซ่ง อธิบายสถานการณ์ให้ฟัง
“ครั้งนี้เพราะผมคิดไม่ถึงเอง ขอโทษนะพี่จื่อหาน สุดท้ายฉู่เซี่ยก็รู้อยู่ดี”
“ช้าเร็วเขาก็จะรู้ ปิดบังไว้ไม่ได้นานหรอก” ลั่วจื่อหานบีบจมูก “นายก็อย่ากังวลให้มาก”
“ขอบคุณพี่จื่อหานครับ”
“อือ”
วางสาย ลั่วจื่อหานมองเวลาบนโทรศัพท์มือถือ ต้มน้ำขิงไว้ถ้วยหนึ่ง นั่งสักพัก เมื่อขึ้นไปข้างบนก็พบว่าในห้องว่างเปล่า เขาเคาะประตูห้องน้ำเบาๆ
“เป่ยซี เป่ยซี”
ไม่มีเสียงตอบรับมาจากข้างใน เขาเปิดประตูทันที พบว่าอี้เป่ยซีใส่เสื้อที่เขาเตรียมไว้ให้เธอ นั่งอยู่บนฐานอ่างล้างหน้า เหม่อมองอ่างอาบน้ำ แกว่งเท้าน้อยๆ เธอดูเบื่อหน่ายแต่กลับชวนให้น่าตกใจอย่างบอกไม่ถูก
“เป่ยซี”
“เสื้อเปื้อนแล้ว ลั่วจื่อหาน” เสียงสะอึกสะอื้นเปี่ยมด้วยความคับค้องใจ อี้เป่ยซีกระพริบตาถี่ ดวงตาที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาส่องแสงเป็นประกายอยู่ภายใต้แสงไฟ
ลั่วจื่อหานกอดเธอไว้ในอ้อมแขนตัวเอง “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เดี๋ยวซักให้สะอาดก็โอเคแล้ว ถ้าหากไม่ชอบล่ะก็ พวกเราก็เปลี่ยนอีกตัวดีไหม” ระมัดระวังเพียงใดหรือตื่นเต้นเพียงใด แม้แต่ตัวเขาเองก็มองไม่ออก
อี้เป่ยซีขำคิกคักอยู่ในอ้อมกอดของเขา ราวกับเด็กน้อยที่ลูกไม้เล็กๆ ของเธอบรรลุผล พร้อมทั้งแสดงอาการลำพอง “ดีเลย ดีเลย พวกเราไปซื้อเสื้อกัน ไปซื้อเสื้อใหม่เยอะๆ…ฮัดเช้ย”
“พวกเราไปดื่มน้ำก่อน พักผ่อนสักพัก แล้วค่อยไป หืม?”
“ได้” อี้เป่ยซีวางคางลงบนไหล่ของเขา เธอจึงผ่อนคลายลงบ้าง ลั่วจื่อหานก็ผ่อนคลายเช่นกัน ดึงเธอไปดื่มน้ำขิง และกล่อมให้เธอนอนลงบนเตียง มองออกไปยังนอกหน้าต่าง ตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว ฝนก็หยุดตกแล้ว นอกหน้าต่างมีแมลงส่งเสียงร้อง ได้ยินชัดเจนเป็นพิเศษ เขาหันหน้ามองคนที่กำลังหลับใหลอีกครั้ง ปกปิดสีหน้ารักลึกซึ้งไว้ไม่มิด
รอจนกลางคืนผ่านพ้นไป พรุ่งนี้ก็อากาศแจ่มใสแล้วเป่ยซี พออากาศแจ่มใสก็ออกไปเดินเล่นได้แล้วและสามารถทิ้งของสกปรกเหล่านั้นออกไปไกลๆ ได้แล้ว…
วันรุ่งขึ้น อี้เป่ยซีลืมตาและพบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเท่าไรนัก ครุ่นคิดเล็กน้อยก็นึกขึ้นได้ว่าที่นี่คือบ้านของลั่วจื่อหาน และนึกถึงกิริยาที่บ้าบิ่นของตัวเองเมื่อคืน จู่ๆ ก็รู้สึกไม่ค่อยดี เธอมองซ้ายมองขวา คล้ายผ้าห่มออกเดินเท้าเปล่าและเปิดประตูแผ่วเบา
“อรุณสวัสดิ์” เสียงของลั่วจื่อหานมีความเฉื่อยชาและแหบแห้งจากการเพิ่งตื่นนอน เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เห็นเขาขมวดคิ้ว วินาทีต่อมาตัวเองก็ถูกช้อนตัวอุ้มขึ้นมา เธอคว้าเสื้อของเขาไว้โดยไม่รู้ตัว “ทำไมเดินเท้าเปล่าล่ะ?”
“ไม่ค่อยอยากใส่รองเท้า” ถูกวางลงบนเตียงอีกครั้ง ลั่วจื่อหานเอารองเท้าแตะที่มีหูกระต่ายคู่หนึ่งไว้ที่ด้านหน้าของเธอ สไตล์น่ารัก ช่างไม่เข้ากับการตกแต่งของที่นี่และเจ้าของที่นี่เลย
แม้จะแปลกใจเล็กน้อย อี้เป่ยซีก็ยังสวมรองเท้าแตะแล้วยืนขึ้น
“อืม เมื่อคืนขอบคุณนายนะ รบกวนนายอีกแล้ว” เธอก้มหน้า น้ำเสียงเกรงใจมาก ลั่วจื่อหานลูบๆ หัวของเธอ
“ไม่เป็นไร เก็บของแล้วลงไปกินข้าวเช้ากันเถอะ วางเสื้อไว้ที่หัวเตียงให้เธอแล้ว” ปิดประตูเบาๆ อี้เป่ยซีหยิบเสื้อผ้าที่หัวเตียงขึ้นมา เสื้อแขนยาว กางเกง…เมื่อเห็นเสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อย หน้าน้อยๆ ก็แดงทันใด รีบเปลี่ยนเสื้อแล้วลงไปกินข้าวข้างล่าง ก้มหน้าตลอดเวลา ไม่กล้ามองลั่วจื่อหาน
หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว ลั่วจื่อหานก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าอี้เป่ยซีอีกครั้ง “เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”
“ไป? ไปไหน?”
“เธออยากไปซื้อเสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ? ลืมแล้ว?”
อี้เป่ยซีจึงนึกถึงคำพูดของตัวเองเมื่อวานได้ เกาหัวอย่างเขินอาย “หา ตอนนั้นฉันอารมณ์ไม่ดี อย่าถือคำพูดเป็นจริงจังเลย ฉันไม่รบกวนนายดีกว่า กลับก่อนล่ะ”
ลั่วจื่อหานดึงข้อมือของเธอไว้ สร้อยข้อมือสีฟ้ากั้นกลางระหว่างสองคน “ฉันถือเป็นจริงจังแล้ว” จากนั้นก็พาเธอขึ้นรถไปโดยไม่พูดอะไรเลย ขับรถมุ่งหน้าไปยังศูนย์การค้าทันที
“เอ๊ะ นายไม่ต้องทำงานเหรอ?”
“ไม่ต้อง”
“บริษัทนายไม่มีงานเหรอ?”
“ไม่มี”
“นายไม่มีธุระอื่นเหรอ ลืมแล้วหรือเปล่า”
ลั่วจื่อหานมองเธออย่างมีนัยนะ อี้เป่ยซีรีบหลบตา “ฉัน ฉันก็แค่รู้สึกว่า นายยุ่งขนาดนี้ ลากนายไปช้อปปิ้งกับฉันทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ มันจะเกินไปหน่อย”
“อ๋อ?” เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “ถ้าเธออยากทำอะไรที่มีสาระกับฉัน ฉันพร้อมทุกเมื่อ”
“อืม งั้นพวกเราไปช้อปปิ้งเถอะ” เธอนั่งตัวตรง แสดงท่าทีสนใจมาก ลั่วจื่อหานมุมปากยกยิ้ม
……………………………….