บทที่ 135 เรื่องกวนใจรอบสอง (4)
อี้เป่ยเฉินมองเห็นผู้ที่มาเยี่ยมเยียนท่ามกลางควันบุหรี่ ดับบุหรี่ในมือทันที พูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งจนตัวเองก็คาดไม่ถึง “กลับมาแล้วเหรอ?”
เธอพยักหน้า กัดริมฝีปากต้องการถือกระเป๋าเดินผ่านเขาไป มาถึงตีนบันได อี้เป่ยเฉินยังคงเดินมาข้างเธอ ดึงกระเป๋าที่ไม่นับว่าหนักมากมาอยู่ในมือ บนตัวอบอวลไปด้วยกลิ่นบุหรี่
ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนกระทั่งมาถึงห้องของเธอ
อี้เป่ยเฉินมองเงาของเธอที่คุกเข่าเก็บของอยู่บนพื้นด้วยความลึกซึ้ง ถอยออกไปด้วยความอ้างว้างเล็กน้อย ได้ยินเสียงปิดประตูดึงขึ้นด้านหลัง อี้เป่ยซีทรุดนั่งลงบนพื้น กำเสื้อผ้าในมือไว้แน่น ความอึดอัดใจที่อธิบายไม่ได้เพิ่มพูนขึ้น
พี่ชายเสียใจมากขนาดนี้เพราะเธอหรือเปล่า? พวกเขาสองคนมีปัญหาตรงไหนกันแน่
พี่ชายชอบเธอมาตลอดสินะ
อี้เป่ยซีราวกับว่าได้พบกับเรื่องตลอดมากมายอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง หัวเราะจนปวดเมื่อยโหนกแก้มทั้งสองข้าง หัวเราะจนน้ำตาไหลออกมาจากขอบตา
เขาไม่พูด เธอไม่พูด เผชิญหน้ากันทั้งอย่างนี้ ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังรอฉัน เธอก็ไม่รู้ว่าฉันกำลังคาดหวังเธออยู่ เธอคิดว่าหากคอยดูกันและกันก็จะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไรอยู่ ก็จะไม่เกิดเรื่องหักมุมหรือความผิดพลาดอะไรขึ้นอีก แต่ว่าเธอลืมไปว่าไม่มีอะไรจะอยู่คงเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลง กว่าเธอจะได้เห็นการกระทำของเขา เธอก็ตามไม่ทันแล้ว
ฉะนั้นนะ พี่เป่ยเฉิน การเผชิญหน้าของพวกเราก็ไม่สามารถสัมผัสถึงอีกฝ่ายได้ ฉะนั้นนะ พี่เป่ยเฉิน ต่อให้พวกเราอยู่ศาลาริมน้ำก็สัมผัสแสงจันทร์ไม่ได้อยู่ดี
เธอออกแรงปากน้ำตาบนใบหน้า เอาเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าแล้วโยนทุกอย่างลงบนเตียง พุ่งไปที่ห้องน้ำอย่างรวดเร็ว โน้มตัวลงอาเจียน น้ำตาร่วงแปะอยู่บนหลังมือ รู้สึกเจ็บปวด
ในช่วงเย็น คุณแม่อี้จึงกลับมาจากบ้านเพื่อน หลังจากอี้เป่ยซีได้ยินเสียงดังของรถแล้ว ก็ได้ยินเสียงเธอดุอี้เป่ยเฉิน
“ลูกสูบบุหรี่ในบ้านอีกแล้วเหรอ?”
“แค่สูบนิดหน่อย”
“ลูกทำท่าซังกะตายแบบนี้ให้ใครดู ลูกชายของแม่เป็นคนที่ไร้กำลังอ่อนแอปลงไม่ตกแบบนี้เหรอ คิดจะเอาความน่าสมเพศของตัวเองเพื่อเรียกร้องความสงสารเหรอ?” ท่าทางของคุณแม่อี้เย็นขา เขาไม่ได้ตอบโต้ มือค่อยๆ กำหมัดแน่น
“ลูกไม่พูดอะไรเองต่างหาก ลูกเป็นคนตกลงที่จะกลับประเทศเอง สุดท้ายก็เป็นความละเลยของลูกเอง เป่ยซีชอบคนอื่นแล้ว ทำไมตอนนี้ถึงไม่โทษตัวเองแต่ไปหาเหตุผลอื่นล่ะ?”
อี้เป่ยซีดึงเนกไทบนตัวอย่างหงุดหงิด พูดว่าจะไปอาบน้ำแล้วเดินขึ้นชั้นบนไปอย่างหมดแรง อี้เป่ยซีรออยู่ในห้องเนิ่นนาน จึงค่อยๆ ย่องลงมาชั้นล่าง ก็เห็นคุณแม่อี้นั่งขมวดคิ้วอยู่บนโซฟา
“คุณแม่” เสียงเรียกที่สดใสของอี้เป่ยซีดึงเธอออกมาจากภวังค์ คุณอี้เงยหน้าขึ้นมองอี้เป่ยซีสักพักใหญ่ สุดท้ายก็หัวเราะเบาๆ อย่างจนใจ โบกไม้โบกมือให้เธอ
เธอเม้มปาก นั่งลงข้างคุณแม่อี้
“เป่ยซี แม่รู้ว่ามันไม่ง่ายสำหรับลูก แต่ว่าแม่ก็ยังอยากจะบอกว่า ลั่วจื่อหานเขา…”
“แม่คะ” อี้เป่ยซีขัดจังหวะเธอ สองมือกุมมือของสาวใหญ่ที่ได้รับการดูแลมาอย่างดี “เขาดีกับหนูมาก หนูก็ไม่รู้ว่าพวกเราสองคนจะมีอนาคตร่วมกันเปล่าหรือต่อไปจะทำยังไง แต่ว่าตอนนี้หนูรู้อยู่อย่างนึง ว่าหนูชอบเขา ประเภทที่ชอบมากๆ หนูอยากอยู่กับเขาตลอดไป อยู่เคียงข้างเขาตลอดไปโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลยก็ได้”
“แม่คะ หนูก็เคยคิดว่าต่อไปจะปัญหาอะไรหรือเปล่า แต่ว่าแม่คะ หนูเชื่อเขา ฉันเชื่อในความชอบที่เขามีต่อหนู และหนูก็เชื่อว่าเขาจะไม่ปล่อยให้หนูได้รับความคับข้องใจอะไร”
“อีกอย่าง แม่คะ พวกเรายังไม่ทันจะเริ่มลองก็ยอมแพ้เร็วแบบนี้ เท่ากับว่าขี้ขลาดไปหน่อยหรือเปล่า การได้เจอลั่วจื่อหานที่ชอบอี้เป่ยซี มันยากมาก หนูไม่อยากยอมแพ้ง่ายแบบนี้ แม่คะ แม่จะสนับสนุนหนูใช่ไหมคะ”
คุณแม่อี้กอดเธอไว้ในอ้อนแขนของตัวเอง ราวกับว่ากำลังปลอบใจเด็กตัวน้อย ตบๆ หลังของเธอ “แม่ก็แค่เป็นห่วง เฮ้อ ในเมื่อลูกตัดสินใจแล้ว แม่ยังจะพูดอะไรได้อีกเหรอ”
“แม่คะ ลั่วจื่อหานเขาดีมากจริงๆ นะคะ เขาก็ดีกับหนูมากด้วย แม่เคยเห็นเขาแม่ก็รู้แล้ว”
“แม่มีลูกสาวแค่คนเดียว ถ้าเขากล้าทำผิดต่อลูกล่ะก็ แม่ไม่ปล่อยเขาแน่นอน”
“ค่ะๆๆ ถ้าเขาทำไม่ดีกับหนู แม่จะจัดการกับเขายังไงก็ได้”
“ลูกน่ะ กลับมาตั้งนานแล้ว น่าจะหิวแล้วสิ อยากกินอะไรแม่จะทำให้กิน”
“อยากกินซี่โครงค่ะ ซี่โครง”
“ได้ๆๆ” คุณแม่อี้ตบๆ มือของเธอ เก็บของครู่หนึ่งแล้วเข้าไปในห้องครัว อี้เป่ยซีจึงถอนหายใจโล่งอก เพื่อนนักศึกษาลั่วจื่อหาน ‘นายต้องขอบคุณฉันอย่างดีที่ช่วยนายจัดการกับความสัมพันธ์ทางบ้าน’ เธอกอดบนโซฟายิ้มน้อยๆ
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าสั่น เธอกำลังคิดถึงเรื่องของตัวเอง เด้งขึ้นมาจากโซฟาทันที มองดูสายเรียกเข้า จึงถอนหายใจ กดรับสาย
“ทำไมถึงโทรมาหาฉันป่านนี้ล่ะ”
“ไม่สะดวก?”
อี้เป่ยซีมองไปยังห้องครัว “นายรอแป๊บนะ ฉันกลับห้องก่อน”
“อืม”
เธอเดินย่องกลับเข้าไปห้อง ปิดประตูแผ่วเบา “กินข้าวแล้วยัง?”
“ยังเลย” อี้เป่ยซีได้ยินเสียงวางปากกาลงบนโต๊ะ ขมวดคิ้ว
“นายยังอยู่ที่ทำงาน? ป่านนี้แล้วยังทำงานอยู่อีก ข้าวก็ไม่กิน?”
ลั่วจื่อหานหัวเราะเบาๆ สองที “อืม”
“นายยังจะหัวเราะอีก นายโตป่านนี้แล้วทำไมถึงไม่ดูแลร่างกายของตัวเอง แก่แล้วนายจะเสียใจทีหลัง”
“อืม”
“เฮ้อ ลั่วจื่อหานปีนี้นายอายุเท่าไรแล้ว”
“ยี่สิบแปด”
ดวงตาของอี้เป่ยซียิ้มโก่ง “หืม งั้นฉันเรียกนายว่าคุณอาได้หรือเปล่านะ”
“คุณอากับหลานสาวตัวน้อย?”
“ชิ หน้าไม่อาย”
“ถ้ายังมีหน้าก็ไม่มีหลานสาวแล้ว เอามาทำอะไร” เขาหยุดครู่หนึ่ง “สะดวกวีดีโอคอลไหม?”
อี้เป่ยซียังไม่ทันตอบ ก็เห็นคำขอวีดีโอของลั่วจื่อหานแล้ว เดิมทีเธอคิดว่าอีกประเดี๋ยวค่อยกด แต่ว่าพอมือสั่นก็ไม่ระวังกดรับสายแล้ว ท่าทางของลั่วจื่อหานที่ใส่เสื้อสูทรองเท้าหนังปรากฏอยู่บนหน้าจอ เธอจัดวางตำแหน่งให้ดี ก็เห็นลั่วจื่อหานขมวดคิ้ว
“เป็นอะไรไป เห็นฉันแล้วไม่ดีใจเหรอ”
“ไม่มีใครจัดห้องให้เธอเหรอ?”
“หา นายรังเกียจฉันเหรอ แบบนี้ไม่ดีหรือไง นายไม่รู้สึกว่ามันให้ความรู้สึกอบอุ่นหรือไง?”
เขาส่ายหัว “ตอนนี้ทำอะไรอยู่”
“รอกินข้าวน่ะ อ้อ จริงสิ วันนี้นายต้องขอบคุณฉันนะ ฉันช่วยนายคุยกับแม่ฉันแล้ว ตอนนี้เขาไม่มีอคติกับนายแล้ว”
“อืม รอฉันกลับไปจะช่วยเธอจัดการเรื่องความสัมพันธ์แม่สามีกับลูกสะใภ้”
“เชอะ แม่สามีลูกสะใภ้อะไรกัน ฉันยังไม่ได้บอกว่าจะแต่งกับนายเลยนะ?”
“งั้นเธออยากแต่งกับใคร?”
“ไม่รู้สิ เรื่องของอนาคตไว้ค่อยว่ากันเถอะ ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนที่ดีกว่า เด็กกว่าแล้วก็ดีกับฉันมากกว่านายมากๆ โผล่มาก็ได้นะ คุณลั่ว นายต้องระวังตัวสักหน่อยนะ”
“ยังมีคนแบบนี้อีกเหรอ?”
“เฮ้อ ขอฉันจินตนาการแป๊บ”
“สุดท้ายในจินตนาการก็ยังเป็นฉัน?”
————