ตอนที่ 160 ด้านของพ่อแม่ (6)
ตอนนี้เยี่ยฉินรบกวนบ้านอี้มาครึ่งเดือนแล้ว และไม่รู้ว่าทำไมถึงยังหากระเป๋าเดินทางของเธอไม่เจอ ในขณะที่เธอกำลังจะยอมแพ้นั้น ข้าวของทั้งหมดของเธอก็ราวกับตกลงมาจากฟ้า เธอไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะขอบคุณคนแปลกหน้าที่ตัวเองพบที่ต่างถิ่นได้อย่างไร
“ต้องขอบคุณพวกคุณจริงๆ ค่ะ” เยี่ยฉินกอดคุณแม่อี้ด้วยความซาบซึ้ง ขอบคุณที่ดูแลเธออย่างสุดความสามารถและช่วยเหลือเธออย่างสุดความพยายามแบบนี้
รอยยิ้มบนใบหน้าของคุณแม่อี้ดูฝืนเล็กน้อย รู้สึกเจ็บปวดในใจ เด็กสาวที่รู้เดียงสาขนาดนี้ หรือว่าตอนนี้จะทำได้เพียงอยู่ไปวันๆ เพื่อรอความตายมาพรากเธอจากไปอย่างนั้นเหรอ แม้แต่สักวิธีก็ไม่มีเชียวหรือ กว่าจะได้เจอเด็กสาวที่ชอบแบบนี้มันไม่ง่ายเลย พูดกันตามตรง เธอทนไม่ได้จริงๆ
อี้เฉิงเห็นอาการของภรรยาตัวเอง ก็รู้ว่าเธอกำลังรู้สึกอะไรอยู่อีกแล้วแน่ๆ เดินเข้ามาโอบเอวของเธอ มองไปยังเยี่ยฉิน ในแววตามีความรักที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก “เตรียมตัวจะไปแล้วเหรอ?”
เยี่ยฉินอึ้งไปครู่หนึ่ง พยักหน้า หัวใจของเธอก็รู้สึกอาลัยอาวรณ์เหมือนกัน แต่ว่าคนครอบครัวนี้ดีมากจริงๆ ดีจนเธอไม่อยากจากไปไหน ดีจนเธอไม่อยากให้พวกเขารู้ถึงสถานการณ์ที่แท้จริงของตัวเองในตอนนี้
เธอยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ต่อไปยังมีโอกาส ถ้าหากเป็นไปได้ พอกลับประเทศแล้ว คุณทั้งสองคนจะไปบ้านฉันก็ได้…ไปนั่งที่บ้านฉัน”
คุณแม่อี้รู้สึกว่ารอยยิ้มนี้บาดตาเป็นอย่างมาก บาดจนน้ำตาของเธอแทบร่วง บาดจนเธอรู้สึกปวดใจ อี้เฉิงก็ยิ้มเหมือนกัน “ได้สิ แน่นอน”
“ถ้ายังไงอยู่ต่ออีกสักสองสามวันเถอะ ไปเที่ยวที่ที่น้าบอกเธอไปก่อนหน้านี้ คงไม่เสียเวลาเธอเท่าไรหรอกนะ” คุณแม่อี้พูด น้ำเสียงมีความคาดหวัง เยี่ยฉินลังเลครู่หนึ่ง แล้วตอบตกลงอย่างเชื่อฟัง
เธอรู้สึกโล่งอก ลากเยี่ยฉินเดินดูรอบๆ
อี้เฉิงกลับห้องหนังสือตามลำพัง เริ่มจัดการเรื่องที่อยู่ในมือ โทรศัพท์มือถือดังและส่องสว่างขึ้นภายในห้องหนังสือโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า
“ฮัลโหล”
“พ่อคะ หนูเอง หนูอี้เป่ยซี”
เขาได้ยินเสียงลูกสาวของตัวเอง ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวแล้ว “ฟังออกแล้วล่ะ ว่ายังไง?”
“คือว่า พ่อคะ แม่ได้เล่าเรื่องของหนูให้พ่อฟังหรือเปล่า”
“ลูกไปทำอะไรให้แม่ของลูกโมโหเหรอ?”
“ไม่ ไม่เชิงค่ะ ก็แค่ แม่ได้บอกพ่อหรือเปล่า…” จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงผู้ชายหัวเราะเบาๆ จากปลายสาย จากนั้นลูกสาวของตัวเองก็เอามือปิดลำโพงแล้วต่อว่าเขาสองสามคำเหมือนเด็กๆ ได้ยินไม่ชัดว่าพูดอะไร แต่ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนทำให้รู้สึกมีความสุขอย่างไม่มีเหตุผล
น่าจะเป็นลั่วจื่อหานสินะ เขาแสร้งทำเป็นขึงขัง “ทำไมเหรอ ไม่ใช่ว่าลูกมีแฟนแล้วหรอกนะ?”
อี้เป่ยซีตื่นตกใจไปชั่วขณะ เธอจ้องลั่วจื่อหาน กลัวว่าพ่อของตัวเองจะเกลียดเขา ในหัวหมุนติ้วอย่างรวดเร็ว คิดหาคำพูด
“ผู้ชายข้างๆ ลูกคือใคร?”
เธอกัดริมฝีปาก มองผู้ชายที่ยิ้มอยู่ข้างๆ ตัวเอง “หา พ่อ พ่อหูฝาดไปหรือเปล่า” เสียงของเธอต่ำลงทุกที “ข้างๆ หนูมีผู้ชายที่ไหนกัน”
คนผู้เป็นพ่อเลิกคิ้ว กลัวว่าเขาจะเกลียดพ่อหนุ่มนั่นสินะ “ไม่มีก็ดีแล้ว เป่ยซี ลูกยังเด็ก เรื่องพวกนี้ไว้รอลูกโตอีกหน่อยค่อยว่ากัน ไว้ต่อไปมีคนที่ชอบแล้ว พ่อจะช่วยลูกดึงกลับมายังได้เลย แต่ว่าตอนนี้ลูกรู้เหรอว่าความรักคืออะไร?”
คำชี้แนะที่จริงใจนั้นทำให้อี้เป่ยซีเงียบไปเล็กน้อย เธอคว้ามือของลั่วจื่อหานที่เล่นกับผมของเธอ กุมข้อนิ้วของเขา อุณหภูมิอันอบุอ่นค่อยๆ แล่นเข้าสู่หัวใจของเธอ ราวกับว่ามีความแน่นอนที่หาที่เปรียบไม่ได้
“หนู…”
“ลูกแน่ใจหรือเปล่าว่าคนที่ชอบในตอนนี้ แล้วจะชอบตลอดไป?”
อี้เป่ยซีครุ่นคิด นอกจากลั่วจื่อหานแล้วตัวเองยังจะชอบใครได้อีก เธอลุกขึ้นจากอ้อมอกของลั่วจื่อหาน จ้องมองใบหน้าของเขา รู้สึกว่าตัวเองไร้สาระ นอกจากเขาแล้วจะชอบใครได้อีก แล้วจะมีใครที่ชอบเธอได้มากกว่าเขา เธอมั่นใจเป็นอย่างมาก
“ชอบค่ะคุณพ่อ หนูจะชอบเขาตลอดไปและตลอดไป”
อี้เฉิงหัวเราะ ก่อนหน้านี้ตอนที่ได้ยินภรรยาของตัวเองเล่าถึงเรื่องของอี้เป่ยซีกับลั่วจื่อหาน เขาก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังแอบตั้งตาคอยถึงฉากที่พวกเขามารวมกันในที่สุด ลั่วจื่อหานเหมาะสมกับเธอมากจริงๆ และชอบเธอมากด้วย ดีกว่าลูกชายของตัวเองเสียอีก…
“งั้นลูกโทรมาหาพ่อมีอะไร?”
อี้เป่ยซีจึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองโทรมาเพราะอะไร “เอ่อ คือว่า เขาอยากจะไปไหว้พ่อ แค่ไม่รู้ว่าพ่อมีเวลาหรือเปล่า”
“เรื่องที่เกี่ยวกับลูกสาวของตัวเองจะไม่มีเวลาได้ยังไง พวกลูกบอกเวลามาเถอะ พ่อว่างตลอด”
“อืม ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะพ่อ”
“คุณอาอี้…” อี้เป่ยซีได้ยินเสียงของผู้หญิงเลือนลาง ในใจรู้สึกว่าคุ้นๆ แต่ว่านึกไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน แต่ว่าพอฟังเสียงที่ไพเราะแล้วก็จินตนาการได้ว่าหญิงสาวที่อยู่ทางนั้น…
ไม่จริงมั้ง พ่อของเธอจะกินหญ้าอ่อนแบบนี้เหรอ!
เธอลังเลครู่หนึ่ง “พ่อคะ ตอนนี้พ่ออยู่ที่ไหน แม่ แม่หนูอยู่กับพ่อหรือเปล่า?”
อี้เฉิงเข้าใจในทันทีว่าอี้เป่ยซีกำลังคิดอะไร “ลูกคิดอะไรเหลวไหลน่ะ ระวังไว้นะพ่อคิดว่าคนข้างๆ ลูกทำให้ลูกกลายเป็นแบบนี้”
อี้เป่ยซีรีบหัวเราะขอโทษ “มิกล้า มิกล้า เพราะว่าพ่อของหนูเก่งขนาดนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้วพ่อว่าใช่หรือเปล่า หนูแค่รู้สึกว่าแม่ไม่ได้รีบไล่เขาออกไป ก็เลยแปลกใจนิดหน่อยแค่นั้น”
“เขาเป็นยัยหนูที่แม่ของลูกกับพ่อชอบมาก ถ้าพวกลูกมานี่เร็วหน่อย อาจจะได้เจอเขา”
“ไม่ล่ะค่ะ งั้นหนูก็ต้องแย่งความรักกับยัยหนูของพ่อน่ะสิ ไม่ไปหรอก หนูจะรออีกหน่อย”
“ได้ๆๆ ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้นะ แม่ของลูกเรียกให้พ่อลงไปแล้ว”
“ค่ะ บายๆ ค่ะพ่อ”
อี้เป่ยซีวางโทรศัพท์มือถือลงรู้สึกโล่งอกเล็กน้อย ลั่วจื่อหานกอดเธอ “กลัวว่าคนที่บ้านจะเกลียดฉันขนาดนี้เลยเหรอ?”
“ใช่สิ คุณพ่ออี้คุณแม่อี้เห็นฉันโตมา พวกเขาดีกับฉันมากจริงๆ ทำกับฉันเหมือนเป็นลูกสาวแท้ๆ แน่นอนฉันก็หวังว่าพวกเขาจะชอบคนที่ฉันชอบเหมือนกัน”
“แล้วถ้าพวกเขาไม่ชอบล่ะ”
“ไม่ชอบก็ช่างมันเถอะ ถ้าชอบจะดีที่สุด ถ้าไม่ชอบก็พานายไปให้พวกเขาเจอหน้าก็พอแล้ว จะทำยังไงได้ล่ะ” อี้เป่ยซีดึงมือของลั่วจื่อหานมาอยู่ในมือแล้วเล่นกับมัน “แต่ว่า นายเก่งขนาดนี้ พวกผู้ใหญ่คงไม่รังเกียจนายหรอกมั้ง”
“ไม่รู้สิ เธอพูดแบบนี้ ฉันก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรนะ” พูดจบจู่ๆ ลั่วจื่อหานก็หัวเราะ “เป่ยซี”
“หืม”
“เธอคิดว่า พวกเราที่เป็นแบบนี้เหมือนกำลังเตรียมตัวแต่งงานหรือเปล่า”
อี้เป่ยซีนึกถึงน้ำเสียงของพ่อตัวเองเมื่อครู่ เขาพูดนู่นนี่นั่นไปเรื่อย แต่ในน้ำเสียงกลับมีความคิดเหมือนอยากให้ลูกสาวออกเรือน
“โลกสวยนะ นายไปเจอพ่อแม่ฉันก่อนค่อยว่ากันเถอะ”
————